สวนชูวิทย์ เนื้อที่ 6 ไร่ ย่านสุขุมวิท กำลังจะกลายเป็นโรงแรมหรูกลางเมือง
สวนเพื่อประโยชน์สาธารณะจะหายไป ธุรกิจโรงแรมอันมุ่งผลประโยชน์จะเข้ามาแทน
1. หลังออกจากคุก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เคยเขียนเล่าถึงที่มาที่ไปของที่ดินแห่งนี้ไว้ในเว็บไซต์มติชนออนไลน์ อย่างน่าสนใจบางตอนว่า
“...หลังจากต่อสู้คดีมาเป็นระยะเวลา 12 ปี ผมเป็นผู้แพ้ในฐานะเจ้าของที่ดิน 6 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ ติดถนนสุขุมวิทตอนต้น
ที่ดินแปลงนี้มีมูลค่ามหาศาล แต่ทำให้ผมต้องสูญเสียอิสรภาพ...
หลังจากที่ฟังคำพิพากษาจนจบสิ้นกระบวนการตัดสินของศาลฎีกา ผมยอมรับอย่างหน้าชื่นอกตรมว่าเป็นคำพิพากษาที่ให้ความยุติธรรมกับจำเลยอย่างที่สุด แม้ว่าศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้อง และศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาตัดสินจำคุก 5 ปี คำรับสารภาพของผมแม้ว่าศาลฎีกาจะไม่รับพิจารณา แต่ก็ได้ลดโทษจาก 5 ปี เหลือ 2 ปี เหตุเพราะผมสำนึกผิด และได้พยายามเยียวยาโดยนำเอาที่ดินมูลค่ามหาศาลทำเป็นสวนสาธารณะปลูกต้นไม้ให้เป็นประโยชน์กับประชาชนสามารถเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางตึกสูงระฟ้า ทั้งโรงแรม สำนักงานล้อมรอบแทนที่จะนำที่ดินมาทำประโยชน์หาผลตอบแทนทางธุรกิจ...
เดิมที่ดินแปลงนี้เป็นของ บ.แสนสิริ เป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวเจ้าของบริษัทแต่ดั้งเดิม โดยต่อมาได้วางแผนพัฒนาเป็นอาคารสำนักงานสูงกว่า 30 ชั้น แต่เมื่อมาเจอวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำที่เรียกว่า “ต้มยำกุ้ง”ของประเทศไทย ทำให้บริษัทมีปัญหาไม่สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้ และถูกบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้ในขณะนั้น (ปัจจุบันเป็นธนาคาร ทิสโก้ จำกัด (มหาชน)) ได้ยึดที่แปลงนี้เพื่อชำระหนี้ที่ค้างอยู่ เท่ากับว่าทิสโก้เป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้
ต่อมาในปี 2544 ทิสโก้ได้ติดต่อมาที่ผมในฐานะที่เป็นลูกค้าชั้นดีโดยเสนอขายที่ดินแปลงนี้ให้ผมในราคาตารางวาละ 200,000 บาท รวมมูลค่า 500 ล้านบาท
ในสมัยนั้นถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มาก ประกอบกับระยะเวลานั้นไม่มีใครกล้าจะซื้อเพราะธนาคารเข้มงวดเนื่องจากเพิ่งผ่านภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หลายธนาคารและไฟแนนซ์ต้องล่มสลายภายใต้กฎระเบียบของ IMF
เชื่อไหมว่า ธนาคารมาเสนอขายผมตอนเวลา 3 ทุ่ม ในขณะนั้นผมยังประกอบธุรกิจ อาบ อบ นวด จำได้ดีว่าทิสโก้ส่งเจ้าหน้าที่มาพูดคุยเรื่องที่ดินแปลงนี้ที่คอฟฟี่ช็อป เอ็มมานูเอล ถ.รัชดา (ต่อมาผมได้ขายสถานที่นี้ไปเมื่อปี 2548)
ผมยังบอกเจ้าหน้าที่ทิสโก้ไปว่า ตารางวาละ 200,000 ขอลดเหลือ 180,000 ได้ไหม แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยืนยันว่าราคานี้เป็นราคาที่บอร์ดตัดสินใจขาย สมัย 15 ปีที่แล้วเงิน 500 ล้าน ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ แต่ผมตัดสินใจซื้อภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง...”
ข้อเขียนนี้ เขียนหลังจากศาลฎีกาฯ พิพากษาลดโทษจากชั้นศาลอุทธรณ์ให้แก่นายชูวิทย์แล้ว
เขียนหลังจากนายชูวิทย์พ้นโทษมาแล้ว รับโทษจบสิ้นแล้ว
และเดาว่า ตอนที่เขียน นายชูวิทย์อาจตัดสินใจแล้ว ว่าจะเอาสวนไปเซ็งลี้ทำธุรกิจโรงแรมแล้ว
2. ล่าสุด บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้แถลงแผนการดำเนินงานในปี 2561
ระบุว่า ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 บริษัทได้เตรียมเซ็นสัญญาเช่าที่ดินสวนชูวิทย์ บริเวณสุขุมวิทซอย 10 เนื้อที่ 6 ไร่ ของนายชูวิทย์กมลวิศิษฎ์
ระยะเวลาในการเช่าพื้นที่อยู่ที่ 4+30 ปี ในราคา 700,000 บาท/ตารางวา
บริษัทจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าในรูปแบบอาคารสำนักงาน พื้นที่เช่า20,000 ตารางเมตร และโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักประมาณ 400 ห้อง และมีพื้นที่ค้าปลีกอีก 3,000 ตารางเมตร
โดยใช้งบลงทุนอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท
จะเริ่มลงทุนก่อสร้างในช่วงต้นปี 2562 และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปี
น่าสนใจว่า อาณาจักรแลนด์ฯ ใครๆ ก็รับรู้กันว่าคืออาณาจักรของนายอนันต์ อัศวโภคิน อัครสาวกคนสำคัญของธรรมกาย ธัมมชโย
เท่ากับว่า กำลังจับมือทำธุรกิจร่วมกับอดีตเจ้าพ่ออาบอบนวด บนที่ดินรื้อบาร์เบียร์ดังกล่าว
3. น่าสงสัยว่า ที่ดินแปลงนี้ เป็นทรัพย์สินของนายชูวิทย์แน่ๆ
เพราะนายชูวิทย์เขียนเล่าเอง ว่าเป็นคนซื้อเองกับมือ
แต่ทำไมจึงไม่พบการแจ้งถือครองที่ดินแปลงนี้ในบัญชีทรัพย์สินที่นายชูวิทย์ยื่นต่อ ป.ป.ช. ทั้งตอนเข้าเป็น สส. และตอนพ้นจากตำแหน่ง สส.?
4. น่าคิดว่า เมื่อครั้งที่ศาลฎีกาพิพากษาคดีรื้อบาร์เบียร์
นายชูวิทย์เคยอ้างเอาการใช้ที่ดินแปลงที่รื้อบาร์เบียร์ออกไปนั้นมาทำสวนเพื่อสาธารณะ จนกระทั่งศาลเมตตา ลดโทษให้นายชูวิทย์
โดยศาลเห็นว่า หลังเกิดเหตุ นายชูวิทย์ได้ร่วมกับพวกจำเลยอื่นชดใช้ค่าเสียหาย และภายหลังได้นำที่ดินพิพาทไปทำประโยชน์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ โดยไม่ได้นำที่ดินไปทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรอีก บ่งบอกว่าจำเลยรู้สำนึกผิด นับว่ามีเหตุให้ปรานี เห็นสมควรกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม จึงพิพากษาแก้ว่า ให้จำคุก 2 ปี (แก้จากที่ศาลอุทธรณ์ให้จำคุก 5 ปี)
มาบัดนี้ เมื่อนายชูวิทย์ไม่จำเป็นต้องอาศัย “สวนชูวิทย์” เพื่อประโยชน์ในทางคดีอีกแล้ว ปรากฏว่า “สวนชูวิทย์” ก็จะไม่เหลือให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ แต่จะนำที่ดินไปทำธุรกิจแสวงหาผลกำไรแล้ว?
ต้นไม้ที่ปลูกไว้ กำลังโต ร่มรื่นพอดี
ไม่เสียชื่ออดีตเจ้าพ่ออ่างจริงๆ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี