สถานการณ์ต่างประเทศในขณะนี้เห็นทีต้องพุ่งเป้าจับตาไปที่เยรูซาเลมซึ่งเป็นดินแดนของปาเลสไตน์ และจู่ๆ ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ประกาศรับรองว่า เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมทั้งให้ย้ายสถานทูตสหรัฐไปตั้งที่เยรูซาเลมด้วย
เท่านั้นแหละสถานการณ์ร้อนแรงยิ่งกว่าความร้อนในทะเลทรายก็เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง และความรุนแรงนั้นได้ยกระดับไปเป็นการสู้รบและทำลายล้างกันในดินแดนของปาเลสไตน์
ในขณะที่การประท้วงของชาวมุสลิมทั่วโลกก็เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และเป็นเรื่องที่น่าแปลกว่าเป็นการประท้วงโจมตีสหรัฐเป็นหลัก มีบ้างที่กล่าวหาโจมตีอิสราเอล จนเป็นผลให้สหประชาชาติกำลังเรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงเป็นการฉุกเฉิน ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อยประการใด
ดังนั้นจู่ๆ มาเกิดเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ก็ต้องมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น?
ทั่วโลกย่อมทราบเป็นอันดีว่าก่อนเกิดเหตุนี้ได้มีเหตุตึงเครียดขึ้นที่คาบสมุทรเกาหลี ที่สหรัฐได้เคลื่อนแสนยานุภาพครั้งใหญ่ที่สุด ประกอบด้วยกองเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 3 กอง เรือดำน้ำ เรือรบ เครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ เครื่องบินล่องหน พร้อมกำลังทหารจำนวนมาก ทำการซ้อมรบกับเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี และยกระดับรุนแรงขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ในขณะที่สงครามน้ำลายก็รุนแรงถึงขีดสุด โดยฝ่ายสหรัฐแถลงครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเวลาเหลือน้อยเต็มที และเหตุวิกฤติกำลังเพิ่มมากขึ้นทุกวันเวลา โดยอ้างว่าการทดลองขีปนาวุธล่าสุดของเกาหลีเหนือนั้น เป็นการคุกคามสหรัฐ ส่วนเกาหลีเหนือนั้นก็กล่าวหาว่าสหรัฐ, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ทำการยั่วยุ และพร้อมจะโจมตีสหรัฐให้ราบเป็นหน้ากลอง
แต่ก็เป็นเรื่องแปลกว่า ในขณะที่ทั่วโลกกำลังจับตามองวิกฤติที่คาบสมุทรเกาหลีเพราะรู้สึกเหมือนกันว่ากำลังเข้าใกล้เขตแห่งสงครามมากขึ้นทุกที แล้วไฉนเล่าจู่ๆข่าวคราวที่คาบสมุทรเกาหลีก็เงียบหายไป แล้วไปดังฮือฮาขึ้นในตะวันออกกลางแทน
มันจะเกี่ยวกันแค่ไหนเพียงไร หรือว่าเป็นกลยุทธ์ในการแก้หน้าเบนความสนใจที่ไม่รู้จะเสียหน้ากันอย่างไร เพราะลงทุนกันถึงขนาดนั้นแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าเกาหลีเหนือจะยอมจำนน มิหนำซ้ำทั้งจีนและรัสเซียก็มีทีท่าเข้าขัดขวางการโจมตีเกาหลีเหนืออย่างชัดเจนยิ่งกว่าทุกระยะที่ผ่านมา
จะคิดว่าเกี่ยวข้องกันหรือเป็นกลยุทธ์กลบเกลื่อนการเสียหน้าก็สุดแท้แต่จะคิดกันไป เพราะไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะวินิจฉัยกันในบทความนี้
คงเหลือปัญหาต่อมาว่าทำไมแค่สหรัฐประกาศย้ายสถานทูตจากประเทศอิสราเอลไปตั้งที่กรุงเยรูซาเลม โดยอ้างว่าเป็นเมืองหลวงของ
อิสราเอล แล้วเหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์ประท้วงขยายตัวลุกลามกว้างขวางทั่วโลกและจะส่งผลอย่างไรต่อไป ตรงนี้เป็นเรื่องที่สมควรทำความรู้ทำความเข้าใจและพิจารณากันให้จงดี
ประการแรก กรุงเยรูซาเลมนั้น เป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เป็นต้นกำเนิดของทั้งศาสนาคริสต์, ศาสนาอิสลาม และศาสนายูดาห์ แต่เป็นดินแดนส่วนหนึ่งของประเทศปาเลสไตน์ ซึ่งพื้นที่ของประเทศปาเลสไตน์นั้น ถูกอิสราเอลยึดครองไว้เป็นบางส่วนต่อเนื่องมาตั้งแต่สงครามหกวัน และเป็นจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับโลกอิสลาม จะหนักบ้างเบาบ้างก็ขึ้นกับสภาพการณ์ทางการเมืองของแต่ละกลุ่มแต่ละค่าย ที่มีความสัมพันธ์มากน้อยประการใด
โดยเฉพาะมุสลิมทั่วโลกนั้นถือว่ากรุงเยรูซาเลมเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีศาสนสถานสำคัญที่รวมใจของชาวมุสลิมทั่วโลกด้วยในขณะที่ชาวอิสราเอลก็ถือว่า เยรูซาเลมคือดินแดนของยิวแต่โบราณ และมีศาสนสถานสำคัญอยู่เช่นเดียวกัน ดังนั้นการช่วงชิงกรุงเยรูซาเลมจึงไม่เพียงแต่เป็นปัญหาการช่วงชิงในทางการเมืองระหว่างประเทศ แต่ยังเป็นปัญหาการช่วงชิงในเชิงดินแดนและในเชิงศาสนาด้วย
ประการที่สอง นับแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา สหรัฐได้รับผลประโยชน์จากพลังงานน้ำมันในตะวันออกกลางมากที่สุด และได้สูญเสียครั้งใหญ่หลวงเมื่อมีการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน จากส่วนแบ่งรายได้ 95% ของราคาน้ำมัน กลับถูกยึดไปเป็นของสาธารณรัฐอิสลามเกือบทั้งหมด จนเป็นต้นเหตุความขัดแย้งหลักระหว่างสหรัฐกับอิหร่านจนถึงทุกวันนี้
ทว่าสหรัฐก็ได้ผลประโยชน์จากพลังงานน้ำมันในอีกหลายแหล่งในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะหลังจากเข้ายึดครองอิรักและมีอำนาจ
เข้าควบคุมเหนือซีเรียเป็นส่วนใหญ่ โดยมีกลุ่มไอซิสเป็นเหตุผลในการเข้ายึดครองแล้ว สหรัฐยังมีส่วนแบ่งผลประโยชน์จากกลุ่มประเทศอาหรับ โดยเฉพาะจากซาอุดีอาระเบียเป็นจำนวนมหาศาลด้วย แม้กระนั้นความหวังที่จะกลับเข้าไปครอบครองผลประโยชน์ดังเดิมเหมือนเมื่อสิ้นสงครามโลกครั้งที่สองใหม่ๆ ก็ยังเป็นเจตนารมณ์หลักอยู่นั่นเอง
ประการที่สาม หลังจากรัสเซียได้เข้าช่วยซีเรียและอิรักตามคำขอร้องของรัฐบาลของประเทศนั้น โดยได้ดึงเอาอิหร่าน จีน เป็นพันธมิตร ก่อเกิดเป็นพันธมิตรรัสเซีย อิรัก อิหร่าน ซีเรีย และจีน ทำการขับไล่กวาดล้างกลุ่มไอซิสที่กำลังก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลาม หรือรัฐของไอซิสในบริเวณรอยต่อระหว่างซีเรียและอิรักซึ่งเป็นพื้นที่กว้างขวางและอุดมด้วยน้ำมัน จนขณะนี้ฝ่ายพันธมิตรรัสเซียได้รับชัยชนะเด็ดขาดแล้ว คงเหลือบางจุดที่สหรัฐยังตั้งหน่วยทหารอยู่และกำลังถูกกดดันให้ล่าถอยออกไป ดังนั้นจึงเป็นการสูญเสียผลประโยชน์ด้านพลังงานครั้งใหญ่ที่สุดและจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายพวกไอซิสเอาไปไว้ในดินแดนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นยุโรป ลิเบีย แอฟริกา รวมทั้งกำลังเคลื่อนตัวไปที่อียิปต์และเอเชียอาคเนย์ด้วย
ประการที่สี่ เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นย่อมเชื่อมโยงกับเหตุการณ์มหัศจรรย์ในซาอุดีอาระเบีย ที่จู่ๆ สายตระกูลซัลมานก็เปลี่ยนกฎมณเฑียรบาลและทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากสายตระกูลดั้งเดิมที่เป็นสายตระกูลผู้สถาปนาซาอุดีอาระเบีย ก่อตั้งอำนาจของสายตระกูลซัลมานขึ้น ทำให้อำนาจรัฐในซาอุดีอาระเบียอ่อนแอลงอย่างฮวบฮาบ และก่อเกิดความขัดแย้งใหญ่ที่พร้อมแตกจากภายในได้ทุกเมื่อ
และเพราะผลจากความอ่อนหัดของอำนาจรัฐใหม่ของซาอุดีอาระเบียยุยงให้เกิดการหักหลังกันเองในรัฐบาลเยเมนและเลบานอน จึงทำให้เกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
ในเยเมนนั้นกลุ่มฮูติได้เข้ายึดอำนาจและสังหารอดีตประธานาธิบดีที่ทรยศต่อพันธมิตร ทำให้การบัญชาการรบของเยเมนเป็นเอกภาพ ก่อสถานการณ์คุกคามซาอุดีอาระเบียจากด้านใต้อย่างน่าพรั่นพรึง
ในเลบานอน หลังจากนายกรัฐมนตรีหักหลังคนร่วมชาติไปเข้ากับซาอุดีอาระเบีย อำนาจรัฐในเลบานอนก็ตกอยู่ในมือของขบวนการฮิซบุลลอฮ์ซึ่งอิหร่านสนับสนุนมากขึ้น จนแทบกล่าวได้ว่าเต็มอัตราไปแล้ว
ประการที่ห้า โดยสภาพที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ กระทบต่อผลประโยชน์มหาศาล และอาจนำไปสู่ความคิดที่เข้าควบคุมหรือยึดซาอุดีอาระเบีย แทนการได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ก็ได้
การจุดชนวนเยรูซาเลมในขณะที่ก่อนหน้านี้มีข่าวคราวที่ทำให้โลกอิสลามเข้าใจว่าซาอุดีอาระเบียจับมือกับอิสราเอล ซึ่งสร้างความหวาดระแวงให้แก่บรรดาประเทศอิสลามทั้งหลายอย่างรุนแรง ดังนั้นการจุดชนวนเรื่องเยรูซาเลมจึงเท่ากับบังคับซาอุดีอาระเบียให้ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
เลือกที่จะร่วมหัวจมท้ายกับอิสราเอล สนับสนุนให้อิสราเอลยึดเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวง ในกรณีนี้ก็จะต้องเผชิญหน้ากับโลกอิสลามทั้งหมด รวมทั้งกลุ่มประเทศอาหรับที่เป็นพันธมิตรกับอิสราเอลด้วย และจะเกิดการแตกตัวครั้งใหญ่ภายในประเทศซาอุดีอาระเบียเอง เพราะผู้ภักดีต่ออิสลามยังมีอยู่ทั่วประเทศ ถ้าเดินทางนี้ก็มีแต่พังกับพัง
เลือกที่จะต่อต้านอิสราเอลและสหรัฐ ที่ย้ายสถานทูตไปตั้งที่เยรูซาเลม ก็จะเป็นเหตุให้อิสราเอลและสหรัฐถือเป็นเหตุที่จะก่อกรณีพิพาทกับซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งเหตุที่จะอ้างขึ้นเพื่อสนับสนุนสายตระกูลอื่นในราชสกุลอันเป็นต้นตระกูลของผู้สถาปนาซาอุดีอาระเบียก็ได้ ในกรณีเช่นนี้เพราะเหตุที่เชื้อสายตระกูลมีมากกว่า 300 คน ส่อแนวโน้มว่าจะแตกแยกออกเป็นสามกลุ่ม ชะดีชะร้ายก็จะมีการแบ่งแยกซาอุดีอาระเบียออกเป็นสามรัฐในอนาคตก็ได้ หากเลือกสายนี้ซาอุดีอาระเบียคงจะสิ้นชาติและคงจะเกิดรัฐใหม่ขึ้นอีกสามรัฐในอนาคตอันไม่ไกล
โดยรัฐหนึ่งจะอยู่ภายใต้อำนาจของอิสราเอลและสหรัฐ รัฐหนึ่งอาจถูกอิหร่านยึดครอง และอีกรัฐหนึ่งอาจจะถูกซีเรียและอิรักร่วมกันยึดครองก็ได้ มีแต่เอกองค์อัลเลาะห์เท่านั้นที่จะทรงเมตตาต่อบรรดาบ่าวทั้งหลายของพระองค์!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี