กลายเป็นปมร้อนทางการเมืองที่ทำเอาบรรดาตัวแทนพรรคต่างๆถึงกับพล่านดาหน้าออกมาเปิดศึกถล่มอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงออกมาส่งสัญญาณว่าจะยังไม่มีการปลดล็อกทางการเมืองจนกว่าจะถึงช่วงใกล้เลือกตั้งปีหน้า
พล.อ.ประยุทธ์ ให้เหตุผลที่ยังไม่ปลดล็อกทางการเมืองขณะนี้ เนื่องจากนักเลือกตั้งบางกลุ่มยังเคลื่อนไหวในลักษณะสร้างข่าวบิดเบือนบ่อนทำลายความมั่นคงและสร้างความสับสนต่อประชาชน ซึ่งหาก
ปลดล็อกอาจนำไปสู่ความวุ่นวาย ขณะที่ พล.อ.ประวิตร อ้างเหตุผลกรณีที่คนบางกลุ่มยังคงเคลื่อนไหวคิดที่จะก่อเหตุร้ายตลอดเวลา โดยยกกรณีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ทหารและตำรวจพบอาวุธสงครามร้ายแรงจำนวนมากที่พร้อมใช้งานถูกนำไปซุกซ่อนไว้ในหนองน้ำแห่งหนึ่งของจ.ฉะเชิงเทรา โดยอาวุธเหล่านี้มีส่วนเชื่อมโยงกับขบวนการก่อเหตุร้ายกลุ่มนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” แกนนำแดงฮาร์ดคอร์
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีตสส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสงสัยว่าอาวุธสงครามร้ายแรงที่ตรวจพบมีที่มาที่ไปอย่างไรเพราะฝ่ายอำนาจรัฐมีความพร้อมในการควบคุมสถานการณ์ด้านความมั่นคงอยู่แล้ว ดังนั้นต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าอาวุธดังกล่าวเป็นของใครกลุ่มไหน และไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างในการไม่ปลดล็อกการเมืองหรือเพื่อเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ทั้งนี้เพราะการเลือกตั้งเป็นความหวังของประชาชนระดับฐานรากที่ขณะนี้ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่
ส่วน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา แสดงความไม่พอใจที่คสช.อ้างเรื่องตรวจพบอาวุธเพื่อไม่ปลดล็อกการเมืองซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน และทั้งๆ ที่คสช.เรียกร้องให้คนอื่นทำตามกฎหมาย แต่คสช.เองกลับไม่ทำตามกรอบเวลาที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนด และสร้างความอึมครึมจนชักไม่แน่ใจว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 จริงอย่างที่ประกาศไว้หรือไม่
ขณะที่ นายนิกร จำนง อดีตผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ชี้ว่าการยืดเวลาปลดล็อกจะสร้างปัญหาใหญ่ในอนาคตแน่นอน เพราะพรรคการเมืองต้องแจ้งรายชื่อสมาชิกพรรคล่าสุดภายในเส้นตาย 5 ม.ค.2561 และมีกิจกรรมอีกหลายประการที่พรรคการเมืองต้องประชุมพรรคเพื่อดำเนินการให้เสร็จตามกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งหากเสร็จไม่ทันถึงขั้นพรรคต้องสิ้นสภาพตามกฎหมาย
ด้าน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวดักคออำนาจรัฐคสช.ว่ากำลังทำลายความเชื่อมั่นของประเทศอย่างร้ายแรงหากไม่รีบปลดล็อกการเมืองและทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เคยไปประกาศไว้ในเวทีองค์การสหประชาชาติว่าจะมีการเลือกตั้งในกลางปี 2560 แต่แล้วก็เลื่อนออกไปเป็นปี 2561 ซึ่งถือเป็นการขายหน้าชาวโลก
แม้แต่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็แสดงความร้อนใจเพราะ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดให้พรรคการเมืองต่างๆต้องแจ้งรายชื่อสมาชิกพรรคล่าสุดภายใน 90 วันหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ แต่ยังไม่รู้ว่าคสช.จะทำอย่างไร
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย(สปท.) มองว่า หากคสช.ยื้อปลดล็อกการเมืองไปจนถึงเส้นตาย 5 ม.ค.2561ที่พรรคการเมืองต้องแจ้งรายชื่อสมาชิกพรรคทั่วประเทศอาจกระทบต่อสถานะของพรรคที่อาจสิ้นสภาพได้ และถ้าดูตามรูปการณ์การที่คาดกันว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.2561 คงจะเป็นเรื่องยากโดยการปลดล็อกที่ล่าช้าอาจส่งผลให้ต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นต้นปี 2562
ขณะที่บรรดาตัวแทนพรรคการเมืองดาหน้าออกมากดดันให้รีบปลดล็อกการเมืองอย่างดุเดือด แต่ พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11(มทบ.11) ในฐานะทีมโฆษกคสช. กล่าวว่าการปลดล็อกการเมืองจะมีขึ้นเมื่อใดขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการคือ 1.กรอบกฎหมายและระยะเวลา 2.สถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยหรือไม่ และ 3.องค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันมีงานสำคัญเร่งด่วนต้องกระทำตามลำดับความสำคัญ
ภายใต้การยืดเวลาการปลดล็อกที่เกิดขึ้นถูกวิเคราะห์จากฝ่ายการเมืองว่านี่คือการเดินเกมตามยุทธศาสตร์และยุทธวิธีของคสช.ที่ถือไพ่เหนือหวังยืดเวลาการเลือกตั้งออกไปให้นานที่สุด และบั่นทอนศักยภาพความพร้อมของพรรคการเมืองให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะพรรคที่มุ่งบ่อนทำลายอำนาจรัฐคสช.อันจะทำให้แผนปูทางสู่การมีนายกฯคนนอกหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นไปด้วยความราบรื่น
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี