การประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งกัมพูชาเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 10-11 มกราคม 2561 เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยประเทศสมาชิกทั้งหมดได้มีมติขับเคลื่อนการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างเต็มที่ เดินหน้าเต็มอัตรา
ส่วนประเทศไทยก็ต้องนั่งดูลมชมวิวกินแห้วต่อไป เพราะในขณะที่ภาคีสมาชิกทั้งหลายเขาตกลงเดินหน้าปฏิบัติตามปฏิญญาซันย่ากันอย่างพร้อมเพรียงนั้น ประเทศไทยของเรายังต้องขอเวลาศึกษาผลกระทบทางสภาพแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอีกสักระยะหนึ่ง
แต่ประเทศสมาชิกทั้งหลายนั้นเขารอไม่ได้เพราะวันเวลาในการพัฒนาประเทศชาติและเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนของประเทศภาคีสมาชิกนั้น ประเทศที่เป็นภาคีสมาชิกทั้งหมดเขาถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่อาจรอคอยใครได้ เขาจึงลงมติเดินหน้าเต็มอัตราศึก
ส่วนประเทศไทยจะใช้เวลาศึกษาอีกนานเท่าไหร่ และจะเอาอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของประเทศไทย และเมื่อผลการศึกษาชัดเจนแล้วหากจะเข้าร่วมดำเนินการก็ต้องดูกันว่าในระยะเวลานั้นจะสามารถดำเนินการต่อเนื่องได้หรือไม่ หรือว่าจะทำต่อไปไม่ได้เลย ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าประเทศไทยจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังนิรันดร
การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมสุดยอด ดังนั้นผู้นำประเทศของภาคีสมาชิกจึงมาเข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียงกัน ในการประชุมจะแบ่งออกเป็นสองขั้น คือขั้นแรกเป็นขั้นตอนพิธีการเปิดการประชุม เรียกว่าเป็นขั้นตอนจับมือถ่ายรูปโชว์ก็ว่าได้ เพราะหาเนื้อหาสาระแก่นสารอันใดมิได้
ก่อนหรือช่วงหลังพิธีดังกล่าวก็อาจมีการประชุมทวิภาคี คือประชุมระหว่างประเทศสองประเทศกันบ้างก็ได้ แต่ไม่อาจถือเป็นการประชุมภาคีสมาชิกกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง
ขั้นตอนที่สองซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญและเป็นเนื้อหาสาระของการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงในครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติแผนการปฏิบัติของประเทศภาคีสมาชิกเพื่อให้บรรลุมรรคผลตามข้อตกลงในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ตามที่ทำความตกลงกันไว้ตามปฏิญญาซันย่า ซึ่งเป็นมติของที่ประชุมสุดยอดที่เมืองซันย่า มณฑลไหหลำ ประเทศจีน
สรุปคือประเทศไทยได้ตกลงกับภาคีสมาชิกทั้งหมดที่จะร่วมพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้เป็นแม่น้ำแห่งการเดินเรือท่องเที่ยวระดับโลกที่หลากหลายวัฒนธรรม สวยงามที่สุดและยาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งพัฒนาแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำแห่งการเดินเรือขนส่งสินค้าซึ่งจะสามารถเดินเรือได้ตลอดทั้งปี
เมื่อไปทำข้อตกลงกันไว้แล้ว โดยเกียรติยศและศักดิ์ศรีระหว่างประเทศก็ต้องมีการปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นให้เป็นผลสำเร็จ และเพื่อการปฏิบัติดังกล่าวจึงมีการจัดทำแผนการปฏิบัติโดยเฉพาะคือแผนพัฒนาประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อให้รองรับกับการพัฒนาแม่น้ำโขงด้วย
อันการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงนั้นแบ่งออกได้เป็นสองส่วน คือ
ส่วนที่หนึ่ง คือการขุดลอกเกาะแก่งในแม่น้ำโขงเพื่อให้สามารถรองรับการเดินเรือได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะมีการเดินเรือท่องเที่ยวขนาดยักษ์ที่ประการท่องเที่ยวนานาชาติ โดยอาจจะมีนักท่องเที่ยวใช้เส้นทางนี้ปีละกว่าสิบล้านคน และยังประกอบด้วยข้อตกลงในการปล่อยน้ำให้สามารถเดินเรือได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจีน เมียนมา และลาว จะร่วมกันปล่อยน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งปี
ในส่วนนี้จีนรับผิดชอบในการขุดลอกเกาะแก่งในแม่น้ำโขงทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เกาะแก่งนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของเมียนมาและลาว ยกเว้นเฉพาะแม่น้ำโขงที่เป็นเส้นแบ่งไทย-ลาว ที่เกาะแก่งทั้งหมดเป็นของลาวตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ยกเว้นแปดแก่งเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ฝั่งไทยเท่านั้น
ขณะนี้ดำเนินการขุดลอกแม่น้ำโขงใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว คือการขุดลอดช่วงจีนมายังแม่น้ำโขงตอนกั้นระหว่างเมียนมากับลาวเสร็จแล้ว แต่ไม่สามารถขุดลอกลงมายังแม่น้ำโขงส่วนที่กั้นระหว่างไทยกับลาวได้ เพราะมีกลุ่มมวลชนเล็กๆ คัดค้าน แล้วมีคนหยิบฉวยเอาเป็นประเด็นใหญ่เพื่อจะล้มโครงการนี้ ดังนั้น ภาคีสมาชิกทั้งหมดจึงตกลงกันให้ตัดเส้นทางที่บริเวณปลายสุดของชายแดนเมียนมาเข้าไปยังประเทศลาวไปออกที่หลวงพระบาง จากนั้นก็เชื่อมต่อไปยังแม่น้ำโขงของประเทศเวียดนามและกัมพูชา
รวมความก็คือประเทศไทยผิดข้อตกลงตามปฏิญญาซันย่า และทำให้ไทยไม่สามารถเชื่อมต่อการใช้ลุ่มแม่น้ำโขง ไม่ว่าในการท่องเที่ยวหรือขนส่งสินค้าได้เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน ยังคงต้องใช้เรือหางยาวข้ามฟาก และต้องขนสินค้าไปขายผ่านลาวหรือเวียดนามต่อไป กลายเป็นว่าไทยต้องกินน้ำใต้ศอกชาติอื่นแทนที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากภูมิยุทธศาสตร์อันยอดเยี่ยมของประเทศไทย
ส่วนที่สอง คือการพัฒนาประเทศภาคีสมาชิกให้รองรับกับการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งมีการจัดทำแผนการพัฒนา แต่ประเทศไทยยังไม่พร้อม ดังนั้น ในการประชุมครั้งนี้จึงมีแต่การพัฒนาแผนพัฒนาประเทศลาว เวียดนาม และกัมพูชาเพื่อให้รองรับกับการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะการกำหนดอัตราเพิ่มของปริมาณการค้าระหว่างกัน ซึ่งตัวเลขนั้นคงไม่เกี่ยวกับประเทศไทย
รวมความว่าในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงครั้งนี้ ประเทศไทยไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง และยังไม่สามารถเชื่อมต่อใดๆ เพื่อการเดินเรือท่องเที่ยวหรือเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ในแม่น้ำโขง ในขณะที่ประเทศสมาชิกอื่นเขาดำเนินการกันอย่างคึกคัก
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผลการประชุมครั้งนี้จึงไม่มีการพูดถึงการดำเนินการใดๆ ของประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้เข้าประชุมเหมือนกับเป็นผู้สังเกตการณ์เท่านั้น
ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าการสกัดเส้นทางสายไหมที่ทั่วโลกเขาทำกันอย่างคึกคักนั้น จะประสบผลสำเร็จหรือไม่? และใครจะได้รับผลดี ผลร้ายต่อไปในอนาคต?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี