เมื่อช่วงต้นเดือน กระทรวงมหาดไทยประชุมเกี่ยวกับเรื่องการเตรียมการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หลังจากที่รัฐบาลส่งสัญญาณมาว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น ก่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
ภารกิจสำคัญนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เป็นเจ้าภาพหลัก
ปัญหาก็คือว่าเมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ กฎหมายใหม่ก็ต้องแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมหาดไทย และได้เสนอความเห็นเพิ่มเติมต่อกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)6 ฉบับ (แก้ไขเพิ่มเติม) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งมาว่า ทางกระทรวงมหาดไทยได้ส่งความเห็นเพิ่มเติมไปยังเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว
โดยมีประเด็นสำคัญๆ ที่มหาดไทยเสนอความเห็นเพิ่มเติม อาทิ
1.อำนาจสอบสวนและวินิจฉัยเกี่ยวกับสมาชิกภาพของสมาชิกสภาและผู้บริหารขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาลตำบลควรให้นายอำเภอเป็นผู้มีอำนาจสอบสวนและทำความเห็นเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดวินิจฉัยและสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง จากเดิมที่เป็นอำนาจของผู้ว่าฯดำเนินการสอบสวนและรมว.มหาดไทย เป็นผู้พิจารณาสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น ส่วนสมาชิกและผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยังเป็นอำนาจของผู้ว่าฯในการสอบสวน และรมว.มหาดไทยเป็นผู้ใช้ดุลพินิจให้พ้นจากตำแหน่ง
2.อายุของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แก้ไขเป็นมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 95 ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพิ่มจำนวนขึ้นเล็กน้อย
3.เรื่องการถอดถอนสมาชิกหรือผู้บริหารอปท. เดิมใช้เสียงประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนน 3 ใน 4 เพื่อถอดถอน แก้ไขเป็นใช้เสียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งในการถอดถอนเพื่อเปิดโอกาสให้เสียงข้างมากมีโอกาสถอดถอนได้ง่ายขึ้น
4.คุณสมบัติเรื่องการศึกษาเห็นตามที่รัฐธรรมนูญปี’60 กำหนด โดยยึดตามคุณสมบัติสส. ผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นต้องจบปริญญาตรีเป็นขั้นต่ำ ส่วนผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว แต่ไม่ได้จบปริญญาตรีก็สามารถสมัครได้ แต่คนที่ยังไม่เคยเป็นต้องจบปริญญาตรี
5.เสนอปรับลดจำนวนสมาชิกสภาอบต.จากหมู่บ้านละ2 คน เป็น 1 คน เพื่อลดค่าใช้จ่ายค่าตอบแทนสมาชิกสภาลงได้ครึ่งหนึ่ง และเพื่อให้อบต.มีงบประมาณในการพัฒนาการจัดทำบริการสาธารณะเพิ่มขึ้น
6.ผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นทุกรูปแบบต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือเคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอหรือจังหวัดหรืออปท.รูปแบบพิเศษเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปี’60 มาตรา 97
7.ห้ามผู้บริหารท้องถิ่นทุกรูปแบบดำรงตำแหน่งเกิน 2 วาระติดต่อกันเพื่อป้องกันการผูกขาดและสร้างฐานอำนาจในตำแหน่ง
8.ควรนำบทบัญญัติเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามมาตรา 184 (2) (3) และวรรคสาม และมาตรา 185 กรณีใช้สถานะตำแหน่งก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือของผู้อื่นไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมมากำหนดไว้ในร่างกฎหมายจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 5 ฉบับ
ครับขั้นตอนต่อจากนี้จะไปอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่จะประมวลความเห็นของทุกฝ่าย แล้วค่อยสรุปว่ากฎหมายท้องถิ่นจะออกมาในรูปแบบใด ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
ก็เตรียมตัวกันไว้จะได้ไม่ต้องกังวลในภายหลัง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี