เทศกาลคริสต์มาส-ปีใหม่ พูดคุยกันสบายๆ ถึงเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพในเชิงกีฬา จิบกาแฟ ทั้งสุขกายสุขใจทั้งได้บุญ 2-3 ปีก่อน ในเดือนสุดท้ายปลายปี มีกิจกรรมทำให้สุขภาพดี สุขใจ เมื่อได้เป็นหนึ่งในล้านคนไทยที่ร่วมปั่นจักรยานในรายการ “ปั่นเพื่อพ่อและปั่นเพื่อแม่” (Bike for DaD and Bike for MoM) สองครั้งนั้นได้ปั่นจักรยานท่องเที่ยวชมเมืองหลวงของไทยในรูปใหม่
เดือนสุดท้ายปลายปีนี้ หลังพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทยผ่านไป ได้ร่วมแสดงความอาลัยด้วยการเยี่ยมชมพระเมรุมาศและนิทรรศการงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถือได้ว่า เป็นการท่องเที่ยวในเชิงศึกษาอย่างหนึ่ง ที่เกิดมาเป็นคนไทยในรัชกาลที่ 9 ได้รู้ได้เห็นโบราณราชประเพณี ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม จิตรกรรมอันล้ำค่าของไทย หาชมไม่ได้ที่ไหนในโลก เสร็จการท่องเที่ยวในการศึกษาวัฒนธรรม หันมาทำกิจกรรมการท่องเที่ยวในเชิงสุขภาพกีฬา พาครอบครัวมาร่วมปั่นจักรยานการกุศลเพื่อหาเงินสมทบทุนสนับสนุนโรงพยาบาลตรัง นับเป็นการท่องเที่ยวที่มีผลต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ นักปั่นหลากวัยตั้งแต่วัยรุ่นหนุ่มสาว จนถึงรุ่นย่างเข้าวัยชรามากันอย่างคับคั่ง
นักปั่นกว่า 3,500 คน สตาร์ทจากศาลากลางจังหวัดตรัง ผ่านอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) “บิดาแห่งยางไทย” ผู้ปลูกยางพาราต้นแรกในประเทศที่อำเภอกันตัง ในพ.ศ. 2442 ขบวนนักปั่นมุ่งไปบนถนนตรัง- พัทลุง ขึ้นเขาพับผ้า สู้กับเนินชันสามสิบองศาสิบเนิน มุ่งสู่ปลายทางถ้ำสุมโน แหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาโบราณคดีของ จ.พัทลุง ระยะทางไปกลับ 80 กม. ใช้เวลาสามชั่วโมงครึ่ง ซึ่งพอไหวสำหรับคนวัย 70 ปีที่ได้ร่วมปั่น
ผู้เขียนเหมือนคนสูงวัยทั่วไป ที่มีโรคประจำวัยคือ ปวดเข่า โรคเก๊าท์ เบาหวาน ไขมัน ความดัน รังควานทรมานร่างกายมาหลายปี การรักษาแผนปัจจุบันผสมกับยาสมุนไพร ทุเลาความทรมานได้เป็นครั้งคราว กีฬาหนักๆอย่างเทนนิสที่เล่นไม่ได้ เดินนานๆ ก็ปวดเข่าทนไม่ไหว 4 ปีก่อน หันมาปั่นจักรยานออกกำลังกาย เมื่อปั่นจักรยานนานเข้ารู้สึกว่าอาการปวดเข่า โรคเก๊าท์ เบาหวาน เริ่มทุเลาลงในระดับที่บอกได้ว่าเกือบหายขาด
4 ปี บนจักรยาน อาการปวดเข่า โรคเก๊าท์ หายขาด ส่วนเบาหวาน ไขมัน ความดัน ผลจากการปั่นจักรยานอาการโรคต่างๆ ทุเลาลงในระดับที่เคยทานยาวันละกว่าสิบเม็ด เหลือเพียงยาความดัน เบาหวานหลังอาหารเช้าเย็น น้ำตาลในเม็ดเลือดจาก 220 เมื่อ 4 ปีก่อน ลดลงเหลือ 99 จากผลการตรวจต้นเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา เวชประวัติตรวจไขมัน น้ำตาล บอกว่า Fbs 99 cholesterol 175 triglyceride 135 HDL-Cholesterol 25 LDL Cholesterol 123.0 อ่านแล้วไม่รู้หมายความว่าอะไร แต่ที่สบายใจเพราะหมอบอกว่า “ควบคุมทุกอย่างได้ดีมาก” คุณหมอแนะนำว่า ยาที่จัดให้ควบคุมโรคได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ปัจจัยสำคัญที่ทุกโรคผ่อนคลายมาจากออกกำลังกายเป็นสำคัญและการควบคุมอาหารตามหลักอนามัย
การป้องกันรักษาโรคที่ดีคือการกำลังกาย ทานอาหารถูกหลักอนามัย เป็นคำแนะนำที่ทำให้อุ่นใจ โดยเฉพาะคอกาแฟ เมื่อผลการวิจัยครั้งใหม่พบว่า การดื่มกาแฟวันละ 3-4 แก้ว มีวี่แววว่าอาจเป็นผลดี มีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษต่อร่างกาย พูดถึงเรื่องนี้ คอกาแฟอย่าเพิ่งดีใจ เพราะผู้ทำการวิจัยบอกว่า ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่ากาแฟรักษาโรคได้ แต่บอกว่าการดื่มกาแฟอาจเกิดประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งสื่อต่างประเทศรายงานข่าวผลวิจัยครั้งล่าสุดว่า “ดื่มกาแฟวันละ 3-4 แก้วอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ” ทั้งบีบีซี รอยเตอร์ และเอเอฟพี ให้รายละเอียดว่า “การวิจัยศึกษาเรื่องกาแฟได้ทำกันมาแล้วหลายครั้ง เป็นเพราะว่ากาแฟเป็นเครื่องดื่มสามัญนิยมกันทั่วโลก การศึกษาวิจัยถึงผลกระทบต่อผู้บริโภคแม้แต่เล็กน้อยก็เป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง
สื่อสำนักต่างๆ จึงให้ความสำคัญกับผลการศึกษาครั้งล่าสุดที่มีสถิติบ่งชี้ว่า “คนที่ดื่มกาแฟวันละหลายแก้วอาจมีวี่แววอายุยืนมากกว่าคนไม่ดื่ม” การศึกษาครั้งนี้นักวิจัยได้ Review บันทึกผลสรุปการวิจัยกาแฟกับสุขภาพ จากงานวิจัยทุกชิ้นที่เคยทำมา ซึ่งนักวิจัยส่วนใหญ่พบว่า กาแฟมีส่วนสัมพันธ์ต่อการชะลอความร้ายแรงของโรค หรือลดการเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม นักวิจัยส่วนใหญ่เพียงแต่สังเกตอาการ หมายความว่านักวิจัยยังไม่ฟันธงว่า ดื่มกาแฟมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และในบางกรณีผลการศึกษาครอบคลุมถึงสาเหตุชะลอความร้ายแรงมะเร็งตับและสำหรับสตรีมีครรภ์ ความเสี่ยงต่อการแท้งลูก ต่อโรคกระดูกพรุน ตลอดถึงรูมาตอยด์
ผลการศึกษาครั้งล่าสุด ที่ทำโดยนักวิจัยจาก University of Southampton and the University of Edinburgh ได้นำมาตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์อังกฤษ ที่เปิดให้อ่านทางออนไลน์ได้อย่างเสรี สื่อในอังกฤษส่วนใหญ่ รายงานผลวิจัยชิ้นนี้ในลักษณะเป็นกลาง ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ได้เน้นถึงความด้อยคุณภาพ ด้อยมาตรฐานการศึกษาวิจัย หนังสือพิมพ์ เดอะเมโตรการ์เดียน และ บีบีซี ต่างก็รายงานว่า เราไม่ทราบแน่นอนว่าจริงแล้วการดื่มกาแฟทำให้เกิดความแตกต่างต่อสุขภาพหรือไม่ เพราะงานวิจัยชิ้นนี้เป็นการทบทวนผลงานวิจัยทุกชิ้นในอดีต มีเพียงประเด็นเดียวที่นักวิจัยชุดนี้ได้ศึกษาและทดลองเองคือ 1.ความแตกต่างสามอย่างในวิถีการบริโภคกาแฟ ระหว่างคนดื่มกาแฟจัดกับดื่มกาแฟน้อย 2.คนดื่มกาแฟเป็นประจำกับคนดื่มกาแฟเป็นครั้งคราว 3.คนดื่มกาแฟวันละแก้วกับดื่มมากกว่าหนึ่งแก้วต่อวัน
ผลการศึกษาในเบื้องต้นพบว่า “ดื่มกาแฟมากสัมพันธ์กับผลลัพธ์ต่อสุขภาพ 19 ตัวอย่าง เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ 34 ตัวอย่าง ผลลัพธ์คนดื่มมากกับดื่มน้อยไม่แตกต่างกัน การศึกษาเปรียบเทียบพบว่าคนดื่มมากมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตน้อยกว่าคนดื่มน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบคนดื่มกาแฟเป็นประจำกับคนไม่ดื่มกาแฟเลย พบว่าคนดื่มเป็นประจำลดความเสี่ยงการตายจากหัวใจวาย เสี่ยงจากหลอดเลือดอุดตัน น้อยกว่าไม่ดื่มกาแฟเลย 19 เปอร์เซ็นต์
เปรียบเทียบคนดื่มกาแฟมากกับคนดื่มกาแฟน้อย คนดื่มมากลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งน้อยกว่า 18 เปอร์เซ็นต์ (ไม่รวมมะเร็งทุกชนิด) คนดื่มกาแฟลดความเสี่ยงเป็นโรคไขมันในตับน้อยกว่าคนไม่ดื่มเลย 29 เปอร์เซ็นต์ คนดื่มกาแฟมากลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน 2 ชนิด(ไม่ทราบแน่ชัดว่าชนิดไหน) ได้กว่าคนดื่มน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ หมายเหตุ “สำหรับผู้ชายความสัมพันธ์ระหว่างดื่มกาแฟมากอาจมีผลบ้างในการลดความเสี่ยงเป็นโรคตับ มะเร็งปอด แต่สำหรับสตรีมีครรภ์ การดื่มกาแฟมากเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน แท้งลูก และทารกมีน้ำหนักน้อย
นักวิจัยยอมรับด้วยว่า มาตรฐานการศึกษาวิจัยยังอยู่ในระดับต่ำและด้อยคุณภาพ เพราะได้นำเอาผลวิจัยทั้งมวลในอดีตมาทบทวน ส่วนที่ศึกษาทดลองเองก็เป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น จึงไม่ยุติธรรมที่สื่อบางสำนักนำเสนอเฉพาะผลดีของการดื่มกาแฟ ซึ่งถือว่าไม่เป็นกลาง อย่างไรก็ตามนักวิจัยสรุปว่าบริโภคกาแฟ “ดูเหมือนว่าโดยทั่วไปปลอดภัย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าผลเสีย” สรุปได้ว่าผลกระทบของกาแฟต่อสุขภาพเป็นบวก “คนที่ดื่มกาแฟมากมีแนวโน้มที่เสี่ยงจะเป็นโรคหลายชนิดน้อยกว่าไม่ดื่ม”
นักวิจัยยอมรับว่านี้เป็นการศึกษาเบื้องต้น มาตรฐานและคุณภาพด้อยในทุกด้าน หมายความว่าเราไม่สามารถฟันธงได้ว่ากาแฟดีสำหรับสุขภาพ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะนำผลการวิจัยไปต่อยอดศึกษาระดับสูงในมาตรฐานคุณภาพที่ดีกว่า ตลอดการศึกษาผลกระทบของกาแฟต่อโรคตับ เมื่อถึงตอนนั้นเราจะมีความคิดเห็นและผลลัพธ์ที่ดีกว่ามานำเสนอ”
ข้อสังเกตจากผู้เขียน การวิจัยชิ้นนี้อาจศึกษาทดลองจากพฤติกรรมการดื่มกาแฟชาวตะวันตก ซึ่งดื่มกาแฟเพียวๆ ไม่มีนมข้นและน้ำตาลผสมเหมือนการดื่มกาแฟในบ้านเราที่หนักไปทางรสหวานและไขมัน ดังนั้นถ้านำพฤติกรรมการดื่มกาแฟบ้านเราไปวิจัยผลลัพธ์อาจแตกต่างออกไป อย่างไรก็ตาม ในฐานะคอกาแฟและคนปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่แนะนำให้ทุกท่านท่องเที่ยว ในเชิงสุขภาพปั่นออกกำลังกายและถ้าเป็นไปได้ปิดท้ายด้วยกาแฟ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี