วันนี้ขอนำความเห็นของ “นายกำจร” ที่แสดงความเห็นและความรู้สึกของตน เขียนเป็นจดหมายไปลงในหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” ฉบับวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ย.2560 มีเนื้อหาสำคัญหลายอย่างเกี่ยวกับการทำงานของคณะรัฐประหารชุดนี้ ที่ยึดอำนาจมาจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ซึ่งจะครบสี่ปีในไม่ช้านี้ โดยเจ้าของจดหมายฉบับนี้บอกว่า เมื่อประเมินผลงานที่ผ่านมาแล้วคงจะได้คำตอบว่า เอนพอยท์ก็คือ “ปาหี่” เท่านั้น
เนื้อหาสำคัญในจดหมายฉบับนี้สรุปได้ดังนี้
1.การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจใช้วิธี “โปรยทาน”
เมื่อเงินฝืดก็แก้ด้วยการทุ่มเงินลงมาหนึ่งก้อน ซึ่งจะไหลกลับไปยังที่มา หรือแหล่งเงินทุน หรือธนาคารที่รัฐกู้มา การแก้ไขแบบนี้เป็นการช่วยคนรวยมากกว่าคนยากจน
2.ศาสตร์พระราชาไม่เคยได้ทำตามเลย
วิธีแก้ไขที่ทีมเศรษฐกิจนำมาใช้ทุกครั้งคือ “ประชานิยมไม่ใช่ความพอเพียงหรือพอดี แบบทางสายกลาง แต่เป็นสายสุดโด่ง คอยแจกโน่นแจกนี่ด้วยเงินรัฐให้คนชอบ
3.ยังไม่มีการปฏิรูปใดๆเกิดขึ้น
จากวันที่มีการรัฐประหารมาจนถึงวันนี้ ประเทศไทยก็ยังเหมือนเดิม ตั้งแต่หวยแพงจนถึงการทุจริตคอร์รัปชั่น แม้แต่การปฏิรูปตำรวจที่ว่าจะทำ และการปฏิรูปอื่นๆ โดยเฉพาะระบบราชการถ้าไม่มีการยกเครื่องใหม่ ข้าราชการก็ต้องเป็นขี้ข้าพวกมีอำนาจหรือนักการเมืองเลวๆที่มีอำนาจอยู่ต่อไป
4.การถ่วงดุลอำนาจที่ประชาชนมีส่วนร่วมยังไม่มี
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 นี้ เทอำนาจให้ฝ่ายบริหาร ซึ่งที่ผ่านๆ นั้นฝ่ายบริหารเคยสร้างความเสียหายแก่ประเทศให้เห็นมาแล้วหลายยุคสมัย และยังจะมีอำนาจต่อไปอีกในวันข้างหน้าตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งก็หมายความว่า “ประเทศไทยยังไม่พ้นวังวนการเมืองอุบาทว์”
ทั้ง 4 ประการดังกล่าวสรุปมาจากเนื้อหาในจดหมายของ “นายกำจร” ที่ส่งลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” ฉบับวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ย.2560
หยิบยกมาพูดให้ฟังในวันนี้ก็เพราะเห็นว่ามีเนื้อหาที่สมจริงกับความเป็นไปของบ้านเมือง ที่รัฐประหารมาสามปีกว่าแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้นกับผู้คนในบ้านเมืองที่ยากจนข้นแค้น โดยเฉพาะผู้คนในระดับล่างที่มีจำนวนมากที่สุดของประเทศในขณะนี้
ผู้มีอำนาจที่ได้มาจากการทำรัฐประหารครั้งนี้ต้องให้ความสนใจ และเหลียวหลังไปดูการทำงานของตนที่ผ่านๆมาบ้างว่าเป็นอย่างไร เพื่อรีบแก้ไขหรือจัดการให้ถูกต้อง ในการทำงานของตนและผู้ร่วมงานที่ตนนำมาช่วยเหลือ ลงจากอำนาจเมื่อไรเดินถนนมีแต่คนยกมือไหว้
บางเรื่องบางราวที่ยังไม่สมควรทำในขณะนี้เพราะไม่มีเงิน ก็หยุดไว้ก่อนอย่าเพิ่งทำ บริหารบ้านเมืองด้วยวิธีการ “ประชานิยม” เอะอะก็ “โปรยทาน” ลงไปให้ชาวบ้านชอบ หรือที่มีพวกของตนที่มีหน้าที่แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้ออกมาพูดว่า “ปีหน้าจะไม่มีคนจน” นั้น ก็เป็นคำพูดที่ “เว่อร์” อย่างสาหัสสากรรจ์ ปลอบใจให้หลงเชื่อทั้งๆที่เป็นไปไม่ได้
“ปีหน้าจะไม่มีคนจน” นั้น ก็เพราะคนจนตายหมดต่างหากมากกว่า
“ปีหน้าจะไม่มีคนจน” นั้น ได้มีผู้รู้ผู้ชำนาญในการบริหารจัดการทางเศรษฐกิจหลายคนในบ้านเรา ได้ออกมาให้ความเห็นไว้อย่างน่าฟังระหว่างการประชุมของคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภาคม 35 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อ 26 พ.ย.2560
ขอยกมาให้ฟังเป็นตัวอย่างสัก 3 คน
1.นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน
“รัฐบาลต้องหาทางสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนรากหญ้าอย่างถาวร โดยไม่ใช้วิธีการ “แจก” อย่างที่ผ่านมา ส่วนคุณสมคิด (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รองนายกฯ ติดแนวคิดเดิมจากพรรคไทยรักไทย นโยบายของท่านเป็นประชานิยมทั้งหมด เพียงแต่เปลี่ยนชื่อเป็นประชารัฐเท่านั้น จึงขอแนะนำวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนไป หากติดกับแนวคิดเก่าๆ ก็คงไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้”
2.นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย
“สินค้าเกษตร ได้แก่ ยาง ข้าวเปลือก ข้าวโพด มัน นับตั้งแต่วันที่ คสช. เข้ามาบริหารประเทศ ราคาตกหมดทุกชนิด ซึ่งปัญหาเหล่านี้อยู่ที่การบริหารภายในประเทศ.. การกระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม.ประยุทธ์ 1-3 รวมกันแล้วใช้เงินไป 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งหากนโยบายมีประสิทธิภาพ ต้องสามารถแก้ปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำได้ การที่คุณสมคิดประกาศว่าปีหน้าประเทศไทยจะไม่มีคนจน แล้วปีนี้รัฐบาลจะขึ้นบัญชีคนจนไว้เพื่ออะไร...”
3.นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง
“การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช. ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา สามารถแบ่งได้เป็น “2 ไม่” ไม่กระจาย ไม่พอเพียง กับ “1 มุ่ง” คือมุ่งหาประโยชน์ทางการเมือง ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ยังคงกระจุกตัวอยู่ที่ระดับบน...”
นี่คือความเห็นของผู้รู้ผู้ชำนาญในการบริหารทางเศรษฐกิจในบ้านเรา ที่ขอนำมาถ่ายทอดบางส่วนให้ฟังจากการพูดของบุคคลดังกล่าวเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2560
ไม่รู้จักทำงาน รัฐประหารคราวนี้ก็เสียของอีกอย่างเดิม
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี