วันนี้จะขออนุญาตนำบทสัมภาษณ์ ดร.อนุชิต อนุชิตานุกูล ผู้รู้ลึกรู้จริงในความเป็น 4.0 ท่านเป็นประธานสายพัฒนาระบบงานช่องทางขายและผลิตภัณฑ์ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงาน National e-Payment ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติหรือหนึ่งในคณะผู้ออกแบบพร้อมเพย์
ดร.อนุชิต ได้ให้สัมภาษณ์แก่ไทยพับลิก้า ผมขออนุญาตนำมาสรุปขมวดประเด็นให้ได้รับทราบกันครับว่า 6 เสาหลักของเศรษฐกิจไทยยุคใหม่ หรือ Digital Economy มีอะไร คืออะไร ต้องทำความเข้าใจกับมันอย่างไรกันบ้างในวันนี้ ส่งท้ายปีเก่ากันครับ
“เศรษฐกิจดิจิทัลที่แท้จริง ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี 6 ด้านประกอบขึ้นเป็น Building Block รองรับ” ดร.อนุชิตกล่าวเอาไว้ให้เห็นถึงความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยที่พึงจะต้องมีต้องสร้างต้องผลักดันกันให้เป็นผลสำเร็จ
หากจะให้เห็นภาพต้องขอพูดย้อนไปถึงโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจในยุคที่เรียกว่า Manufacturing Economy ดร.อนุชิต ได้อธิบายเอาไว้ว่า..
“ยกตัวอย่างถ้าเราพูดถึงยุคที่เป็น Manufacturing เขาต้องพูดถึงว่าโครงสร้างพื้นฐานคือไฟฟ้ามีหรือไม่ ถนนมีหรือไม่ น้ำมีหรือไม่ นิคมอุตสาหกรรมมีหรือไม่ แล้วมีท่าเรือ มีอะไร...แต่ digital economy ไม่ค่อยพูดถึงโครงสร้างพื้นฐานของดิจิทัล กลับไปพูดถึงโครงการกี่แสนล้านที่ตัดถนน พูดถึงอินเตอร์เนตหมู่บ้าน ซึ่งก็เป็นเพียงท่อ แต่ยังไม่มีการพูดถึงการต่อสายไปถึงทุกหมู่บ้าน”
พอจะเห็นภาพใช่ไหมครับว่า ถ้าพูดถึงโครงสร้างพื้นฐานยุคก่อน ก็จะหมายถึงน้ำไหลไฟสว่างทางสะดวก ทำมาค้าขายก็ต้องมีท่าเรือ มีนิคมฯ แต่บริบทใหม่ของเศรษฐกิจยุคดิจิทัลนั้น เปลี่ยนแปลงไปแล้วดังต่อไปนี้
หลักๆ เรื่องที่ประเทศไทยจะมีปัญหา 6 อย่าง ซึ่งต้องมีการวางแผนเทคโนโลยี ต้องวางให้ตรงโจทย์ ซึ่งโจทย์ต้องรู้ว่า ประเทศเราต้องการอะไร มีอยู่ 6 เรื่องที่จะฆ่าเราทั้งประเทศคือ “แก่,เจ็บ,จน,คนน้อย,ด้อยศึกษา,เหลื่อมล้ำสูง” นี่คือโจทย์
แล้วจะตอบโจทย์อย่างไร ทำไมการแพทย์สำคัญ ทำไมการศึกษาสำคัญ ไม่ต้องวิจัยเรื่องอื่นเพราะเรื่องความยากจน เรื่องอาชีพ เรื่องทำมาหากิน เราไม่มีข้อมูลสักอย่าง อีกกว่า 10 ปี 6 ปัญหานี้
จะถล่มใส่เมืองไทยพร้อมๆ กัน วันนั้นเราก็เจ๊ง ทำตอนนี้ยังไม่รู้จะทันไหมเลย เพราะหลีกไม่พ้นแล้วอีกกว่า 10 ปีจากนี้ แก่ เจ็บ จน คนน้อย ด้อยศึกษา ความเหลื่อมล้ำ ทั้ง 6 อย่างมาพร้อมๆ กันอยู่แล้ว แรงงานหดลงเพราะคนแก่ผลิตภาพลดลง ฐานภาษีหด สวัสดิการเพิ่มขึ้น ธุรกิจหนีออกนอกประเทศ จะชนกันทุกอย่าง”
สิ่งที่จะพูดวันนี้ไม่ใช่พูดของที่มีอยู่แล้ว แต่พูดถึงของที่ประเทศไทยยังไม่มี ซึ่งเป็นชิ้นที่สำคัญและสำคัญอย่างไรถึงต้องมี แล้วสิ่งเหล่านี้คือไม่ใช่ว่า ใครคนใดคนหนึ่งจะทำให้สำเร็จได้ เพราะเป็นสิ่งที่ต้องร่วมกันทำ ไม่เหมือนกับที่เราใส่เงินเข้าไปแล้วมีขึ้น มาเป็นงานที่แต่ละคน คนละไม้คนละมือ ใส่เข้ามา เป็นเรื่องยากตรงนี้
เรามาดูกันครับว่า “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่จะนำไปสู่ Digital Economy ที่แท้จริงนั้นมีอะไรบ้างที่หากเราจะเข้าสู่ยุค 4.0 เราคงต้องเร่งไม้เร่งมือกันทำอย่างแข็งขัน
6 โครงสร้างพื้นฐานที่ต้องทำกับการไปสู่ Digital Economy
โครงสร้างพื้นฐาน 1.“ระบบชำระเงิน” หรือ Payment System เพราะหากชำระเงินแบบดิจิทัลไม่ได้ เศรษฐกิจดิจิทัลก็ไม่เดินหน้า เรื่องนี้คือสิ่งที่แบงก์ชาติร่วมกับรัฐบาลได้ทำไปแล้วค่อนข้างเยอะ
โครงสร้างพื้นฐาน 2.“ระบบพิสูจน์ตัวตน” หรือ Digital Identity ก็ไม่รู้ว่าใครทำอะไรไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จะไปทำอะไรด้วยกันได้ งานที่กำลังทำอยู่ปัจจุบันคือ ระบบพิสูจน์ตัวตนซึ่งความสำคัญของระบบนี้และเป็นปัญหาอย่างเดียวในโลกดิจิทัลคือ การอยู่บนโลกที่มองไม่เห็นตัวซึ่งการไม่เห็นตัวก็ไม่รู้ว่า คนที่เราทำอะไรด้วยนั้นเป็นใคร พร้อมยกตัวอย่างว่า รัฐบาลต้องการจะผลักดัน ease of doing business หรือการทำให้การทำธุรกิจมีความง่ายขึ้นหมายถึงว่า เมื่อประชาชนหรือเอกชนต้องการจะขอใบอนุญาตหรือจะติดต่อภาครัฐให้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด รัฐก็ไปตั้งเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อให้ง่าย แต่เมื่อต้องการใช้ข้อมูลจริง เกิดปัญหาว่าคนที่ขอใบอนุญาตหรือติดต่อเรื่องนี้คือใคร ดังนั้นการจะทำอะไรบนอิเล็กทรอนิกส์ ประเด็นสำคัญคือจะรู้ได้อย่างไรว่า คนนั้นคือตัวคนนั้นจริง เป็นหัวใจ
โครงสร้างพื้นฐาน 3.“Logistic & Location” สำหรับโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ยังมีงานที่ต้องทำอีกมากเช่น Logistic ยกตัวอย่างของจริง รหัสตำบลของไปรษณีย์กับรหัสของกรมการปกครองไม่ตรงกัน แต่ไม่มีใครรู้ปกติที่ผ่านมาใช้ตามไปรษณีย์ ซึ่งไม่ถูกกฎหมาย เพราะกฎหมายกำหนดให้ใช้ตามกรมการปกครองเป็นที่อยู่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถ้าส่งของแล้วใส่รหัสตามกรมการปกครอง ของนั้นก็ส่งไม่ถึงผู้รับ ฉะนั้นโครงสร้างพื้นฐาน Logistic หากไม่ทำ e-commerce ก็เกิดช้า
“อันนี้เป็นตัวอย่างแบบง่ายยังไม่รวมถึงเรื่องอื่นๆ สิงคโปร์บอกว่าอีกไม่กี่ปีจะเป็นแท็กซี่แบบไม่มีคนขับ แต่ไทยทุกวันนี้ใช้คนขับใช้แผนที่ GPS ยังพาขึ้นทางเท้าเลย แล้วแบบนี้หุ่นยนต์จะขับได้หรือไม่ แล้วเห็นภาพความไม่พร้อมของไทยว่า ไม่พร้อมขนาดไหน เราไม่ได้ทำพวกนี้ให้พร้อม ถึงเวลามีเทคโนโลยีหุ่นยนต์ขับเองมาใส่ลงไป เจอแผนที่แบบไทย ตายแน่นอน ไม่ได้วางแผนออกแบบเมืองไว้สำหรับให้หุ่นยนต์อยู่ในเมืองได้ ไม่มีภาพเป็นนัยให้จดจำได้ ถึงบอกว่าพวกนี้เป็นพื้นฐานมาก”
ขณะที่ Logistic จะกว้างออกไปคือต้องคิดว่า จะทำอย่างไรถึงของทุกอย่างจะไปได้ยกตัวอย่างการตัดถนน แต่ไม่ได้คิดว่า ตัดเสร็จแล้ว จะส่งของอย่างไร มีโครงการสร้างถนน แต่ไม่ได้คิดว่า ถนนใช้ส่งของด้วย ทำแต่ถนน เพราะมีหน้าที่ทำแค่ถนน
โครงสร้างพื้นฐาน 4. Data หรือ “ข้อมูล”ถ้าไม่มีข้อมูลก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งประเทศไทยยังขาดข้อมูลลักษณะของฐานข้อมูลบูโรหรือ Data bureau มีเพียงข้อมูลเครดิตของเครดิตบูโร ขณะที่สิงคโปร์มีข้อมูลที่ครบถ้วน เช่น เข้าระบบกดเรียกข้อมูลเด็กนักเรียนคนหนึ่งขึ้นมา ก็จะมีประวัติการศึกษาตั้งแต่เด็ก เรียนอะไร เกรดเท่าไร นิสัยใจคอ ประวัติมีอะไร เมื่อสิงคโปร์มีข้อมูลแบบนั้นสามารถจัดโรงเรียน จัดเด็ก วางแผนแรงงาน เด็กต้องเรียนวิทยาศาสตร์กี่คน ต้องใช้อะไรเท่าไร อย่างไรเพราะมีข้อมูล แต่ประเทศไทยไม่มีข้อมูล ข้อมูลการศึกษาไม่มี ไม่มีข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ยังมีการถ่ายสำเนาใบเกรดอยู่เลย แล้วก็โกง เปลี่ยนข้อมูลได้
นอกจากนี้ ข้อมูลการแพทย์ไม่มี ไม่ว่าจะพูดถึงอะไรด้านไหน ก็ไม่มีข้อมูลสักอย่างและไม่เป็นระบบด้วย ไม่ได้จัดให้เป็นข้อมูลที่ใช้งานได้สักอย่างหนึ่ง รวมทั้งไม่ได้แบ่งปัน ใช้งานไม่ได้แม้จะเอามาใช้ในการวางนโยบาย
สังเกตเวลารัฐบาลทำนโยบายทุกอย่างไม่มีข้อมูล เช่น นโยบายด้านการเกษตรที่จะทำเกษตร 4.0 จำนวนเกษตรกร จำนวนแปลงที่ทำกิน ข้อมูลแต่ละจังหวัดแต่ละอำเภอไม่มี จึงทำอะไรไม่ได้ อย่างมากก็ทำท่อเปิด-ปิดน้ำอัตโนมัติซึ่งอิสราเอลทำมา 30 ปีแล้ว ขณะที่ญี่ปุ่นจะเห็นว่า แปลงนาญี่ปุ่นจะเป็นรูปร่างเรขาคณิต สามารถใส่ระบบ automate เข้าไปได้ แต่ของไทยรูปร่างนาไทยไม่เป็นทรง ไม่เป็นสี่เหลี่ยม ใส่ระบบไม่ได้ ใส่หุ่นยนต์ยังทำไม่ได้ ต้องมองเห็นพื้นฐานก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆก็เอาอะไรใส่ลงไปได้
โครงสร้างพื้นฐาน 5.Network Security หรือ“ความปลอดภัยของเครือข่าย” แบ่งเป็น Network กับ Security อันแรกก็ยังขยายเครือข่ายอะไรต่ออะไร จริงๆ ก็วางไม่ถูก เพราะไม่ได้วางสำหรับการบริหารจัดการ เพียงแต่ขยายๆ ไป พอมีปัญหาจะต้องป้องกันประเทศ ทำอะไรไม่ได้ เราเสียเอกราชไปนานแล้ว ตัวอย่างเช่น เกมโปเกม่อนที่ปล่อยในทำเนียบนายกรัฐมนตรี ยังขอว่าไม่ให้มาปล่อย แต่เราเสียเอกราชไปนานแล้ว หมายความว่าเราไม่มีอธิปไตยบนไซเบอร์ เลยแต่ถ้าวางถูกต้อง สามารถบล็อกได้หมดเลย ถ้าวางจริงๆ วางดีจริงๆ กดไปถูกบล็อกทิ้งหมด ไม่มีทาง เราป้องกันได้หมด หรือตอนนี้ธนาคารเจออีเมลล่อลวงเอาข้อมูล ก็บอกต่างประเทศให้ช่วยปิด เราทำอะไรไม่ได้เพราะบ้านเราควบคุมอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้ามองเห็นโครงสร้างพื้นฐานที่ดีมี ID เราจะรู้ว่า ใคร
ใช้งาน จากจุดไหน เครื่องไหนอยู่ตรงไหน จัดการได้ ไม่ต้องห่วงการก่อการร้าย ความมั่นคงประเทศ ยังมีแผ่นดิน ยังต้องมีด่านมีรั้ว แต่โลกไซเบอร์ไม่มี บริหารอะไรไม่ได้เลย
ที่เล่าให้ฟังคือเป็นแบบนี้ หลายๆ เรื่องต้องแก้อะไรเยอะแยะไปหมด ท่วมท้นไปหมด เมืองไทยดิจิทัล อีโคโนมี คงสรุปเป็น 2 แบบ อันหนึ่งคือ ดิจิทัลไร้สาระ คนไทยเก่งอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก คนไทยรับรองนำโลก แต่ไม่ได้เกิดมรรคเกิดผลในทางที่มีชีวิตดีขึ้น กับอีกข้างหนึ่งคือว่า จะรอให้ต่างชาติ จีนหรืออะไรเข้ามายึดทุกอย่าง และเราก็รอเป็นลูกหาบ เราพร้อมจะเป็นลูกหาบให้ต่างชาติอยู่แล้ว ฝรั่งมา เราก็หาบ ญี่ปุ่นมา เราก็หาบ จีนมาเราก็หาบให้จีน ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ลูกจ้างฝรั่ง ลูกจ้างญี่ปุ่น เป็นแบบนี้แหละคนไทย พร้อมแค่นี้ แต่เอาเจริญกว่านี้ก็คงยาก แต่ก็ไม่เจ๊ง
“ไทยแลนด์ 4.0 มีอะไรที่จับเป็นรูปธรรมเคยเห็นไหม นอกจากจัดสัมมนา จัดโชว์สินค้า เพราะไม่มีคนลงมือทำ ถ้านิยามจริงๆ ก็คือ สร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดมี 5 อย่าง และสุดท้ายจริงๆ มี 6 อย่าง และที่สำคัญที่สุดก็คือ มนุษย์ เด็กไทยคุณภาพยังไม่พอ ยังไม่เห็นว่าทำอะไร เขียนโปรแกรมอะไร คุณภาพแบบนี้ ประเทศไปไม่ถึงไหน”
โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุด 6.คน Human Resourceทั้งหมดนี้ที่จะต้องลงมือทำเพราะพวกนี้เป็นรากฐานหรือ building blocks ของเศรษฐกิจดิจิทัล ไม่ใช่จัดนิทรรศการและไม่ต้องไปดูงานที่ไหนแต่ต้องแปลงงบประมาณ จัดสรรคนทุกอย่างมาสร้างโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ให้เกิดขึ้นให้ได้
ขอขอบคุณ ดร.อนุชิต สำหรับบทสัมภาษณ์มา ณ โอกาสการส่งท้ายปีเก่าในวันนี้ครับประเทศไทยเราจะก้าวผ่านพ้นปีเก่ารับปีใหม่ในอีกไม่กี่วันนี้ เราทำความเข้าใจกับ 6 เสาหลักของเศรษฐกิจรูปแบบใหม่คือ Digital Economy ด้วยความรู้ความเข้าใจกันว่า มันคืออะไรกันแน่ และเรายังคงต้องเฝ้าดูกันต่อไปครับว่า สิ่งเหล่านี้จะถูกทำให้สำเร็จเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศเราต่อไปได้อย่างไร
ขอให้ทุกท่านเดินทางปลอดภัย โชคดีปีใหม่ทั่วกันครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี