เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้นำหน่วยงานของรัฐบาลทางการเกษตรหน่วยหนึ่งได้เปิดการแถลงข่าวใหญ่โตมโหฬารว่ากำลังมีการปลดล็อกกัญชาเพื่อใช้เป็นยารักษาโรคโดยเฉพาะโรคมะเร็งได้ และกำลังคัดเลือกบางจังหวัดของประเทศไทยให้เป็นพื้นที่ทดลองปลูก โดยอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างแน่นหนาของทางราชการ
ข่าวฮือฮาอยู่เพียงวันเดียวก็มีการแถลงข่าวจากรัฐบาลว่าไม่เคยคิดที่จะปลดล็อกกัญชาตามที่เป็นข่าวนั้น แต่ทว่าการแถลงข่าวครั้งหลังนี้มีฐานะที่เป็นรัฐบาลโดยตรง ดังนั้นเมื่อข่าวคราวขัดแย้งกันระหว่างหน่วยงานที่เป็นรัฐบาลโดยตรงกับหน่วยงานอื่นของรัฐบาลก็ต้องถือตามที่รัฐบาลได้แถลงข่าวนั้นเป็นสำคัญ
เพียงแค่ไม่ถึงวันที่ผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งหลายแสนคนทั่วประเทศพร้อมครอบครัวญาติพี่น้องนับล้านคน พากันไชโยโห่ฮิ้วและแจ้งข่าวคราวกันสนั่นหวั่นไหวทั่วโลกโซเชียลมีเดียด้วยความหวังว่าจะมีทางรอดตายด้วยโรคมะเร็ง หรือจะพ้นจากความทุกข์เข็ญจากการที่คนในครอบครัวหรือเพื่อนพ้องน้องพี่เป็นโรคมะเร็ง การณ์ก็กลายเป็นว่าฝันสลายในเพียงชั่วคืนเดียว
ความเสียอกเสียใจจึงแผ่กระจายหนักขึ้นไปอีก บ้างถึงขั้นภาวนาว่าขอให้คนใจดำใจร้ายทั้งหลายที่ไม่คิดถึงหัวอกของประชาชนผู้ทุกข์เข็ญได้เป็นโรคมะเร็ง หรือให้คนอันเป็นที่รักในครอบครัวเป็นมะเร็งเพื่อจะได้ตระหนักถึงความรู้สึกนึกคิดจิตใจของผู้ทรมานทั้งหลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ใครพบใครเห็นก็ย่อมสะเทือนใจ
ก็เป็นอันว่าใครก็ตามที่ต้องการพ้นทุกข์เข็ญจากโรคมะเร็ง หรือต้องการให้มีการปลดล็อกกัญชาเพื่อเยียวยารักษาโรคมะเร็งจะได้ถือเป็นหลักในการตัดสินใจว่าจะเลือกสนับสนุนพรรคการเมืองใด หรือพรรคการเมืองที่สนับสนุนใครเป็นรัฐบาล และเรื่องนี้ก็จะเป็นประเด็นทางการเมืองที่สำคัญในการรณรงค์เลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย และวันนั้นคงจะได้เห็นพลังของเหล่าคนผู้ทุกข์เข็ญหลายล้านคนทั่วประเทศ ที่จะได้แสดงเจตจำนงของตนว่าต้องการรัฐบาลที่มาแก้ไขปัญหาทุกข์เข็ญนี้หรือไม่
การที่มีการรณรงค์ร้องขออย่างน่าเห็นอกเห็นใจของคนไทยนับล้านๆ คนทั่วประเทศ ก็เพราะเหตุที่มีมาสามประการคือ
ประการแรก ขณะนี้มีหลายประเทศในโลกได้ปลดล็อกกัญชาให้สามารถนำมาสกัดหรือแปรรูปเป็นยารักษาโรค โดยเฉพาะยารักษาโรคมะเร็ง โรคซึมเศร้า หรือแม้กระทั่งยาบรรเทาปวดที่สามารถใช้แทนการฉีดมอร์ฟีนซึ่งร้ายแรงกว่า แพงกว่า และมีผลข้างเคียงมากกว่า
ดังเช่นในประเทศออสเตรเลียมีการประกาศว่าจะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์จากกัญชาลำดับหนึ่งของโลก หลายประเทศในเอเชีย ยุโรป รวมทั้งสหรัฐอเมริกาก็ได้ปลดล็อกกัญชาให้นำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้
สำหรับสหรัฐนั้นล่าสุดมีการแถลงเป็นทางการว่า มีถึง 35 รัฐ แล้วที่ประกาศให้กัญชาพ้นจากยาเสพติด และสามารถนำมาผลิตเป็นเวชภัณฑ์เพื่อรักษาโรคภัยต่างๆ แม้กระทั่งทำเป็นอาหารได้ด้วย
คนทั้งหลายรู้ดีว่าผู้ผลิตยารายใหญ่ของโลกคือบริษัทของสหรัฐ และเป็นต้นเหตุในการดำเนินการจนกระทั่งประเทศไทยต้องกำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติด
ประการที่สอง มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานแพทย์ทางเลือกว่ากัญชานั้นเป็นส่วนผสมสำคัญของตำรับยาไทยที่มีคุณค่าสูงในอดีต เช่น ยาสว่างอารมณ์ ซึ่งเป็นยาเพื่อความสบายคลายเครียด จึงทำให้คนไทยในอดีตไม่เป็นโรคซึมเศร้า หรือโรคอัลไซเมอร์ หรือฆ่าตัวตายอย่างไร้เหตุผล หรือยาสุนทรนิทรา ซึ่งเป็นยานอนหลับที่ไม่มีผลข้างเคียงและสามารถใช้เป็นยาบรรเทาอาการปวดได้ด้วย รวมทั้งใช้สำหรับคนป่วยหนักใกล้ตายเพื่อให้ตายได้โดยไม่ต้องทุกข์ทรมานและตำรับยาอื่นอีกมากที่ถูกเพิกถอนทำลายไปเนื่องจากกัญชากลายเป็นยาเสพติด
ประการที่สาม มีการเปิดเผยผลการวิจัยและการผลิตเป็นยารักษาโรคมากมายหลายขนาน โดยเฉพาะยารักษาโรคมะเร็งที่มีตัวอย่างมากมายและมีคณะแพทย์แผนปัจจุบันหลายกลุ่ม กลุ่มละหลายสิบคนได้ร่วมกันวิจัยค้นคว้าผลิตยาได้สำเร็จ แต่ไม่สามารถนำขึ้นเป็นตำรับยาได้เพราะติดขัดด้วยกฎหมายที่ถือว่ากัญชาเป็นยาเสพติด
และในความเป็นจริงบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่มีน้ำใจเป็นมนุษย์และมีญาติหรือผู้คนในครอบครัวป่วยเป็นโรคมะเร็ง ครั้นได้เยียวยารักษาด้วยยาที่ผลิตจากกัญชาแล้ว ก็เห็นคุณประโยชน์หมดความสงสัย จึงเข้าร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้เพื่อนมนุษย์ได้พ้นจากความทุกข์ทรมาน จึงเป็นเหตุให้มีการใช้ยาที่มีส่วนผสมหรือสกัดจากกัญชาในการรักษาโรคมะเร็งอย่างกว้างขวาง
นี่คือความเป็นจริงของประเทศไทยและเป็นสิ่งที่ประเทศไทยทำได้ใช้เป็นมาตั้งแต่บรรพกาลแล้ว แต่เพราะถูกอิทธิพลที่ทำให้ไทยไม่เป็นไท ความฉิบหายวายวอดและสารพัดโรคภัยจึงเกิดขึ้นแก่ประชาชาติไทยดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้
อันการทั้งปวงนั้นยากนักที่จะมีผู้เห็นพ้องกันทั้งหมด ดังนั้นรัฐบาลของประชาชนจึงต้องสันทัดในการตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และป้องกันผลกระทบที่อาจมีผลร้ายแฝงฝังอยู่บ้างเป็นธรรมดาธรรมชาติ
ถ้าหากถือว่าเรื่องใดมีคนคัดค้านแล้วไม่ทำก็อาจต้องตอบคำถามว่า แล้วเหตุใดเสียงคัดค้านในการให้สัมปทานแหล่งพลังงานอันเป็นสมบัติชาติซึ่งมีคนจำนวนมากยอมเจ็บ ยอมตาย ยอมติดคุกติดตะรางเพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติจึงยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี