• คดีพธม. (พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) หลากหลายคดี ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม จะต้องมองอย่างเข้าใจ จึงจะแก้ได้ถูกต้อง
ก.การเคลื่อนไหวและการต่อสู้ทางการเมือง
1.การเคลื่อนไหวเพื่อยุติการใช้อำนาจรัฐที่มิชอบของรัฐบาลนอมินีทัก เป็นเรื่องถูกต้องชอบธรรม
2.การยึดหลักกติกาสูงสุด คือ รัฐธรรมนูญ และมติของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นจุดแข็งที่สำคัญ
3.การยึดตัวบุคคลคนสำคัญของสังคมฯ ต้องพิจารณาถึงความเป็นจริงและความถูกต้อง
4.ยุทธศาสตร์ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอนโดยหลัก : ถูกต้องชอบธรรม แต่บางกรณีอาจมีข้ออ่อน
5.ความเป็นเอกภาพของแกนนำเป็นเรื่องสำคัญ แต่ต้องขึ้นกับผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศ
6.การสร้างความมีส่วนร่วมของแกนนำและผู้นำส่วนต่างๆ เป็นเรื่องสำคัญ แต่บางครั้งก็ขาดมีข้ออ่อน
7.การสร้างความเข้าใจและยอมรับจากประชาชน ต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ดีและเป็นประโยชน์
8.ความโปร่งใสในเรื่องการเงินที่ประชาชนบริจาค จะต้องเปิดเผยแก่สาธารณเป็นประจำและต่อเนื่อง
• ข.การต่อสู้คดี ในกระบวนการยุติธรรม
1.แกนนำและผู้นำพธม.จำเลย และทนาย จะต้องมีการปรึกษาหารือและตัดสินใจร่วมกัน
2.แกนนำและทนายต้องเคารพความคิดเห็นและสิทธิอัตตวินิจฉัยของจำเลย ไม่ควรพิจารณาลับหลัง และหากจำเลยบางส่วนมีความเห็นต่างจะหาทนายหรือแนวทางการต่อสู้ที่ต่างไป ต้องได้รับความเคารพ
3.คดีใหญ่เช่นนี้ ควรจะมีทนายหลายคน จะเกิดประโยชน์มากกว่าการมีทนายคนเดียวหรือมีน้อย เพราะจะได้ระดมความคิดเห็นที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดีมากกว่าฯ
4.เงินรับบริจาคจากประชาชนในการสู้คดี ต้องให้จำเลยทุกคนมีสิทธิใช้ฯในการต่อสู้คดี แม้มีความเห็นต่าง
5.แนวทางการต่อสู้คดีทางการเมือง ต้องยึดหลักกติกาสูงสุดของประเทศคือ รัฐธรรมนูญ และมติศาลรธน.
6.ส่วนแนวทางอื่น เช่น การหวังพึ่ง “บุคคลสำคัญบางคน” ของแกนนำบางคน ต้องเป็นเรื่องรอง
7.ต้องมีการรายงานความคืบหน้าตามข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาต่อสาธารณเป็นประจำต่อเนื่อง
8.ควรรับฟังความคิดเห็นจากผู้สนับสนุนหรือแฟนคลับของ พธม. ที่ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง
• ค.ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
1.โดยหลักแล้ว ทั้งแกนนำพธม.ทั้งหมดและทนาย ได้ทำหน้าที่ได้อย่างดีมาอย่างต่อเนื่อง
2. แต่ที่ผ่านมา ยังมีข้ออ่อนบางประการ ในเรื่องแนวทางการต่อสู้ การยึดหลักการฯที่มีความเห็นต่างกัน ซึ่งต่างฝ่าย ต่างมีความเห็นที่ต่างกัน แม้ว่าเป้าหมายจะตรงกัน แต่วิธีการที่ต่างกัน มีผลต่อคดีไม่น้อย
3.แต่การขาดการรับฟังและยอมรับกัน ทำให้ “จำเลยบางส่วน” ต้องขอเปลี่ยนทนาย และไปหาทนายของตน
4.บางเรื่องเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งภายในผู้นำพธม.และจำเลยทั้งหมด จะต้องมีการปรึกษาหาแก้ไขร่วมกัน
• ง.คดีพธม.ส่วนที่แพ้คดี มาจากหลายปัจจัย ทั้งภายนอกและภายใน ต้องพิจารณากันอย่างจริงจัง ส่วนภายในที่มีข้ออ่อนในเรื่องของ“ทนาย” และการคาดหวังการนิรโทษกรรมของแกนนำบางคนในคำพิพากษาฎีกาฯ มีการกล่าวย้ำถึงข้ออ่อนของทนายพธม.ฯลฯ
• จ.มีจำเลยบางส่วนที่แยกออกมาต่อสู้คดี ได้นำเสนอแนวทางที่เน้นรัฐธรรมนูญและมติศาล รธน.และยังคงดำเนินการต่อสู้คดีต่อไปแม้ว่า “บางคดี” มีคำพิพากษาศาลฎีกาออกมาแล้วก็ตามที ประเด็นที่นำเสนอมีเหตุมีผลมีสาระที่สำคัญที่กระบวนการยุติธรรม ควรต้องใส่ใจเพราะ
1.คดีพธม.เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนไทยในการต่อสู้กับอำนาจรัฐที่มิชอบ เพื่อปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ซึ่งศาลรธน.และศาลฯที่ได้พิจารณาคดีของพธม.บางคดี ก็ได้มีความเห็นออกมาเช่นนี้ และยังมีการกล่าวถึง “รัฐบาลนอมินี” ที่มิชอบ ได้มีการกระทำฯในลักษณะนี้ด้วย) โดยยึดหลักกติกาสูงสุด คือ “รัฐธรรมนูญ” ที่เหนือกว่า “กฎหมายใดๆ ทั้งทางแพ่งและอาญา” และการยึด “มติศาลรัฐธรรมนูญ” ที่มีผลใช้บังคับ ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและศาลฯ
2.หากการตัดสินของกระบวนการยุติธรรม ที่ใช้กฎหมายรอง มิได้ใช้รัฐธรรมนูญเป็นหลัก ก็อาจจะเป็นการผิดพลาดครั้งใหญ่ในทางประวัติศาสตร์ในกระบวนการยุติธรรมของไทย
3.หลักกฎหมายในการพิจารณา “จะต้องพิจารณาความผิดก่อน ถึงจะพิจารณาเรื่องค่าปรับ” ซึ่งก็คือ “ต้องพิจารณาตามกฎหมายอาญาก่อนกฎหมายแพ่ง”
4.หลักยุติธรรม ต้องมีการพิจารณาในภาพรวม หรือให้ครบถ้วนกระบวนความของคดีเดียวกันให้เสร็จก่อน คือ ความเสียหายที่หน่วยงาน
ของรัฐที่เป็นผู้ฟ้องคดี “แกนนำพธม.และพวก” ต้องพิจารณาว่า “มีกี่ผู้ฟ้อง มีกี่คดี และมีจำเลยที่จะต้องรับผิดชอบร่วม” ให้ครบถ้วนก่อน เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ฟ้องค่าเสียหายทั้งหมด จาก “13 แกนนำจำนวน 522 ล้าน”แต่ยังมีจำเลยอีกคดีหนึ่ง “จำนวน 98 คน” ที่ถูกฟ้องอาญาก่อน (ซึ่งถูกต้อง มิใช่ฟ้องแพ่งก่อน) และหากจำเลย 98 คน “แพ้คดีอาญา” ก็จะต้องถูกฟ้อง “คดีแพ่ง” ต่อมา ฉะนั้นตามหลักกติยุติธรรม จะต้อง “รอคอย” คดีนี้ก่อน จึงจะดำเนินการยึดทรัพย์จำเลยได้
5.ทางจำเลยที่ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติยังมีแนวทางในการต่อสู้คดีอีก ทั้งการนำเสนอ เรื่องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาและอื่นๆ รวมทั้งอาจจะมีการนำเสนอให้“ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาฯตัดสิน” (อย่างบางคดี) เพราะคดีนี้เป็นคดีทางการเมืองประวัติศาสตร์ ที่จะต้องแก้ไขด้วยการเมืองที่ยึดรัฐธรรมนูญเป็นหลัก
• ฉ.และหากได้มีการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งศาล และศาลรัฐธรรมนูญ เสร็จเรียบร้อยแล้ว หากผลของคดี “ต้องให้ผู้นำ พธม.ที่ออกมาต่อสู้เพื่อบ้านเมือง จ่ายค่าเสียหายแล้ว”
ประชาชนเรือนแสนเรือนล้าน ก็ย่อมจะออกมาปกป้องผู้นำของเขาอย่างแน่นอน (และหากรัฐบาลที่ดีมีจิตสำนึก ได้เห็นความสำคัญและต้องการตอบแทนบุญคุณของการต่อสู้เพื่อบ้านเมือง ก็อาจจะ“นำเรื่อง การเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ” ก็ได้ รวมทั้งประเด็นสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย ที่คนไทยทั้งชาติรอคอยข่าวดี ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้)
• การต่อสู้เพื่อต่อต้านรัฐบาลมิชอบ และเพื่อประชาธิปไตยของประชาชน จะต้องได้รับการยกย่องชื่นชม
• หมายเหตุ: ความเห็นหลักๆ ได้มาจากอดีตรัฐมนตรีผู้พิพากษา นักกฎหมายอาวุโสและ ทนายความที่มีชื่อเสียง รวมทั้งจากอดีตนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอีกบางท่าน ควรจะได้มีการนำเรื่องนี้ไปพิจารณาปรึกษาหารือ เพื่อให้ได้ความคิดที่ดีที่สุดออกมา เพื่อบ้านเมือง
ของเรา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี