ในตอนที่ผ่านมา ได้พูดให้ฟังว่าบทบาทและหน้าที่ของทหาร ที่ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาและสถานการณ์ของบ้านเมือง โดยวิธีการทำรัฐประหารนั้น ต้องวางน้ำหนักการทำงานอยู่ที่เรื่องของ “บ้านเมือง”ให้ดีที่สุด อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ “การเมือง” เพื่อแสวงหาอำนาจให้กับตนเองและพรรคพวก หรือคิดอ่านวางแผนสืบทอดอำนาจต่อไปให้ยาวที่สุดที่จะยาวได้
พูดไว้อย่างนี้เพราะเห็นทำกันอย่างนี้จริง
ดูไปที่การสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ออกใช้ในขณะนี้ก็ได้ ที่เขียนซ่อนอำนาจของตนไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างน่าเกลียด ซึ่งไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใดเคยทำกันอย่างนี้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆเมื่อถูกฉีกทิ้งด้วยอำนาจรัฐประหารแล้ว ไม่เคยมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญในลักษณะแฝงซ่อนอำนาจของการรัฐประหารไว้ต่อไปอีก นอกจากเรื่องการนิรโทษกรรมการทำรัฐประหารของตน แต่สำหรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้วมีบทบัญญัติซ่อนแฝงอำนาจของตนไว้ให้คงอยู่ต่อไป แม้จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วก็ตาม แต่ ม.44 ของตนก็ยังคงอยู่และใช้อยู่ได้ต่อไปอย่างที่เห็นในขณะนี้
ใช้ ม.44 แก่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือที่เรียกว่า “กฎหมายลูก” ก็ได้ อย่างเช่นการแก้คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้คนของตัวหรือพวกของตัวสามารถดำรงตำแหน่งต่อไป
ได้ ทั้งๆที่ “กฎหมายลูก” หรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่ออกมาก่อนจะถูกแก้นั้น สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญทุกอย่างในเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการ ป.ป.ช.
แม้กระทั่งการใช้ ม.44 ในอีกหลายเรื่องหลายราว ที่ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้แล้ว โดยเฉพาะในเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน หรือของพรรคการเมืองในการทำงานของตน
สภาพการณ์อย่างนี้เป็นสภาพการณ์ของการมีอำนาจและการใช้อำนาจที่เป็นไปอย่างไม่ตรงกับรัฐธรรมนูญที่มีอยู่นั่นเอง ซึ่งดูแล้วเป็นอำนาจที่ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญนั่นเอง เพราะอยากใช้อย่างไร ใช้เมื่อไร ก็ได้ทั้งนั้น
การบริหารบ้านเมืองด้วยอำนาจอย่างนี้ กล่าวได้ว่าไม่เป็นไปตาม “หลักธรรมาภิบาล” ในการที่จะจัดการอย่างมีคุณธรรม มีความโปร่งใส ยุติธรรม และตรวจสอบได้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนของสังคมไว้วางใจในการบริหารจัดการ
ผู้ใช้อำนาจตามใจชอบเพราะเขียนอำนาจไว้ให้กับตนเองในยามมีอำนาจนั้น มักเป็นคนที่ไม่รู้จักกับเรื่องสำคัญๆต่อไปนี้ คือ
1.หลักนิติธรรม ภายใต้กฎหมายสูงสุดคือรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่มีความเป็นธรรมและยุติธรรม ซึ่งแบ่งแยกอำนาจคุ้มครองไว้แล้วชัดเจน ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ
2.หลักคุณธรรม คือการยึดมั่นในความถูกต้องและความดีงาม การเป็นคนซื่อสัตย์ จริงใจ ปลอดการทุจริต
3.หลักความโปร่งใส ประชาชนตรวจสอบได้ แม้จะมีองค์กรตรวจสอบของรัฐอยู่แล้วก็ตาม ประชาชนต้องมีโอกาสตรวจสอบได้ด้วยเช่นเดียวกัน
4.หลักการมีส่วนร่วม คือการรับฟังหรือเปิดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ร่วมการวางแผนและร่วมปฏิบัติ และสามารถควบคุมโดยประชาชน
5.หลักความรับผิดชอบ คือการตระหนักในสิทธิหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ไม่ก้าวก่าย แทรกแซง และใช้คนดีในการทำงาน
6.หลักความคุ้มค่า คือการบริหารจัดการและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างประหยัด มีเหตุผล
ทั้ง 6 ประการสร้างจิตสำนึกที่ดีในการทำงาน
ไม่แกว่งไกวไปตามอำนาจของความอยากของตน
ไม่เบี่ยงเบนไปในทิศทางของความโลภ คือการโกงกินในทุกรูปแบบ และไม่เบี่ยงเบนไปในความมัวเมาของอำนาจ ที่เป็นตัวกัดกร่อนสังคมอย่างร้ายแรง
ความมัวเมาในอำนาจเพราะใช้อำนาจตามใจชอบ หรือการให้ตัวเองเป็นผู้กำหนดว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาถ้าข้อกำหนดนั้นเป็นอุปสรรคต่อความต้องการ หรือประโยชน์ที่ตนหรือพรรคพวกจะได้รับ
ไม่ชอบใครก็ปลด โยกย้ายออกตามใจชอบ อยากแต่งตั้งใครก็แต่งตั้งตามใจชอบ
ความมัวเมาในอำนาจดังกล่าวเหล่านี้นำมาซึ่งความทุจริตได้ง่าย ที่จะตามมาในรูปแบบต่างๆ เป็นปัญหาของสังคมทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในบ้านเราต่อไป เป็นปัญหาที่บั่นทอนการพัฒนาประเทศ และเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความเจริญในสังคม และความผาสุกของประชาชนต่อไปในวันข้างหน้า
รูปแบบการทุจริตเปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากอดีตมากขึ้น และขยายตัวเป็นวงกว้าง มีลักษณะซับซ้อนมากขึ้น
เหตุเป็นเพราะ “อำนาจชวนให้โกงกิน”
หลายประเทศในโลกพังมาแล้วเพราะเรื่องนี้
ขอนำพระบรมราโชวาทของ ร.9 ที่ทรงให้ไว้เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2546 แก่ผู้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งดังนี้
“... ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียวก็ขอแช่งให้มีอันเป็นไป พูดอย่างนี้หยาบคาย แต่ว่าต้องให้มีอันเป็นไป แต่ถ้าไม่ทุจริต มีความสุจริตและตั้งใจ มุ่งมั่นสร้างความเจริญ ก็ขอต่ออายุให้ถึง 100 ปี ใครมีอายุมากอยู่แล้ว ก็ขอให้แข็งแรง ความสุจริตจะทำให้ประเทศพ้นอันตราย...”
ฝากถึงผู้มีอำนาจขณะนี้ด้วย
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี