เดือนสุดท้ายปลายปีที่ผ่านมา สำนักโพลล์และสถาบันต่างๆ ทั่วโลก เผยแพร่ผลสำรวจความนิยมของผู้นำในศตวรรษที่ 21 พบว่า คนรุ่นเก่า อำนาจนิยม มีบุคลิกแบบนักเลงโบราณ อาทิ ประธานาธิบดีโรดิโก ดูเตอร์เตแห่งฟิลิปปินส์, อัครมหาเดโชชัย ฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีตลอดกาลกัมพูชา ตลอดจนถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ที่ถูกชาวโลกวิจารณ์ว่าเป็นเผด็จการอำนาจนิยม บ้า แต่ผลสำรวจพบว่าคนเหล่านี้ได้รับความนิยมจากในประเทศอย่างน่าประหลาดใจ
ต่างกับประเทศไทย ที่นายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งความหวังให้คนรุ่นใหม่เข้าจรรโลงประชาธิปไตย สร้างรัฐบาลใหม่ที่เป็นธรรมาภิบาลดังที่ท่านนายกฯพูดไว้ว่า “ส่วนการเมืองเราต้องทำใหม่ทั้งหมด เอาคนที่มีศักยภาพเข้ามา เป็นคนรุ่นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับประชาธิปไตยในยุคศตวรรษที่ 21 เราต้องพัฒนาทุกด้านอย่าไปรังเกียจ เรื่องการเมือง...ในเรื่องการเลือกตั้ง ผมอยากให้มีรัฐบาล มีนักการเมืองดีๆ ก็มีอยู่ แต่เราก็จำเป็นที่จะต้องสร้างนักการเมืองรุ่นใหม่ รุ่นเก่าก็อายุมากแล้ว แต่ก็มีประสบการณ์ ต้องเข้าใจประเด็นนี้ด้วย...”
พล.อ.ประยุทธ์ตั้งความหวังไว้เต็มเปี่ยมและให้น้ำหนักกับคนรุ่นใหม่ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมคนสูงวัย ประชากรกว่า 68 ล้านเป็นผู้สูงวัยถึง 11.8ล้านราย เป็นจำนวนกว่า 24.58% ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งประมาณ 48 ล้านคน ที่พร้อมจะลงคะแนนให้กับนักการเมืองที่มีธรรมาภิบาลเพื่อสร้างสรรค์สังคมประชาธิปไตย 11.8 ล้าน หรือ 24.58% ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเหล่านี้ น่าจะมีคุณภาพกว่าเสียงพึ่งพาได้ ที่สำคัญไม่ได้สร้างผลเสียให้กับประเทศ ดังที่คนรุ่นใหม่ทำมามากกว่าหนึ่งทศวรรษ
ในห้วงเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา นักการเมืองที่สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติ ล้วนแต่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอัศวินคลื่นลูกใหม่ หรืออัศวินควายดำ ทุนสามานย์ปล้นชาติรุ่นใหม่เข้าสู่วงการเมืองได้เพียงสี่ปี ก็สร้างความเสียให้ประเทศชาติเป็นแสนๆ ล้าน คนรุ่นใหม่บางคนใช้เวลาเพียง 49 วันผันตัวเองจากนักธุรกิจเป็นนายกรัฐมนตรีที่สร้างความเสียหายไป700,00 กว่าล้านบาท ที่ติดคุกติดตะราง ถูกศาลสั่งริบทรัพย์ สั่งปรับเป็นพันล้านหมื่นล้านบาท ที่หนีหัวซุกหัวซุน ล้วนแต่เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ คนรุ่นใหม่ในแวดวงการเมืองทั้งนั้น ที่เห็นไม่มีคนรุ่นเก่า คนสูงวัยที่อยู่ในสภามาหลายสมัยคนไหน สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติเป็นหมื่นล้านแสนล้าน ที่สร้างความแตกแยกสร้างความวุ่นวาย สร้างความเสียหาย ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่นักการเมืองหน้าใหม่
เพื่อเป็นอนุสติเตือนใจว่า ชาวโลกเขามองคนรุ่นเก่ามีคุณค่าอย่างไร ให้ดูผลสำรวจปลายปีในประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย กัมพูชา และสหรัฐอเมริกา ประเทศเหล่านี้มีแต่ผู้นำสูงวัยที่คนทั่วไปเรียกว่านักเลงโบราณ ที่ทั่วโลกวิจารณ์ว่าเป็นเผด็จการอำนาจนิยมในคราบประชาธิปไตย แต่รู้ไหมคนภายในเขานิยมชมชอบ มหาธีร์ โมฮัมหมัด วัย 92 ปีอดีตนายกรัฐมนตรีที่ใช้กำปั้นเหล็กปกครองมาเลเซียนานถึง 22 ปีเมื่อประเทศชาติมีปัญหา ประชาชนก็เรียกร้องให้เขากลับมาสมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งเดือน ส.ค.ซึ่งก็มีสิทธิ์ชนะ
ประธานาธิบดี โรดิโก ดูเตอร์เต วัย 72 ปี แห่งฟิลิปปินส์ปี เจ้าของสมยานามนักเลงโบราณขวานผ่าซาก พูดจาโผงผางตรงไปตรงมาไม่ไว้หน้าใคร นายดูเตอร์เตตกเป็นเป้าโจมตีของสื่อตะวันตกตั้งแต่วันลงสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีแข่งกับนางเกรส โพ ซึ่งว่ากันว่าเป็นหุ่นเชิดของสหรัฐ ก่อนเข้ารับตำแหน่ง เขาประกาศว่าจะสังหารนักค้ายาเสพติดสักแสนราย เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดที่ทำให้สังคมล่มสลาย หนึ่งปีในตำแหน่งประธานาธิบดี ชาวฟิลิปปินส์เสียชีวิตจากสงครามยาเสพติดกว่า 7,000 ราย สหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกประณามเขาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนนายดูเตอร์เตด่าสหรัฐกลับว่าเป็นลูกโสเภณี แม้แต่สันตะปาปา ในบางครานายดูเตอร์เต ก็ไม่ละเว้น
ขณะชาวโลกวิจารณ์กันทั่วไป รู้ไหมนายดูเตอร์เตกลับเป็นขวัญใจในหมู่คนสูงวัยฟิลิปปินส์ ชาวฟิลิปปินส์สูงวัยมองว่า เขาเป็นคนรักชาติที่เป็นภัยคุกคามต่อคนชั่วคนร้ายไม่เป็นอันตรายต่อคนดี ผลสำรวจของSocial Weather Station (SWS) เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ความเชื่อมั่นในตัวของประธานาธิบดีดูเตอร์เต ดีดกลับขึ้นมาอยู่ในระดับดีเลิศ (Excellent) จากระดับดีมาก ซึ่งสำรวจเมื่อเดือนต.ค.ชาวฟิลิปปินส์สูงวัยที่ตอบคำถามสี่ในห้าคน เชื่อมั่นและศรัทธาในบุคลิกของเขา
SWS เคยสำรวจความนิยมเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งเดือน มิ.ย.2559 พบว่า ความนิยมระดับ “ดีเลิศ” และตกลงไป 18 จุด เมื่อครบรอบหนึ่งปีในตำแหน่งประธานาธิบดีแต่ความนิยมดีดกลับขึ้นอย่างน่าประหลาดใจตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2560 เป็นที่น่าสังเกตว่า นายดูเตอร์เต เป็นที่ชื่นชมของคนชั้นกรรมาชีพและชาวฟิลิปปินส์ผู้สูงวัยหลายล้านคน SWS สำรวจจากวันที่ 8 ถึง 16 ธ.ค. ใช้วิธีสัมภาษณ์ตัวต่อตัวจาก 12,000 ตัวอย่างพบว่า 83 เปอร์เซ็นต์ของผู้สูงวัยให้ความเชื่อมั่นเขามากที่สุด
นายแฮร์รี่ โรว์ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดี กล่าวว่า การสำรวจล่าสุดสะท้อนว่าประชาชนรักนายดูเตอร์เตเพราะเขามีเจตจำนงทางการเมือง แก้ไขปัญหาความมั่นคงและอาชญากรรมสัมฤทธิผล และได้สร้างความมั่นใจในการเติบโตทางเศรษฐกิจยั่งยืน “ท่านแน่วแน่ในการบังคับใช้กฎหมายขจัดภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายและทำสงครามยาเสพติด” เขาอ้างว่าการปราบปรามยาเสพติดที่ทำให้คนตายจำนวนมาก แต่ตรงเป้าหมายจึงได้รับความนิยมจากประชาชน
นอกจาก SWS โพลล์สำนักอื่นๆ เช่น Pulse Asia ก็สำรวจพบว่าถึงแม้จะถูกนานาชาติประณามเพราะคำพูดโผงผางหยาบคายและความรุนแรงในสงครามยาเสพติดแต่นายดูเตอร์เต ยังได้รับความนิยมสูงในหมู่ชาวฟิลิปปินส์ ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์ระบุว่า ระหว่างวันที่ 1 ก.ค. 2559-21 ม.ค. 2560 จำนวนผู้เสียชีวิต มีถึง 7,025 คนหรือเฉลี่ยวันละ 34 คน โดยองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนอ้างว่าผู้เสียชีวิตกว่า 2,500 คน เกิดจากฝีมือของตำรวจ ส่วนที่เหลือเกิดจาก “ผู้มีอาวุธไม่ทราบฝ่าย”
จากฟิลิปปินส์ข้ามทวีปไปสู่สหรัฐอเมริกาแกลลัพโพลสำรวจเมื่อเดือน ธ.ค. พบว่าความนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กระเตื้องขึ้นจาก 30% เมื่อ 10 ตุลาคม เป็น 40% เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. กว่า 51% ของผู้ตอบคำถามพึงพอใจที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.3% อัตราการว่างงานต่ำสุดในรอบ 17 ปี ประธานาธิบดีมหาเศรษฐีที่พูดเหมือนนักเลงโบราณเขาถูกวิจารณ์ตั้งแต่เรื่องใต้ร่มผ้าจนถึงปัญหานิวเคลียร์ เขาเป็นประธานาธิบดีที่ไม่สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย หลังจากประกาศรับรอง “เยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล” จนวุ่นวายไปทั่วโลก นายทรัมป์หาเรื่องถูกสับโขกใหม่ไปเรียก “เฮติและแอฟริกาว่าเป็นประเทศ รูก้น” (Shithole) ถ้าติดตามสื่อที่ถูกนายทรัมป์เล่นงานถ้วนหน้าคิดว่า นายทรัมป์คงไปไม่รอด จอดไม่ต้องแจวในไม่ช้า
หลายคนคิดว่าไปถึงไหนก็มีแต่คนด่าเสียงขรม แล้วมีความนิยมมาจากไหน อย่าลืมว่าสหรัฐฯ ประเทศค้าอาวุธสงคราม ค้าความตาย นายทรัมป์เป็นพ่อค้าในห้วงเวลาหนึ่งปี เขาหาวิธีขายอาวุธให้พ่อค้าความตายได้มากกว่า นายบารัค โอบามา ขายมาแปดปี นายทรัมป์ไปถึงไหนสร้างกระแสสงครามไปถึงนั้น ไปตะวันออกกลางเขาขายอาวุธให้ซาอุดีฯมูลค่า 110,000 ล้านดอลลาร์ ขายให้กาตาร์มูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์ ขายไต้หวัน 1,420 ล้านดอลลาร์ ส่วนเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นถูกทรัมป์ปั่นกระแสอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ พล่านซื้อโล่ขีปนาวุธป้องกันภัยตอบโต้ภัยทางอากาศมูลค่าเท่าไหร่ยังเหนียมอายไม่กล้าเปิดเผย ส่วนประเทศไทยขายให้จิ๊บจ๊อยเพียง 800 ล้านบาท
ยังมีอีกร้อยแปดพันเก้ากรณีที่ผู้สูงวัย อาทินายทรัมป์ นายเตอร์เต นายฮุนเซ็น มหาธีร์ ฯลฯ ที่ถูกทั่วโลกวิจารณ์ว่าเป็นเผด็จการอำนาจนิยม ไม่เหมาะสมตำแหน่งผู้นำในระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าได้ศึกษาจากคนภายในที่รักศรัทธาผู้นำเหล่านั้น จะพบว่าประชาธิปไตยธรรมาภิบาลไม่ใช่งานเฉพาะคนรุ่นใหม่ คนสูงวัยนักเลงโบราณเหมาะเป็นผู้นำธรรมาภิบาลบริหารประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี