คำให้สัมภาษณ์กรณีนาฬิกาหรูกว่า 20 เรือนมูลค่าหลายสิบล้านบาทสุดอื้อฉาวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง หรือ“บิ๊กป้อม” ครั้งล่าสุดถูกตั้งข้อสังเกตว่าเท่ากับเป็นหลักฐานมัดตราสังปิดฉากอนาคตและความชอบธรรมสำหรับ“บิ๊กป้อม”ที่จะนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีต่อไปแทบจะสิ้นเชิง
อย่าว่าแต่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ ออกมาจี้ต่อมสำนึก “บิ๊กป้อม” ให้แสดงสปิริตไขก๊อกก่อนที่เรื่องจะลุกลามบานปลายใหญ่โตจนกลายเป็นวิกฤติศรัทธาต่อรัฐบาลและคณะรักษความสงบแห่งชาติ(คสช.) โดยอดีตนายกฯยกตัวอย่างเปรียบเทียบกรณีสองอดีตรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์คือ นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรมว.สาธารณสุข และ นายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่แค่ถูกร้องเรียนว่าพัวพันการทุจริตและกรณีแจกปลากระป๋องเน่าซึ่งทั้งๆ ที่ยังไม่มีการตรวจสอบและชี้มูลความผิด แต่รัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสองคนก็แสดงสปิริตลาออกเพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลายจนส่งผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งภายหลังผลการตรวจสอบในเวลาต่อมาพบว่ารัฐมนตรีทั้งสองไม่มีความผิด
มาทางด้าน “บิ๊กป้อม” ให้สัมภาษณ์กรณีนาฬิกาหรูสุดอื้อฉาวครั้งล่าสุดโดยกล่าวว่า “ขอให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตรวจสอบ ถ้าชี้ว่าผมผิด ผมก็ออก คงต้องรอให้ตรวจสอบให้เสร็จสิ้นก่อน”
แต่ประเด็นคำให้สัมภาษณ์ซึ่งเป็นสาระสำคัญซึ่ง “บิ๊กป้อม” หลุดปากพูดออกมาเมื่อถูกนักข่าวซักถามว่าเป็นคนชอบสะสมนาฬิกาใช่หรือไม่ ซึ่ง“บิ๊กป้อม” ตอบว่า “ผมไม่มีหรอก ผมมีพื่อน เพื่อนเอามาให้ผมใส่ แค่นั้นเอง และก็คืนเขาทั้งหมดทุกเรือน”
จึงเป็นอันว่าเหตุผลที่ “บิ๊กป้อม” พยายามที่จะใช้หักล้างข้อครหาการครอบครองนาฬิกาหรูราคาแพงหลายสิบเรือนที่เคยสลับหมุนเวียนใส่ก็คืออ้างว่าเป็นของเพื่อน ซึ่งแทนที่จะเกิดผลดีกลับกลายเป็นหลักฐานสำคัญที่จะผูกมัดและชี้ชะตา “บิ๊กป้อม” ในอนาคต
การที่ “บิ๊กป้อม” อ้างว่านาฬิกาเป็นของเพื่อน ซึ่งแม้จะยังไม่มีผลสรุปการตรวจสอบที่ชัดเจนจากป.ป.ช. แต่ด้วยสามัญสำนึกของคนทั่วไปก็คงมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่า เหตุผลของ “บิ๊กป้อม” ไม่มีน้ำหนักความน่าเชื่อถือ เพราะคนระดับ “บิ๊กป้อม” มีหรือที่จะยืมนาฬิกาคนอื่นใส่หลายสิบเรือน
การที่ “บิ๊กป้อม” อ้างว่าเป็นนาฬิกาของเพื่อนยิ่งสร้างปมมัดตัวเองซึ่งป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบที่มาที่ไปของนาฬิกาหรูให้เกิดความกระจ่างโปร่งใส โดยจะต้องพิสูจน์ว่าเพื่อนของ “บิ๊กป้อม” ที่เป็นเจ้าของนาฬิกามีตัวตนจริงหรือไม่ ถ้ามีตัวตนจริงจะต้องมาให้ปากคำเพื่อแสดงหลักฐานพิสูจน์ความเป็นเจ้าของนาฬิกา และหากภายหลังพบว่าเป็นการสมอ้างก็จะต้องรับผิดชอบ
ที่สำคัญการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของ “บิ๊กป้อม” เป็นการโยนระเบิดเวลาใส่ ป.ป.ช.ที่ขณะนี้ถูกจับตาจากสังคมอยู่แล้วอย่างจัง ด้วยคำพูดที่ว่า พร้อมจะลาออกหากป.ป.ช.ตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูแล้วพบว่าผิดจริง
จากนี้ไป ป.ป.ช.จะกลายเป็นตำบลกระสุนตกจากระเบิดเวลาที่ “บิ๊กป้อม” โยนใส่โดยเฉพาะตัวประธานป.ป.ช.คือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ หรือ “บิ๊กกุ้ย” เพราะรู้กันอยู่ว่า “บิ๊กกุ้ย” เป็นลูกน้องเก่าที่ใกล้ชิด “บิ๊กป้อม” ซึ่งที่ผ่านมา “บิ๊กกุ้ย” ก็ออกอาการเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและถูกมองว่าพยายามดึงเกมการตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นได้เพื่อซื้อเวลาหวังหาทางออกซึ่งแทบจะมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เพราะขณะนี้ด้วยข้อเท็จจริงที่ปรากฏ สาธารณชนส่วนใหญ่เชื่อว่านาฬิกาหรูของ “บิ๊กป้อม” ส่อไปในทางไม่โปร่งใส
ทั้งนี้หากป.ป.ช.ภายใต้การนำของ “บิ๊กกุ้ย”จะตะแบงสรุปผลสอบฟอกขาวให้กับ “บิ๊กป้อม” แบบน้ำขุ่นๆไม่สามารถขจัดข้อสงสัยของสาธารณชนได้ นั่นหมายถึงการจุดชนวนระเบิดเวลาต้องรับผลสะท้อนกลับจากวิกฤติศรัทธาที่จะมีต่อป.ป.ช.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระสำคัญซึ่งมีหน้าที่ปราบปรามคอร์รัปชั่น
ที่สำคัญกว่านั้นคือจะก่อวิกฤติศรัทธาบ่อนทำลายภาพพจน์ความน่าเชื่อถือของอำนาจรัฐคสช.และจะกลายเป็นชนวนระเบิดเวลาที่ฝ่ายต่างๆ จะใช้เป็นประเด็นเคลื่อนไหวรุมขย้ำอำนาจรัฐคสช.อย่างต่อเนื่อง อันจะส่งผลต่อความชอบธรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ในการนั่งเก้าอี้นายกฯ คนนอก ซึ่งกรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้นแม้แต่กองหนุนที่เคยเชียร์คสช.ขณะนี้ก็ยังส่ายหน้ารับไม่ได้
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี