พูดกันมากขึ้น
ฟังกันมากขึ้น
เข้าใจกันมากขึ้น
สามประโยคข้างตนกำลังเกิดขึ้นแพร่หลายไปทั่วบ้านทั่วเมืองของเราในขณะนี้ เกี่ยวกับเรื่องความไม่เอาไหนในการแก้ปัญหาของคนมีอำนาจที่ได้มาจากการรัฐประหารครั้งนี้
ซึ่งส่วนใหญ่ถูกจัดการไปในลักษณะของการรุกคืนด้วยอำนาจ ควบคุมจัดการให้อยู่ในกำมือต่อไปเรื่อยๆ
พูดกันมากขึ้น ฟังกันมากขึ้น และเข้าใจกันมากขึ้นว่า ในแต่ละวันของชีวิตยังทำมาหากินด้วยความยากลำบาก หนี้สินในครอบครัวมีแต่เพิ่ม เรียนจบแต่ไม่มีงานทำ แต่คนมีอำนาจไม่มีปัญหาอะไรเพราะจับจ่ายใช้สอยจากงบประมาณที่มาจากภาษีชาวบ้าน สร้างความนิยมให้ตนเองด้วยโครงการต่างๆในลักษณะประชานิยม ไม่มีวินัยทางการเงินการคลังเพราะมีอำนาจพิเศษอยู่ในมือ
พูดกันมากขึ้น ฟังกันมากขึ้น และเข้าใจกันมากขึ้นว่า บ้านเมืองยากที่จะได้รับการปฏิรูปให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปการเมือง การศึกษา ปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูปเศรษฐกิจ และอื่นๆที่สมควรได้รับการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เพราะผู้ที่จะปฏิรูปนั้นยังไม่ปฏิรูปตัวเองให้ดีขึ้นด้วยคุณสมบัติสำคัญๆของการนำคน
ที่สำคัญในขณะนี้ก็คือ พูดกันมากขึ้น ฟังกันมากขึ้น และเข้าใจกันมากขึ้น เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของผลประโยชน์ต่างๆที่ผู้มีอำนาจบางคนได้รับมาเป็นของตน โดยเฉพาะเรื่องแหวนเพชรและนาฬิกา ซึ่งกำลังเป็นข่าวร้อนข่าวดังในบ้านเมืองขณะนี้
แม้กระทั่งความทะยานอยากที่อยากจะโลดแล่นต่อไปในอำนาจ ด้วยการใช้อำนาจสั่งการให้ “รีเซตพรรคการเมือง” ที่มีอยู่ให้สมาชิกพรรคที่มีอยู่มาแสดงตัวให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นข้างหน้านั้น ก็เสมือนสลายพรรคการเมืองต่างๆที่มีอยู่เดิมเพื่อเริ่มต้นกันใหม่นั่นเอง นำมาซึ่งทำให้มีการพูดกันมากขึ้น ฟังกันมากขึ้น และเข้าใจกันมากขึ้นว่า แท้จริงแล้วก็คือ เป็นการสนับสนุนทางอ้อมให้ “พรรคการเมืองของตน” ที่กำลังจัดตั้งขึ้นได้ประโยชน์จากการนี้ในการรอรับนั่นเอง
พรรคการเมืองเดิมที่มีอยู่ทุกพรรคต้องวุ่นวายไปหมด
ประเทศไทยขณะนี้จึงยังคงติดอยู่ในวังวนแห่งอำนาจ ที่ทำให้การบริหารจัดการต่างๆ ผิดเพี้ยน และนำไปสู่ประสิทธิภาพที่ยังไม่ได้เรื่องอะไรในทุกมิติ
ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง ยิ่งแก้ยิ่งเกิดปัญหาเพิ่มขึ้น เงื่อนปมซับซ้อนขึ้น
สถานการณ์อย่างนี้แหละ ที่มีการใช้อำนาจทางการเมืองและการปกครองที่ไม่ถูกต้อง จะเป็นสถานการณ์ที่นำมาซึ่งการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ ระหว่างประชาชนกับฝ่ายปกครองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะประชาชนในบ้านเมืองเห็นว่า ผู้มีอำนาจในการบริหารปกครองมักทำอะไรเพื่อประโยชน์ตนและพรรคพวก มากกว่าประโยชน์จริงๆของส่วนรวม โดยเฉพาะสามปีกว่าที่ผ่านมานี้ การบริหารจัดการเรื่องใหญ่ๆที่ควรจะทำและรีบแก้ไขให้เสร็จสิ้นโดยเร็วนั้น ดูจะล้มเหลว
ปัจจัยที่จะทำให้ผู้คนรวมตัวกันก็คือ ความเกลียดชังความผิดหวัง ความหวาดระแวง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ได้ก่อตัวและสะสมมากขึ้นเรื่อยๆในขณะนี้
เป็นการรวมตัวกันในลักษณะของ “แนวร่วม” โดยผู้คนที่ไม่ชอบการใช้อำนาจที่ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจริงๆ หันหน้ามาต่อสู้ร่วมกันกับผู้มีอำนาจอยู่ในขณะนี้ นำมาซึ่งความวุ่นวายอีกครั้งหนึ่งในบ้านเมือง
รัฐประหารจะถูกรีเซตจากประชาชน
จะเกิดมวลชนประชาธิปไตยที่ยืนตรงข้ามรัฐประหาร
บ้านเมืองของเราเคยผ่านเหตุการณ์อย่างนี้มาแล้วหลายครั้งหลายหน ระหว่างมวลชนกับผู้มีอำนาจในการบริหารปกครอง โดยเฉพาะในการปกครองแบบประชาธิปไตย ที่ประชาชนทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของ
และการต่อสู้ทุกครั้งที่ผ่านมานั้น ผู้ชนะคือประชาชนเพราะ “ประชาชนคือน้ำ เมื่อน้ำลอยเรือได้ น้ำก็คว่ำเรือได้”อย่างที่ได้ยินได้ฟังกันมาตลอดนั่นเอง
พูดมาในวันนี้ก็เพื่อให้เป็น “มรณสติ” สำหรับคนที่มีอำนาจแล้วใช้อำนาจอย่างไม่ลืมหูลืมตาโดยไม่ฟังเสียงใคร
“มรณสติ” คือ “สติที่ระลึกถึงความตาย”
สติเป็นธรรมชาติที่ระลึกได้ เป็นเครื่องยับยั้งชั่งใจ ไม่ให้ทำอะไรบุ่มบ่าม ขาดความระมัดระวัง ทำให้มีความรอบคอบ ป้องกันจิตใจในเรื่องที่ไม่ทำอะไรตามใจชอบเพราะกิเลส จนลืมถึงความควรและไม่ควรที่จะเกิดขึ้น
เพราะเหตุที่มีสติระลึกได้เสมอนี่เอง ทำให้ผู้นั้นไม่มีความมัวเมาในอำนาจ หรือเพลิดเพลินกับอารมณ์ตามคำสอพลอ จนลืมสถานะของตนในการทำงานในหน้าที่ หรือกำหนดไม่ได้ถึงความควรไม่ควรในการกระทำ หรือพูดจาอะไรออกมาตามอารมณ์ แสดงท่าทางไม่น่าดูไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ที่มีอยู่
อำนาจรัฐที่ได้มาครั้งนี้เป็นอำนาจรัฐที่มาจากปากกระบอกปืน เป็นอำนาจที่ไม่ได้มาตามครรลองการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตย คนมีสติจะเป็นคนที่ระลึกถึงได้ตลอดเวลา ว่าที่ต้องลากปืนเข้ามานั้นเพื่อกำจัดกวาดล้างคนถือตัว มัวเมาอำนาจ ทุจริตคดโกงประชาชนในประเทศอย่างเมามันให้หลุดพ้นไป เพื่อสร้างบ้านสร้างเมืองกันใหม่ให้ดีขึ้น
และต้องระลึกอยู่ตลอดเวลาอย่างผู้มีสติว่า ระยะเวลาทำงานของตนจะสิ้นสุดลงตามที่พูดเมื่อไร เพื่อจัดสรรและวางแผนการทำงานให้เหมาะสมกับเวลาที่จะต้องสิ้นสุดลง ไม่ใช่คอยหาวิธีการอย่างโน้นอย่างนี้มาสร้างเป็นเงื่อนไขเพื่อยืดเวลาหรือต่อเวลาออกไปเรื่อยๆ
ถ้าคิดนอกรอบอยู่เรื่อยก็ต้องพบกับรีเซตรัฐประหาร
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี