จากการนำเสนอ “เจาะลึก : ค้าประเวณีอาเซียน” เมื่อวานนี้ ปรากฏว่ามีสถานีวิทยุบางรายการนำไปอ่านออกอากาศ และผู้สนใจกันมาก
ขอย้ำว่า ข้อมูลทั้งหมด เรียบเรียงมาจากงานวิจัยเรื่อง “การค้าประเวณีหญิงจากประเทศในแถบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ในประเทศไทย” โดยสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี 2558
ยังมีอีกข้อมูลเชิงลึกอีกหลายมิติที่น่าสนใจ ยังพบด้วยว่า การค้าประเวณีของหญิงสาวต่างด้าวในประเทศไทยมีการทำในลักษณะใดบ้าง และต้องจ่ายส่วย-จ่ายค่าคุ้มครองดูแลแอบแฝงในลักษณะใดบ้าง? ยังมีอีกกี่แห่ง?
วันนี้ ขออนุญาตสรุปให้ฟัง ดังนี้
1. ลักษณะการค้าประเวณีของหญิงจากประเทศในแถบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในเขตกรุงเทพฯ และเขตพื้นที่ติดต่อ จำแนกได้ 5 กลุ่ม ได้แก่ สถานบริการประเภทอาบอบนวด สถานบริการประเภทผับบาร์โดยมีการค้าประเวณีแอบแฝง สถานบริการประเภทร้านอาหารและร้านคาราโอเกะที่มีการค้าประเวณีแอบแฝง สถานบริการประเภทอื่นๆ ที่มีการค้าประเวณีแอบแฝง และรูปแบบบริการสาวไซด์ไลน์
2. อาบอบนวด เป็นสถานบริการค้าประเวณีที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเข้าถึงได้ง่ายที่สุดในพื้นที่ กทม.และเมืองใหญ่อื่นๆ ทั่วประเทศไทย
ในเขตพื้นที่ของกรุงเทพฯ มีการแข่งขันสูงที่สุด มีสถานประกอบการที่มีการลงทุนสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับสถานบริการประเภทนี้ในจังหวัดอื่น โดยเฉพาะบนถนนสายหลักย่านรัชดาภิเษก พระราม 9 และถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มีสถานบริการประเภทอาบอบนวดเปิดให้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก
สถานบริการแต่ละแห่ง มีการจัดให้มีการบริการการค้าประเวณีอย่างเปิดเผย
กล่าวได้ว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บังคับใช้กฎหมายจะไม่ทราบว่ามีการค้าประเวณีในสถานบริการลักษณะนี้ และแม้ว่าจะมีกฎหมายห้ามมิให้มีการค้าประเวณี ไม่ว่าในลักษณะใด สถานบริการเหล่านี้ก็ยังคงอยู่อย่างเปิดเผย เป็นที่ทราบกันทั้งผู้ซื้อบริการชาวไทยและชาวต่างชาติ
สถานบริการประเภทอาบอบนวดได้รับอนุญาตให้จัดให้มีการประกอบการในลักษณะดังกล่าวตาม พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 มาตรา 3 (3) แก้ไขโดย พระราชบัญญัติสถานบริการ ฉบับ 2 พ.ศ. 2525 โดยจัดให้เป็นสถานอาบน้ำ นวด หรืออบตัว ซึ่งมีผู้ให้บริการแก่ลูกค้า แต่ห้ามมิให้มีการจัดให้มีการค้าประเวณี หรือ ประกอบการในลักษณะของกิจการการค้าประเวณี ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี และปรับสูงสุดสามแสนบาท สำหรับผู้ที่ถูกจับกุมและพิสูจน์ว่า เป็นผู้ประกอบการในลักษณะของกิจการการค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม สถานบริการประเภทอาบอบนวดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและเขตพื้นที่ติดต่อทุกที่ จะมีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ห้ามมิให้มีการค้าประเวณี ทั้งในสถานที่รับรองผู้ใช้บริการ และในห้องส่วนตัวที่ใช้ในการให้บริการ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างต่อผู้บังคับใช้กฎหมายว่าไม่มีการจัดให้มีการค้าบริการแต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตาม ลูกค้าทุกคนทราบดี ว่าสถานบริการลักษณะนี้สามารถซื้อประเวณีได้ รวมถึงคำแนะนำของพนักงานต้อนรับที่ถูก เรียกกันว่า “เด็กเชียร์แขก” จะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการทราบถึงลักษณะการให้บริการทางเพศของพนักงานผู้ให้บริการอย่างเปิดเผย
รวมถึงราคาการใช้บริการนั้น ไม่มีความสมเหตุสมผลกับการใช้บริการประเภทการอาบน้ำ นวด หรืออบตัว เพียงอย่างเดียว ซึ่งค่าใช้บริการแต่ละครั้งนั้นมีค่าใช้บริการตั้งแต่ 1,500 บาท ถึง 10,000 บาท ต่อการใช้บริการเพียง 2 ชั่วโมง ราคาจะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละสถานที่ โดยขึ้นอยู่กับรูปร่าง หน้าตาของเด็กผู้ให้บริการ รวมถึงที่ตั้ง และสิ่งอำนวยความสะดวกของสถานที่ให้บริการ เป็นต้น
3. จากการสัมภาษณ์ชายผู้ทำงานเป็นคนเชียร์แขกในอาบอบนวด พบว่า การให้บริการในลักษณะดังกล่าว มีการค้าประเวณีแอบแฝงอยู่จริง รวมถึงมีกลุ่มผู้ค้าประเวณีที่เป็นหญิงจากประเทศในแถบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอยู่จริงเช่นกัน แต่มีสถานบริการจำนวนน้อยมากที่มีการให้บริการหญิงโดยหญิงจากประเทศในแถบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องจากเจ้าของสถานบริการจะต้องจ่ายเงินคอร์รัปชั่นให้กับตำรวจในจำนวนที่สูงขึ้นกว่าเท่าตัว
ค่าใช้จ่ายที่เจ้าของสถานบริการจะต้องจ่ายให้ต่อหน่วย มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 10,000 บาท ต่อ 1 หน่วยงาน
ซึ่งโดยปกติแล้ว หากสถานบริการประเภทอาบอบนวดแห่งนั้นไม่มีการค้าประเวณีของหญิงต่างชาติรวมอยู่ด้วย จะมีค่าใช้จ่ายให้กับผู้บังคับใช้กฎหมายราว 2 แสนบาทต่อเดือน (ค่าใช้จ่ายแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับพื้นที่และช่วงเวลาความเข้มงวดของการบังคับใช้กฎหมาย)
หากมีการให้บริการของหญิงต่างชาติรวมอยู่ด้วย จะต้องเพิ่มรายจ่ายมากถึงเดือนละ 4 แสนบาท รวมถึงสถานบริการเหล่านั้นตัวเจ้าของสถานบริการเองจะต้อง “เส้นใหญ่” ด้วย เช่น มีหุ้นส่วนหรือมีผู้ใกล้ชิดเป็นผู้มีอำนาจในประเทศไทย ทหาร ตำรวจ หรือนักการเมือง เป็นต้น
4. งานวิจัยระบุว่า สถานบริการประเภทอาบอบนวดที่ยังคงมีการให้บริการโดยหญิงจากประเทศในแถบอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอยู่ในยุคนี้ แม้จะอยู่ระหว่างการปฏิบัติตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการติดตามและตรวจสอบการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์
กรุงเทพมหานคร คงเหลือให้บริการอยู่ทั้งสิ้น 4 แห่ง
โดยตั้งอยู่ในย่านพระรามเก้า 2 แห่ง และตั้งอยู่ในย่านรัชดาภิเษกจำนวน 2 แห่งเช่นกัน
ข้อมูลเชิงลึกจากงานวิจัยนี้ เท่ากับยืนยันว่า ยังมีอาบอบนวดที่อาจมีลักษณะปัญหาเดียวกับวิคตอเรีย ซีเครท นี้อีกอย่างน้อย 3 แห่ง
5. กลุ่มประเทศของหญิงบริการต่างด้าวในอาบอบนวดที่พบมากที่สุด คือ หญิงจากกลุ่มประเทศเมียนมา
ตามมาด้วย ลาว เวียดนาม และจีน
ที่พบน้อยที่สุด คือ หญิงจากกลุ่มประเทศกัมพูชา
6. นอกจากนี้ งานวิจัยยังเปิดเผยด้วยว่า ปัจจุบัน มีการให้บริการอีกประเภท เรียกว่า “เด็กดริ้งค์”
โดยจะมีการให้บริการปรนนิบัติลูกค้า ไม่แตกต่างจากการบริการของโรงน้ำชาในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการชงสุรา เติมเครื่องดื่ม หรือนั่งเป็นเพื่อนคุย
การให้บริการลักษณะนี้ ผู้ใช้บริการจะถูกเนื้อต้องตัวเด็กดริ้งค์ได้ตามสมควร โดยจะต้องจ่ายค่าบริการคิดเป็นชั่วโมง หรือที่เรียกว่าคิดเป็น “ดริ้งค์” หรือ “ดื่ม” ซึ่งมีราคาแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่
ตั้งแต่ดื่มละ 150 บาท จนถึงดื่มละ 600 บาท
และเด็กดริ้งค์สามารถเรียกดื่มได้ไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการ
การให้บริการลักษณะนี้ได้รับความนิยมมากในกลุ่มหญิงวัยรุ่นไทย ที่มีความต้องการทางรายได้ ทั้งเพื่อความเพียงพอกับการดำรงชีวิต และทั้งเพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องของสังคมวัตถุนิยม เนื่องจากมีค่าตอบแทนสูง และไม่จำเป็นต้องค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม การให้บริการในลักษณะนี้ยังคงมีการค้าประเวณีแอบแฝงอยู่ด้วยเช่นกัน
โดยส่วนมากจะมีค่าบริการที่สูงมาก ตั้งแต่ 3,000 บาท ถึง 10,000 บาทเนื่องจากหญิงให้บริการในลักษณะดังกล่าวนี้ จะมีรูปร่างหน้าตาดี สถานะทางสังคมสูงกว่าหญิงที่ให้บริการในสถานบริการอาบอบนวด
อย่างไรก็ตาม หญิงจากประเทศในแถบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่เข้ามาให้บริการในลักษณะนี้ สามารถพบเจอได้ยากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับการให้บริการในลักษณะอื่นๆ โดยพบเฉพาะหญิงจากประเทศจีนเท่านั้น และสถานบริการที่พบ ก็เป็นสถานบริการประเภทผับบาร์ ตั้งอยู่ในย่านพระรามสาม เป็นสถานบริการเฉพาะที่รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวหรือประกอบอาชีพในประเทศไทย
7. ที่น่าสนใจ คือ งานวิจัยนี้ ออกมาตั้งแต่ปี 2558 แต่ข้อมูลยังทันสมัยมาก
แถมยังบ่งชี้ว่า ยังมีอาบอบนวดที่นำเข้าหญิงบริการจากประเทศเพื่อนบ้านมาค้าประเวณีอีกอย่างน้อย 3 แห่ง (นอกเหนือจากวิคตอเรียฯ ที่เพิ่งเป็นข่าว) และยังระบุว่า มีการจ่ายส่วยแก่ตำรวจพิเศษเดือนละ 4 แสนบาท แถมเจ้าของยังมี “เส้นใหญ่” อีกด้วย
รัชดา 2 แห่ง
พระรามเก้า 2 แห่ง (หนึ่งในนั้น น่าจะเป็นวิคตอเรียฯ)
ตำรวจนครบาล - กองปราบ - ปคม. และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คสช. จะทำอย่างไรเมื่อข้อมูลนี้ปรากฏตำตาสู่สาธารณชนเช่นนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี