ก่อนหน้านี้ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณชินวัตร ใช้เฟซบุ๊คเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างคึกคัก โลดโผน ผิดกับระยะหลังๆ ที่ห่างหายไป หลังจากถูกแจ้งข้อหาคดีฟอกเงิน กรณีเงินกู้ธนาคารกรุงไทย โดยครั้งล่าสุดที่โพสต์เฟซบุ๊คก็อ้างถึงโอกาสวันพ่อแห่งชาติ แถมเนื้อหาก็บอกว่า “..เราเพียงแต่ต้องการชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืนมา โดยที่ไม่มีคนหนึ่งคนใดในครอบครัว ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลย...แม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นไปได้จริง จะเป็นของขวัญที่มีคุณค่ามากที่สุด สำหรับผมและครอบครัวครับ”
1. ก่อนหน้านี้ ปปง. ได้มีหนังสือถึงดีเอสไอส่งข้อมูลและแจ้งผลการดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิด กรณีผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อให้แก่กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ และขอให้ดีเอสไอตรวจสอบบุคคลที่รับโอนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินอันเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในส่วนที่เกี่ยวกับบุคคล 4 คน
เงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเรื่องนี้ มีจำนวน10 ล้านบาท และ จำนวน 26 ล้านบาท
ดีเอสไอรับไว้เป็นคดีพิเศษที่ 25/2560
ต่อมาพนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้พิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นชอบร่วมกันว่าคดีมีพยานหลักฐานตามสมควรที่จะแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลจำนวน 4 คน ได้แก่ นางเกศินี จิปิภพนางกาญจนาภา หงษ์เหิน นายวันชัย หงษ์เหิน และนายพานทองแท้ ชินวัตร ในข้อหาสมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบแล้ว
2. นายพานทองแท้ เป็นลูกชายของนายทักษิณ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ของคดีทุจริตเงินกู้กรุงไทย
โดยตัวพ่อ คือทักษิณ ถูกกล่าวหาว่า เป็น “บิ๊กบอส” ผู้สั่งการให้ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อตามที่เอกชนเสนอ ทั้งที่มีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ไม่อาจอนุมัติสินเชื่อให้ ละเว้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบ เมื่อเอกชนได้รับสินเชื่อแล้วก็ไม่นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์
สำหรับนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เป็นเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร มีความใกล้ชิดมาก เกี่ยวข้องกับการดูแลธุรกรรมโด่งดังสารพัดเรื่อง ทั้งเรื่องหุ้นชินฯ - สนามกอล์ฟอัลไพน์
ส่วนนางเกศินี จิปิภพ เป็นแม่ของนางกาญจนาภา นายวันชัย หงษ์เหิน เป็นสามีของนางกาญจนาภา เป็นเจ้าหน้าที่ซื้อขายหลักทรัพย์
3. ล่าสุด พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฟอกเงินจากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหานายพานทองแท้ กับพวกรวม 4 คน ในความผิดฐานฟอกเงินและสมคบฟอกเงินไปแล้วนั้น
ระบุว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอเวลา 60 วัน ในการยื่นเอกสารหลักฐานและคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร โดยจะครบกำหนดภายในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
4. ปรากฏว่า ทั้ง 4 คนนั้น เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อรับทราบข้อหา เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา
ครั้งนั้น สื่อมวลชนรายงานว่า มีนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายในคดีนี้ เข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำด้วย
5. คดีนี้ สอบสวนกันมายาวนานมาก
ในคำพิพากษาศาลฎีกาฯ เปิดเผยให้เห็นการกระทำอุกอาจ เกี่ยวกับการสั่งการ การอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ
ชี้ว่า ได้ความจากพยานซึ่งเป็นกรรมการพิจารณาสินเชื่อธนาคารกรุงไทยว่า ก่อนการประชุมอนุมัติสินเชื่อให้เอกชน ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐจำเลยที่ 2 ได้โทรศัพท์มาหาพยานและบอกว่า บิ๊กบอสหรือซูเปอร์บอส ได้ดูดีแล้ว ไม่ให้คัดค้านการอนุมัติสินเชื่อครั้งนี้ โดยคำพิพากษาบางตอนระบุว่า “โครงการกฤษดาซิตี้ 4000 เป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่ในการเสนอขอสินเชื่อกลับมีเอกสารประกอบเพียง 2 แผ่น และคณะกรรมการบริหารของธนาคารกรุงไทยก็ใช้เวลาพิจารณาเพียง 15 นาทีเท่านั้น...”
ปรากฏว่า เงินกู้บางส่วน ถูกโอนให้บุคคลในกลุ่มจำเลย และโอนให้บุคคลภายนอกอีกหลายคน
ในสำนวนการไต่สวนของ คตส. ระบุว่า มีผู้ถูกกล่าวหาถึง 31 ราย โดยปรากฏชื่อ นายพานทองแท้ชินวัตร นางกาญจนาภา หงษ์เหิน นายวันชัย หงษ์เหิน และนายมานพ ทิวารี (บิดา น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต สส.พรรคไทยรักไทย)โดย คตส.พบว่ามีเงินไหลเข้าบัญชี เพียงแต่ในชั้นอัยการส่งฟ้องศาล ไม่มีชื่อคนเหล่านี้เป็นจำเลย
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เคยแสดงความเห็นว่า “เรื่องนี้มีข้อสังเกต คือ หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวก ให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เข้าบัญชีส่วนตัวนั้น นายพานทองแท้ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อาจถือว่ารับของโจรกลับไม่โดนฟ้องซึ่งรวมถึงนางกาญจนาภา หงษ์เหิน และบิดาของน.ต.ศิธา ทิวารี คนใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณ และได้รับเงินก้นถุง แต่อัยการสูงสุดกลับไม่ฟ้อง”
6. ในคำวินิจฉัยของนายศิริชัย วัฒนโยธิน อดีตรองประธานศาลฎีกา และเจ้าของสำนวนคดีเงินกู้กรุงไทย ระบุถึงเส้นทางการเงินไว้ด้วยความบางส่วนกล่าวถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร
ระบุถึงเงินที่ไหลไปที่นายพานทองแท้และพวก
ระบุด้วยว่า “ส่อไปในทำนองต่างตอบแทนจากการที่ธนาคารผู้เสียหายอนุมัติสินเชื่อให้กลุ่มของจำเลย”
7. คดีนี้ ทราบว่ามีอายุความ 15 ปี
น่าจะครบกำหนดในเดือนมิ.ย. 2561
นับเวลาแล้ว อีกแค่ 6 เดือนเอง
ระยะเวลาเท่านี้ แค่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศต่อเนื่องก็หมดเวลาแล้ว
ถึงวันนั้น จะได้ตัวจำเลยไปขึ้นศาลหรือไม่?
จะซ้ำรอยคดีอัลไพน์ของนายเสนาะ เทียนทอง หรือไม่?
หากเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ จะต้องรีบพิสูจน์ตนเองตามกระบวนการยุติธรรม
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี