สืบเนื่องจากการที่บริษัทคิงเพาเวอร์ จำกัด และพนักงานระดับบริหารของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หลายๆ คนถูกฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเมื่อกลางปี 2560 ที่ผ่านมา ระยะเวลาพิจารณาคดียังใช้เวลาอีกนานเพราะยังอยู่ในขั้นตอนรอการไต่สวนมูลฟ้องในปีหน้า 2561
คดีนี้ศาลได้ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวให้ถูกต้องและเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ศาลจึงมีคำสั่งห้ามคู่ความไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลและพยานหลักฐานที่อาจจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการพิจารณาของศาลจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
กระนั้นก็ตามในสื่อโลกโซเชียลมีเดียได้มีผู้ไปเสนอความเห็นต่างๆ ที่ส่วนใหญ่จะเพ่งมองไปที่จำเลยฝ่ายเดียวทั้งๆ ที่จำเลยก็ยังได้ฟ้องโจทก์หลายคดีที่ล่าสุดก็วิพากษ์วิจารณ์ที่จำเลยเข้าไปถือหุ้นใน ทอท.อาจมีปัญหาในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนกรณีดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้อธิบายว่า
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ทอท. มีทุนจดทะเบียน 14,285 ล้านบาท มีจำนวนหุ้น 1,428 ล้านหุ้นแม้ในบัญชีผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรก จะพบว่า นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคิงเพาเวอร์ กับ น.ส.วรมาศ ศรีวัฒนประภา จะถือหุ้นอยู่ในลำดับที่ 9 และ 10 โดยนายอัยยวัฒน์ถือหุ้น 11.46 ล้านหุ้น หรือ 0.8% และ น.ส.วรมาศ ถือหุ้น 9 ล้านหุ้น หรือ 0.63% รวมกัน 20 ล้านหุ้น
แต่เมื่อเทียบสัดส่วนหุ้นทั้งหมดของทอท.นั้นคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.43% ของหุ้นทั้งหมดเท่านั้น ถือเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงใดๆ ต่อการกำหนดนโยบาย หรือมีอำนาจบริหารในกิจการของทอท.
และเป็นการเข้าไปถือหุ้นหรือลงทุนส่วนตัวผู้บริหารระดับสูงในวงการตลาดทุนให้ความเห็นถึงกรณีข้างต้นว่าการถือหุ้นของ 2 ผู้บริหารคิงเพาเวอร์ดังกล่าวไม่ได้มีผลใดๆ กับทอท. เพราะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมหรือมีอำนาจในการบริหารงาน
หรือกำหนดนโยบายใดๆ ภายในบริษัทซึ่งนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หรือรายย่อยทั่วไปก็สามารถถือหุ้นหรือซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้อยู่แล้วใครก็มีสิทธิซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้เพราะทอท.เป็นบริษัทมหาชนที่สำคัญกระทรวงการคลังยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นผู้กำหนดนโยบายของทอท.ร่วมกับกระทรวงคมนาคม
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า การถือหุ้น ทอท.ดังกล่าวอาจถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้และการจะห้ามผู้ที่มีสัมปทานหรือมีธุรกรรมกับ ทอท.ไม่ให้ไปซื้อหรือถือหุ้น ทอท.ก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้อยู่แล้วเพราะเขามองว่าธุรกิจของ ทอท.มีพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ใครก็อยากเข้ามาลงทุนถือหุ้น
เรื่องนี้ถือว่าเป็นไปโดยธรรมชาติของสื่อมวลชนที่ช่วยทำให้เกิดความสมดุลในด้านข้อมูลให้ความรู้ที่ถูกต้องกับผู้อ่านซึ่งเชื่อได้โดยบริสุทธิ์ใจว่าต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ แต่เรื่องนี้คดีอยู่ในศาลแล้วอย่างมีเหตุผลและเป็นธรรม อย่าได้ไปผสมโรงตามโลกโซเชียลมีเดียเพราะอาจจะผิดกฎหมายได้เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี