อันที่จริง การย้ายพรรคของนักการเมือง หรืออดีตสส. ไม่ใช่เรื่องเลวทรามต่ำช้าในตัวของมันเอง
นักการเมืองที่มีอุดมการณ์ หากพบว่า พรรคการเมืองที่ตนสังกัดอยู่ไม่อาจเอื้ออำนวยให้ตนได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ก็อาจพิจารณาย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ได้ ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
ที่ผ่านมา การย้ายพรรคของ สส. หรือนักการเมืองที่สังคมไทยสะอิดสะเอียนนั้น มันไม่ใช่การย้ายพรรคเพราะอุดมการณ์ แต่เป็นการย้ายพรรคเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมืองเป็นสำคัญ
ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ขายตัว”
เมื่อทำความเข้าใจแบบนี้แล้ว ในทางกลับกัน การไม่ย้าย หรือการยังจ่อมจม ปักหลัก ถวายชีวิตอยู่กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องเชิงอุดมการณ์เสมอไป
แต่อาจเป็นเรื่องของ “สุนัขมีปลอกคอ” หรือ “ทาสในเรือนเบี้ย”
1. นักการเมืองย้ายพรรค ไม่ใช่ชั่วร้ายในตัวมันเอง ตัวอย่างของนักการเมืองไทยที่ย้ายพรรคบ่อยๆ เราไม่อาจตัดสินเขาเพียงเพราะย้ายพรรคบ่อย (แต่อาจตัดสอนจากการกระทำในหน้าที่) เช่น
นายจาตุรนต์ ฉายแสง เปลี่ยนพรรคมาแล้วอย่างน้อย 5 พรรค ประชาธิปัตย์-ประชาชน-ชาติไทย-ความหวังใหม่-ไทยรักไทย
นายอดิศร เพียงเกษ ไม่ต่ำกว่า 7 พรรค
นายวิเชียร ขาวขำ สส.อุดรฯ ไม่ต่ำกว่า 8 พรรค ฯลฯ
2. อดีต สส.สังกัดพรรคอื่นๆ เคยย้ายไปสังกัดพรรคของนายทักษิณ
ยิ่งกว่านั้น บางฤดูกาล ย้ายกันยกพรรค หรือเทคโอเวอร์พรรค ยุบรวมกันไปเลยก็มี
ใครจะได้ชื่อว่าเป็น สส.ระบบเขต ถ้าไม่แน่จริง ไม่เขี้ยวจริงคงไม่สามารถต่อสู้ฟันฝ่าผลักดันตัวเองจนสามารถได้ขึ้นมาเป็น สส.ได้สำเร็จ (ไม่ว่าจะอยู่พรรคใด) เพราะต้องเอาชนะการเลือกตั้งในพื้นที่
คนที่ลงคะแนนให้ คือคนในพื้นที่
แต่คนที่หาเงินมาให้ คือนายทุนพรรคการเมือง
สส.ที่ย้ายพรรคก่อนการเลือกตั้ง จึงไม่ได้ทำร้ายความรู้สึกประชาชนเท่ากับพวกที่ย้ายพรรค หรือยุบรวมพรรคหลังการเลือกตั้ง เพราะเหมือนตบหน้าประชาชน โกหกประชาชน แล้วขายตัวไปอยู่พรรคนายทุนเงินหนาหลังเลือกตั้ง
พรรคเพื่อไทย มีกำพืดสืบต่อมาจากพรรคไทยรักไทยอย่างไร? ในอดีต พรรคไทยรักไทยเคยไปบีบบังคับ ข่มขืนใจ ซื้อตัว สส. ซื้อยกกลุ่มการเมือง เทคโอเวอร์พรรคการเมืองอื่นกันมาอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น สส.พรรคเสรีธรรม ความหวังใหม่ กิจสังคม ชาติพัฒนาย้ายเข้าสู่พรรคไทยรักไทยด้วยเหตุผลกลใด?
3. นักการเมือง หรือ สส.ในสังคมไทย อยู่ภายใต้บริบทของ“ระบบอุปถัมภ์”
ชาวบ้านคาดหวังว่า สส.จะต้องเป็นผู้คอยหยิบยื่นความช่วยเหลือ ตลอดจนให้ผลประโยชน์ต่างๆ จะต้องคอยเป็นที่พึ่ง แม้หน้าที่ของ สส. คือ เป็นผู้แทนในการเข้าไปทำหน้าที่นิติบัญญัติ แต่ชาวบ้านก็ยังหวังว่า สส.จะเป็นผู้แทนในการเข้าไปขอแบ่งผลประโยชน์มาให้ หรือช่วยให้ชาวบ้านเข้าถึงความช่วยเหลือหรือขอพึ่งพาได้ง่ายขึ้น
สส.จึงต้องมีอำนาจ หรือใกล้ชิดกับคนมีอำนาจตัวจริง เพื่อให้ตนเองสามารถแผ่บารมี หรือแผ่ความช่วยเหลือไปถึงชาวบ้านในพื้นที่ของตนเองได้
ถ้าหัวแถวของพรรคการเมือง โกงแล้วโกงอีก ถูกศาลพิพากษาติดคุกแล้วติดคุกอีก
หนีแล้วหนีอีก
หนีได้แต่คนในตระกูลนายใหญ่
ส่วนลูกน้องปล่อยให้มันติดคุกไป
สส.ก็คงต้องรู้จักคิดบ้างเหมือนกันว่า ถ้ายังเกาะขาคนแบบนี้ต่อไป สักวันชีวิตตนเองคงต้องเข้าไปตายแทนนายอยู่ในคุก
4. นักการเมืองเอง ก็จะต้องมีนาย หรือมีมุ้ง ก็จะต้องเลือกนายเก่า กับนายใหม่
ระหว่างพรรคเก่า กับย้ายไปอยู่กับนายใหม่ พรรคใหม่?
นายกลุ่มไหน “ใจถึง-พึ่งได้-จ่ายหนัก?
ในอีกทางหนึ่ง แม้จะตัดสิน “เลือกนายคนเก่า” แต่เมื่อนายคนเก่าตัดสินใจย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ สส.ในสังกัดก็ต้องแสดงความภักดีต่อนาย ด้วยการย้ายพรรคตามนายไปเป็นฝูงด้วยเหมือนกัน
อย่าลืมว่า ในพรรคการเมืองแต่ละพรรค ภายในบางพรรคมีการเล่นพวก แค่ในพื้นที่ กทม.ก็ขัดขากันเอง ทั้งเสือสิงห์กระทิงแล้วก็แรด แย่งชามข้าวกันเอง ปีนเกลียวกันเอง แย่งพื้นที่ แย่งเอาหน้ากันบ้าง
ระหว่างเจ๊กับน้องนายใหญ่ เป็นต้น
5. ยังจำได้... นายเสนาะ เทียนทอง เคยเผยวิธีคิดในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจการเมืองว่า บรรดาพรรคอื่นๆ จะต้องจับมือกันต่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ โดดเดี่ยวประชาธิปัตย์ เพื่อให้พรรคที่เหลือได้ร่วมกันเป็นรัฐบาล
จะเห็นได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคขนาดใหญ่ ได้คะแนนเสียงไม่อันดับหนึ่งก็อันดับสองมาโดยตลอด แต่ได้เป็นรัฐบาลน้อยกว่าพรรคขนาดกลาง (เช่น พรรคชาติไทย)
แต่วันนี้ พรรคเพื่อไทยพยายามใช้กลวิธี “โดดเดี่ยว คสช.” หรือ “สกัดกั้นนายกฯ คนนอก”
นี่คือการหงายไพ่
สะท้อนว่า จะต้องดิ้นรนทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มีส่วนแบ่งในอำนาจรัฐ
จะต้องจับมือกับใครบ้าง ก็เอาหมด
ล่าสุด กลิ่นนักการเมืองย้ายพรรคคงรุนแรงมาก กลุ่มอดีต สส.ถึงขนาดต้องแสดงตัว เช็คชื่อกันยกใหญ่
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต สส. มหาสารคาม ผู้ผ่าตัดพันธุกรรมกฎหมายนิรโทษกรรมสนองทักษิณ จนเป็นการนิรโทษกรรมสุดซอย ล้างผิดคนโกง คนฆ่า คนเผา ถึงขนาดอ่านกลอนบูชานาย
“ขอเรียนหัวหน้าพรรคแทนเพื่อนอีสานกว่า 100 ชีวิตว่า ขอยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กับหัวหน้า และคณะกรรมการบริหารพรรค นี่คือคำมั่นสัญญา
ชีวิตนี้ให้ใครไม่ได้แล้ว
จะผ่องแผ้วมืดมิดไม่คิดหนี
ขอมอบ ให้เพื่อไทยทั้งชีวี
จะสิ้นลมตรงนี้ก็ยอมตาย...”
โอ้วววววววว
คสช.ยังไม่ปลดล็อก ยังขนาดนี้ ถ้าปลดล็อกปุ๊ป จะขนาดไหน?
นี่คือการเมืองแบบที่จะสร้างอนาคตบ้านเมืองที่ดีได้ อย่างนั้นหรือ?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี