มีตัวเลขจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) บอกว่าในเฉพาะเดือนกันยายน ปีที่แล้วแค่เดือนเดียว สคร. นำส่งเงินรายได้แผ่นดินจำนวน 16,814 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายการจัดเก็บรายได้แผ่นดินจำนวน 8,965 ล้านบาท ถึงตอนนี้คงทะลุเป้าไปแล้ว ซึ่งเป็นการนำส่งรายได้แผ่นดินสูงสุดในรอบ 15 ปี และมีส่วนรักษาเสถียรภาพการคลังของประเทศ อย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับปีงบประมาณ 2561 สคร. เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำส่งรายได้แผ่นดิน จำนวน 137,000 ล้านบาท ทางนายชาญวิทย์ นาคบุรี โฆษก สคร. เคยชี้แจงว่า สาเหตุหลักที่รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้แผ่นดินสูงกว่าเป้าหมาย เนื่องจากประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่เพิ่มขึ้นซึ่งมีส่วนทำให้ผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจดีขึ้น
โดยรัฐวิสาหกิจที่มียอดเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมประจำปีงบประมาณ 2560 สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 30,948 ล้านบาท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 26,278 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 21,660 ล้านบาทธนาคารออมสิน 13,118 ล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) 11,384 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจ หรือ PublicEnterprise ตามความหมายกว้างๆ หมายถึง องค์การซึ่งรัฐบาลกลางควบคุมและเป็นเจ้าของ เพื่อที่จะปรับปรุงภาวะเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคงและยกฐานะของประชาชนในประเทศให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น วัตถุประสงค์ขั้นแรกเพื่อที่จะผลิตสินค้าและหรือให้บริการแก่ชุมชน หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของชุมชนนั้น โดยมีการจ่ายให้เป็นการตอบแทน กิจการของรัฐวิสาหกิจได้ครอบคลุมถึงกิจการทางด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรมและการค้า การที่รัฐบาลต่างๆ ให้ความสนใจในกิจการรัฐวิสาหกิจก็เพราะว่า โดยแท้จริงแล้วการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจนอกเหนือไปจากการปรับปรุงสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศและการอยู่ดีกินดีของประชาชนแล้ว ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชุมชนด้วย การใช้คนและวัสดุให้เกิดประโยชน์ อันถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายประเทศทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
เป็นการเสริมสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ
ที่ผมเขียนเรื่องนี้ ก็เป็นห่วงว่าในการประชุม ครม.ปลายปีที่แล้วรัฐบาลให้ทำการศึกษาเพื่อลดบทบาทของรัฐวิสาหกิจ เน้นเป้าไปที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ปตท.ไปสู่การแข่งขันอย่างเสรีศึกษาไว้บ้างก็ดี แต่ผมฟันธงว่าคงยาก เพราะบริบทประเทศในขณะนี้ยังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่ระบบการแข่งขันเสรี
มีคำถามว่าหากรัฐวิสาหกิจไม่ดีทำไมในช่วงเวลา 50 ปี คนไทยยังใช้ไฟฟ้าราคาถูกและอยู่ในระดับอาเซียน ทั้งยังส่งรายได้คืนให้รัฐไปพัฒนาประเทศมหาศาล ขณะที่ถ้าผ่องถ่ายไปให้เอกชน จะทำได้แค่เก็บภาษี ก็ไม่รู้ว่าจะได้มากน้อยแค่ไหน จะเริ่มต้นอย่างไร และถ้าการเมืองเข้าแทรกทุกอย่างก็จะพังเหมือนวงการสื่อสารในอดีต
ประชาชนบักโกรก รัฐเสียประโยชน์ ข้อมูลเหล่านี้ทีดีอาร์ไอได้ศึกษาไว้หมดแล้ว
ผมจะย่อๆ จดหมายเปิดผนึกของนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง ที่มีไปถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้อ่านกัน
คืออดีตรมว.ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล แสดงความเป็นห่วง เกรงว่า การลดบทบาทรัฐวิสาหกิจ เช่น กฟผ. ปตท. หากไม่ระวังจะเป็นการเปิดช่องให้เอื้อประโยชน์กับเอกชนบางราย เนื่องจากรัฐวิสาหกิจของไทยได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ทำหน้าที่ดูแลสาธารณูปโภคของประชาชนทั้งประเทศ จึงกว้างขวางครอบคลุมทั่วประเทศ หากถ่ายโอนมาดำเนินการโดยเอกชน ย่อมจะทำให้เอกชนรายนั้นได้ประโยชน์มหาศาล
ยกตัวอย่างเช่น การเปิดให้เอกชนตั้งโรงไฟฟ้าโดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้ามาแต่ไหนแต่ไร เดิมผู้ใช้เชื้อเพลิงนี้หลักคือ กฟผ. พอเอาไปให้เอกชน แล้วพบปัญหา มีแรงจูงใจที่บิดเบือนให้เอกชนมาสร้างโรงไฟฟ้าเกิดการสร้างโรงไฟฟ้าโดยใช้ก๊าซมากมาย มีกำลังผลิตสำรองสูง รัฐบาลต้องเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย เป็นอาการที่แสดงให้เห็นว่ามีบางอย่างผิดพลาด
ซึ่งถ้าดูคำนิยามของคำว่ารัฐวิสาหกิจนี้ก็คงชัดเจนในหน้าที่และภารกิจ
เปลี่ยนมือผ่องถ่ายรัฐวิสาหกิจไปทำอย่างอื่น ปัญหาจะตามมานะครับ
อย่าได้มองข้ามความมั่นคงของชาติเป็นอันขาด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี