ขณะที่คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมและตำรวจที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานได้สรุปแนวทางโครงสร้างและการโยกย้ายข้าราชการตำรวจเสร็จสิ้นแล้ว กลับปรากฏข่าวอื้อฉาวก่อนหน้านี้เมื่อคนขับรถพ่วงบรรทุกดินลูกรังรายหนึ่งถูกตำรวจทางหลวงเรียกสินบน 15,000 บาทเพื่อแลกกับการไม่จับกุมซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้จนบัดนี้วงการตำรวจก็ยังไม่ได้รับการปฏิรูป
ก่อนหน้านี้คณะกรรมการสอบสวนกรณีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งนายตำรวจในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภาค 8 ที่มี พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น อดีตจเรตำรวจ เป็นหัวหน้าทีมสอบสวนได้สรุปผลการสอบสวนแล้วว่ามีการซื้อขายตำแหน่งจริง หรือกรณีข่าวอื้อฉาววงการสีกากีในจ.ภูเก็ตเรียกรับส่วยจากบรรดาผู้ประกอบการและคนต่างด้าวเดือนละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทล้วนสะท้อนถึงค่านิยมการทุจริตประพฤติมิชอบที่ฝังรากลึกเน่าเฟะในวงการสีกากีมาช้านานและยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตจนแม้วันนี้และสิ่งเลวร้ายเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากผู้บังคับบัญชาตามระดับขั้นไม่มีส่วนรู้เห็นเข้าทำนองหากหัวไม่ส่ายหางไม่มีทางกล้ากระดิก และสะท้อนว่ายังมีการซื้อขายเก้าอี้นายตำรวจหรือเล่นพรรคเล่นพวก ซึ่งเมื่อเก้าอี้นายตำรวจในพื้นที่เกรดเอมีราคานับสิบล้านบาทแน่นอนย่อมจะต้องมีการถอนทุนคืนบวกกำไรไม่ต่างจากธุรกิจการเมืองของเหล่านักโกงบ้านกินเมือง
ก่อนหน้านี้เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจและองค์กรภาคประชาชนทั่วประเทศ 102 องค์กรประเมินผลการทำงานเท่าที่ผ่านมาของคณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและตำรวจที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธานว่าสอบไม่ผ่าน พร้อมทั้งยื่นข้อเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เพื่อปฏิรูปตำรวจในด้านต่างๆ อาทิ
1.เร่งดำเนินการตามมติสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2558 ที่ให้โอน 11 หน่วยงานในสังกัดองค์กรตำรวจไปให้กระทรวงทบวงกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นการกระจายอำนาจและเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ 2.แยกระบบงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) 3.ให้พนักงานอัยการมีอำนาจตรวจสอบควบคุมการสอบสวนคดีที่มีโทษจำคุกเกิน 5 ปีหรือคดีที่เห็นว่าจำเป็น หรือกรณีที่มีการร้องเรียนตั้งแต่เกิดเหตุเพื่อให้การรวบรวมพยานหลักฐานเป็นไปด้วยความสุจริต
4.การสอบสวนต้องทำในห้องสอบสวนที่จัดเฉพาะ มีระบบบันทึกภาพ และเสียงอัตโนมัติเป็นหลักฐานไว้ให้อัยการและศาลเรียกตรวจสอบได้เมื่อจำเป็นทุกคดี 5.ยุบกองบัญชาการตำรวจทุกภาคเพื่อลดความซ้ำซ้อนและไม่จำเป็นในระบบการบังคับบัญชา 6.ปรับโครงสร้างตำรวจจังหวัดตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมาที่ให้ตำรวจอยู่ประจำพื้นที่จังหวัด ตรวจสอบประเมินผลโดยคณะกรรมการจังหวัดและการบังคับบัญชาของผู้ว่าราชการจังหวัด 7.กำหนดหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง เลื่อนตำแหน่งและโยกย้ายตำรวจโดยพิจารณาตามอาวุโสการครองตำแหน่งเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ รวมทั้งสร้างความเป็นธรรมลดปัญหาการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง
จากผลสรุปแนวทางปฏิรูปโครงสร้างและการโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ออกมาสรุปสาระสำคัญได้ว่า ให้ยกเลิกอำนาจการคัดเลือกและแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)จากเดิมที่เป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.)มาเป็นอำนาจของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)เหมือนในอดีตซึ่งไม่ต่างจากการพายเรือในอ่าง
การปฏิรูปความเน่าเฟะในวงการตำรวจถือเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญที่สังคมต้องการให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ผลักดันให้เป็นจริง แต่ดูเหมือนว่าแนวทางปฏิรูปตำรวจทั้งหมดที่ออกมาดูเหมือนจะยังไม่ตอบโจทย์ข้อเรียกร้องของประชาชนอย่างชัดเจนโดยเฉพาะสองเรื่องคือการแก้ปัญหาการเซ็งลี้เก้าอี้นายตำรวจซึ่งเป็นต้นตอของการทุจริตประพฤติมิชอบทั้งปวงในวงการสีกากี รวมทั้งการแยกงานสอบสวนออกจากงานปราบปรามเพื่อป้องกันการบิดเบือนคดีของตำรวจ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี