เดือนสุดท้ายปลายปี เทศกาลขึ้นปีใหม่เป็นธรรมเนียมที่คนทั่วโลกทั้งเทศไทยไม่ว่าชาติไหนพันธุ์ไหนต่างก็ร้อง แลกของขวัญกัน บางกลุ่มแลกของขวัญเพื่อสานความสัมพันธ์ใหม่ บางฝ่ายแลกของขวัญเพื่อรับประกันเสรีภาพความปลอดภัยให้พ้นคุกติดตะราง และบางกลุ่มร้องแรกแลกของขวัญเพื่อกรุยทางกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่
กลุ่มที่ขอแลกของขวัญเพื่อสานความสัมพันธ์กันใหม่ เห็นจะไม่มีใครเกิน กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป หรือ อียู ที่จู่ๆ ก็ออกแถลงการณ์พร้อมฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารของไทย ที่มาจากการยึดอำนาจ หลังหมางเมินมาตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควบคุมอำนาจจากรัฐบาลผีหัวขาดพรรคเพื่อไทย โดยอ้างเหตุผลง่ายๆว่า พอใจกับคำมั่นสัญญาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประกาศจะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2561
การประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ ถ้ามองผิวเผินก็เห็นว่า ประเทศไทยเป็นฝ่ายได้ แต่ถ้าพิจารณาให้ลึกซึ้งถึงภาวะทางการเมืองโลกพบว่า อียูหมดทางไป ยังเหลือแต่ประเทศไทยที่ใช้เป็นช่องทาง เคลื่อนไหวทางการเมือง การค้าเข้าหากลุ่มอาเซียน ที่อยู่ดีๆอียู ดัดจริตคว่ำบาตรเพื่อนบ้าน คว่ำบาตรเราเพื่อเอาใจสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่า รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแต่ถ้ามองลึกลงไปพบว่าอียูและอเมริกา ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีประชาธิปไตยจริงแต่ยุโรปกับตะวันตกให้ความสำคัญกับคำว่า “คบค้ากับใคร ทำให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดมากกว่า”
ในห้วงเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมา อียูกับอเมริกาเชื่ออย่างสนิทใจว่า กลุ่มการเมืองทุนสามานย์ปล้นชาติ คือผู้กุมอำนาจรัฐในประเทศไทยไปอีกนานแสนนานอียูกับอเมริกาจึงไม่แยแสสนใจว่า ระบบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ละเมิดสิทธิมนุษยชนปล้นประชาธิปไตยอย่างไร รัฐบาลทุนสามานย์ไร้ธรรมาภิบาล กินรวบประเทศ คอร์รัปชั่นโกงกินอย่างมโหฬารอย่างไร สหรัฐ ไม่เคยตำหนิด่าว่า เพราะเชื่อมั่นว่าทุนสามานย์ต้องอยู่ในอำนาจบริหารต่อไป เมื่อประชาชนหลายล้านคนออกขับไล่กลุ่มทุนสามานย์ปล้นชาติ ที่ทำให้ประเทศชาติเกือบล่มสลายจนทหารทนไม่ไหวออกมาเว้นวรรคประชาธิปไตยไว้ชั่วคราว
หลังจากทหารเข้ากอบกู้ชาติด้วยการประกาศเว้นวรรคประชาธิปไตยเพื่อปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ นักการเมืองอเมริกันยังมั่นใจว่า ไม่ช้าไม่นานทุนสามานย์ปล้นชาติจะฟื้นคืนมามีอำนาจขึ้นอีกครั้ง สหรัฐกับอียู จึงทุ่มทุนครั้งใหญ่ สนับสนุนกลุ่มการเมืองที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย สมคบกันวางแผนต่อต้านขัดขวางผู้กุมอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ไทย ภายในแผนการชั่วร้ายที่ชื่อว่าโลกล้อมประเทศ แต่ยิ่งล้อมมากเท่าไหร่ นานาอารยประเทศก็หันมาห้อมล้อมไทยมากเท่านั้น อยู่มาไม่นาน สถานการณ์เปลี่ยนไปอเมริกาเปลี่ยนผู้นำใหม่จาก บารัค โอบามา มาเป็นโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำที่มีมุมมองที่แตกต่างไป
ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สานต่อความสัมพันธ์กับกลุ่มนักธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ มองสถานการณ์ด้วยความจริงว่า ในประเทศไทยกลุ่มทุนสามานย์กำลังหนีญญ่าย พ่ายจะแจ แก้วสามประการแตกไปทีละใบ แก้วกองกำลังเถื่อนถูกปราบปราม ต้องหนีเตลิดจากประเทศไทยหรือไม่ก็ติดคุก แก้วมวลชนก็ขยับไม่ได้เพราะทุกอย่างเป็นไปตามเจ้าตัวทำนายว่า “ไม่ตายก็ติดคุก” ส่วนแก้วพรรคก็มีแต่นักเลือกตั้งนั่งคอยท่า ไม่รู้ชะตาว่าจะหาหัวได้เมื่อไหร่ นายทรัมป์เป็นพ่อค้าคิดสะระตะแล้วตัดสินใจว่า “บ้าประชาธิปไตยอยู่ทำไม”คบค้าหากำไรกับผู้ถืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ไทยไม่ดีกว่าหรือ
นั่นคือที่มาของการฟื้นฟูความสัมพันธ์สหรัฐ-ไทย แบบค่อยเป็นค่อยไป สุดท้ายก็เชิญลุงตู่ไปจับเข่าคุยในทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการ เพื่อส่งสัญญาณความสัมพันธ์ไทย-อเมริกา กลับมาเป็นปกติ
อียู ที่ทุกอย่างช้ากว่าสหรัฐอเมริกาหลายก้าว เริ่มสำนึกได้ว่า ต้องรีบฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารไทย เพราะในอาเซียนเหลือแต่ประเทศไทยที่พอพึ่งได้ หันไปทางกัมพูชา พม่า อียูก็ตามก้นอเมริกาสร้างปัญหาแทรกแซงกิจการภายใน อาทิ จำกัดนำเข้าน้ำมันปาล์มทำให้เกษตรในอินโดนีเซีย มาเลเซียเดือดร้อนหลายล้านราย ในพม่าก็จุ้นเรื่องโรฮีนจา และเรื่องการเมืองในกัมพูชา อียูก็คว่ำบาตรไม่คบค้า แล้วเป็นไง สุดท้ายต้องง้อเขา ก่อนหน้าออกแถลงการณ์ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับไทย อียูวิ่งแจ้นไปแต่งตั้ง สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซ็น เป็นทูตการท่องเที่ยวและการพัฒนายั่งยืน
ที่สำคัญ อียูรู้ว่าประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ถึงเวลานั้นมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งแล้ว อียู ซึ่งหมายมั่นปั้นมือจะให้ไทยเป็นตัวกลางในการเจรจาการค้าเสรี (FTA) ระหว่างอียูกับอาเซียน ถ้าไม่รีบฟื้นฟูความสัมพันธ์กับไทยแล้วจะไม่ตกกระบวนหรือ ส่วนที่วางเงื่อนไขนั้นโน้นนี้ มันเป็นจริตจะก้านมารยาที่ต้องรักษาหน้าไว้
หันไปทางยุโรป ที่สวิตเซอร์แลนด์มอบของขวัญวันคริสต์มาสชิ้นใหญ่ให้ไนจีเรีย โดยการคืนเงินที่อดีตจอมเผด็จการ ซานี อาบาชา ยักยอกเอามาซุกซ่อนไว้คืนให้ราว 321 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10,463 ล้านบาท ตามข้อตกลงเจนีวา ที่ว่าด้วยการคืนทรัพย์สินที่ถูกยักยอกไป ในประเทศซาอุดีอาระเบีย เจ้าผู้ครองนครรัฐกับเจ้านักการเมือง
และนักธุรกิจที่ถูกข้อหาคอร์รัปชั่น ได้แลกเปลี่ยนของขวัญปีใหม่กัน ด้วยการคืนทรัพย์สินที่โกงไป แลกกับการปล่อยตัวให้พ้นจากข้อหา
ซีคซาอุด อัลโมเจ็บ อัยการสูงสุดซาอุฯเปิดเผย ว่า จากการปราบปรามคอร์รัปชั่นครั้งใหญ่ของประเทศ ซึ่งมีทั้งเจ้าชาย รัฐมนตรีและมหาเศรษฐี 159 ราย ถูกควบคุมตัวอยู่ในโรงแรมหรู 5 ดาว ในกรุงริยาด ซึ่งส่วนใหญ่บรรลุข้อตกลงที่จะจ่ายเงินที่ได้มาโดยมิชอบ คืนให้กับท้องพระคลังซาอุฯ เพื่อแลกกับอิสรภาพ ได้สรุปข้อตกลงต่างๆ เรียบร้อยแล้ว อัยการสูงสุดประเมินว่าในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีการยักยอกหรือคอร์รัปชั่น ทำให้ประเทศต้องสูญเสียอย่างน้อย 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเจ้าชายมีเด็บ บี อับดุลลาห์ อดีตหัวหน้าเนชั่นแนลการ์ดได้รับการปล่อยตัว หลังจากทำข้อตกลงจ่ายคืนมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 32,000 ล้านบาท คาดว่าข้อตกลงครั้งนี้ ทำให้มีรายได้เข้าท้องพระคลังประมาณสามล้านล้านบาท
ในประเทศไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษชายหนีคุกหนีคดี และหลานชาย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นักโทษหญิงหนีคุกหนีคดี โพสต์ข้อความวันเกิดว่า “ทุกปีผมต้องกราบพ่อแม่เนื่องในวันคล้ายวันเกิด สิบปีที่ผ่านมา อาจไม่สามารถกราบคุณพ่อได้ตรงวัน แต่ผมก็จะรีบไปกราบท่านทันทีที่มีโอกาสได้เดินทาง 10 ปีที่ผ่านมาจนทุกวันนี้ ผมและทุกคนในครอบครัว ยังยืนยันคำเดิมว่า เราเพียงต้องการชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืนมา โดยไม่มีคนใดคนหนึ่งในครอบครัว ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลยแม้แต่คนเดียว ถ้าเป็นไปได้จริง จะเป็นของขวัญที่มีคุณค่าที่สุด สำหรับผมและครอบครัวครับ”
“โดยไม่มีคนใดคนหนึ่งในครอบครัว ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลยแม้แต่คนเดียว ถ้าเป็นไปได้จริง จะเป็นของขวัญที่มีคุณค่าที่สุด สำหรับผมและครอบครัวครับ” ตีความได้ว่านายพานทองแท้ ยื่นข้อเสนอให้คนในครอบครัวชินวัตรวางมือทางการเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนกับอิสรภาพของบิดาและผู้เป็นอา แต่นายพานทองแท้เสนอออกมาลอยๆ ไม่รู้เสนอใครหรือขอแลกของขวัญปีใหม่กับใคร
ถ้านายพานทองแท้และครอบครัวสำเหนียกว่า ตนไม่อยู่ในฐานะที่จะตั้งเงื่อนไขต่อรองกับใครได้ ดิ้นรนต่อไปก็มีแต่ความพ่ายแพ้ ไม่ติดคุกก็ต้องหนีเหมือนพ่อและอา เพราะอาณาจักรและอิทธิพลทางการเมืองที่ครอบครัวสร้างไว้ มันล่มสลายไปแล้ว ดังนั้นมีทางเดียวที่ทำให้สังคมเห็นใจ แนะนำให้นายพานทองแท้ กับคสช.ยกรูปแบบของซาอุฯ ขึ้นมาพิจารณาโดยมีเงื่อนไขว่า ทั้งพ่อและอา ต้องคืนทรัพย์สินที่ได้ไปโดยมิชอบมอบคืนเข้าคลังของมหาสมบัติ กลับมารับโทษและสู้คดีที่ยังค้างคาอยู่ต่อไปนี่เป็นของขวัญปีใหม่ที่สังคมไทยแลกได้ และพร้อมคืนความอบอุ่นในครอบครัวให้นายพานทองแท้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี