คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตเงินทอนงบอุดหนุนวัดล่าสุด เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนแก่วัดชลธาราวาส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส, วัดยูปาราม อ.เมืองยะลา จ.ยะลา และวัดสุริยาราม อ.เทพา จ.สงขลา วัดละ 4 ล้านบาท
แล้วมีการงาบเงินทอนกลับเข้ากระเป๋าส่วนตัว 3.2 ล้านบาทต่อวัด
เฉพาะเงินทอน ตก 9.6 ล้านบาท
กรณีนี้ มีความน่าสนใจ เพราะเรื่องปูดขึ้นมาก่อนทุกกรณี เนื่องจากเคยมีการ “จับสด” เมื่อปี 2558 คือ เข้าจับกุมได้คารถ พร้อมเงินสดๆ 3.2 ล้านบาท ที่พระเตรียมนำมาจ่ายคืนให้เจ้าหน้าที่รัฐ
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของ ป.ป.ช. พบเรื่องราวโดยสรุป ดังนี้
1.ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2558 นายเสถียร อดีตผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา ได้ประสานติดต่อกับวัดชลธาราวาส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส, วัดยูปาราม อ.เมืองยะลา จ.ยะลา และวัดสุริยาราม อ.เทพา จ.สงขลา ว่าจะมีการจัดสรรงบเงินอุดหนุนให้
โดยมีเงื่อนไขว่า ทางวัดจะต้องคืนเงินส่วนหนึ่งแก่ตน
2.หลังจากนั้น มีการชงเรื่องเข้ากลไก พศ. โดยคณะกรรมการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนฯ มีการประชุมเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2558 จัดสรรงบเงินอุดหนุนให้วัด 3 วัดดังกล่าว โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
จากนั้นได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนธุรการ นำไปสู่การโอนจ่ายเงินแก่วัดทั้ง 3 แห่ง วัดละ 4 ล้านบาท
เมื่อเงินโอนไปแล้ว นายเสถียรได้แจ้งกับวัดทั้ง 3 แห่ง ให้คืนเงินจำนวน 3.2 ล้านบาทต่อวัด
3.วันที่ 21 สิงหาคม 2558 นายเสถียรได้ไปพบกับพระครูบริหารสังฆานุวัตร บริเวณห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาสงขลา เพื่อรับเงินในส่วนของวัดชลธาราวาส
ปรากฏว่า ศอตช. ประกอบด้วย ป.ป.ท, ป.ป.ช., สตง. และตำรวจ ได้วางแผนจับกุม
ตำรวจจับกุมนายเสถียรได้คารถ พร้อมของกลาง เป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท รวมเป็นเงิน 3.2 ล้านบาท
4.ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน น.ส.ประนอม รอง ผอ.พศ.ขณะนั้น โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ พศ. ให้จัดทำเอกสารโครงการส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระพุทธศาสนา เสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวไทยพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อจัดทำโครงการในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 3 กิจกรรม
เพื่ออ้างอิงว่า เงินที่ได้โอนให้กับวัดชลธาราวาสนั้น จะนำไปใช้ดำเนินการตามโครงการดังกล่าว
นั่นก็เพื่อช่วยเหลือนายเสถียร โดยอ้างว่ารับเงินคืนกลับมาโดยถูกต้อง ไม่ใช่เงินทอน
จากนั้น ได้ส่งแฟกซ์เอกสารให้สำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดสงขลา เพื่อใช้ประกอบการแก้ต่าง โดยวรรคท้ายในบันทึกข้อความปรากฏข้อความว่า “จะมีการจัดประชุมผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ จังหวัดสงขลา ในวันที่ 28 สิงหาคม 2558 เพื่อรับมอบเงินจำนวน 3,200,000 บาท (ที่นายเสถียรรับจากพระครูบริหารสังฆานุวัตร) นำไปดำเนินการตามโครงการดังกล่าว”
5.ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริง พบว่า น.ส.ประนอมยังได้มีหนังสือถึงผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมแนบแผนการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว เพื่อให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ประสานคณะสงฆ์ภาคส่วนต่างๆ เพื่อร่วมดำเนินการตามแผนโครงการ เพื่ออ้างว่า ต้องแบ่งเงินจำนวน 3.2 ล้านบาท จากวัดชลธาราวาส เพื่อนำไปใช้ในแผนการขับเคลื่อนโครงการ ระยะที่ 1 แล้วจะมีระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ต่อไป ซึ่งก็จะเอาเงิน 3.2 ล้านบาท จาก วัดยูปาราม และวัดสุริยาราม นั่นเอง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนฯ พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้แก่วัดชลธาราวาส, วัดยูปาราม และวัดสุริยาราม โดยไม่มีเอกสารประกอบการพิจารณา เป็นการไม่ชอบ เอกสารโครงการส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระพุทธศาสนาฯ และเอกสารที่เกี่ยวข้องดังกล่าว เป็นการจัดทำเอกสารหลักฐานเท็จ ภายหลังที่นายเสถียรถูกจับกุม และการที่ น.ส.ประนอม ทำหนังสือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติลงวันที่ 27 สิงหาคม 2558 และ ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2558 เป็นการดำเนินการเพื่อรองรับการกระทำของนายเสถียรที่เรียกรับเงินจากวัดชลธาราวาส, วัดยูปาราม และวัดสุริยาราม โดยทุจริต และเห็นว่าการจัดสรรงบเงินอุดหนุนให้ทั้ง 3 วัดดังกล่าว รวมทั้งการที่นายเสถียรเรียกเงินจากวัดชลธาราวาส, วัดยูปาราม และวัดสุริยาราม วัดละ 3,200,000 บาท โดยได้รับเงินในส่วนของวัดชลธาราวาส จากพระครูบริหารสังฆานุวัตรในวันที่ 21 สิงหาคม 2558 เป็นการกระทำโดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น
6.คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด ทั้ง น.ส.ประนอม คงพิกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายเสถียร ดำรงคดีราษฎร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และพวก รวม 9 คน
บางคนวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา
ทั้งหมด ยังมีสิทธิต่อสู้คดีต่อไปตามกระบวนการกฎหมาย
แต่ตอกย้ำว่า จากปฏิบัติการ “จับสด” เมื่อปี 2558 ได้ถูกขยายผลต่อ จนนำมาสู่การรื้อพรม-ล้างบาง-ปราบปราม “ขบวนการงาบเงินทอนวัด” อย่างเด็ดขาดในยุคนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี