ในที่สุด บาปเคราะห์ทั้งหลายก็จะไปตกอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ว่าด้วยการ “เลื่อนวันเลือกตั้ง” ซึ่งแม้ว่า ขณะนี้ จะยังหยุดอยู่แค่ชั้นมติของกรรมาธิการ ซึ่งยังต้องไปผ่านการพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ สนช. อีกก็ตาม แต่ความระแวงแคลงใจ มองเป็น “ทฤษฎีสมคบคิด” เพื่อยืดวันเลือกตั้งออกไปก็ชัดมากขึ้น
ทำไมคนจึงคิดว่าสมคบคิดกันล่ะ
1) มันเริ่มจากการที่ คสช. ไม่ยอมให้พรรคการเมืองดำเนินการตามข้อบังคับของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ต้องยืนยันสมาชิกภาพ และรายงานต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง (คือ กกต. นั่นเอง)
2) เกิดการตีความว่า มูลเหตุอะไร จึงให้ดำเนินการตามกฎหมายไม่ได้ เช่นนั้นแล้วจะออกกฎหมายมาทำไม ออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมาแล้ว อำนาจของ คสช. ยังใหญ่กว่าอีกเหรอ ทั้งๆ ที่ คสช. กับแม่น้ำสายต่างๆ ของ คสช. เองนั่นแหละ ที่ผลักดันสถานการณ์ให้มาถึงจุดนี้ เริ่มตั้งแต่เขียนรัฐธรรมนูญ ทำประชามติ จนมีผลบังคับใช้ นั่นแปลว่า คสช. ต้องประเมินแล้วใช่ไหม ว่าบ้านเมืองเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งได้ เพราะทันทีที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้ ก็ต้องเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ว่าหากผ่านกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับแล้ว ก็ให้เตรียมจัดการเลือกตั้งขึ้น กฎหมายผ่านออกมาฉบับสองฉบับ ก็ทำท่าจะเฉไฉกันเสียแล้ว
3) ท่ามกลางความอึมครึม ว่าเมื่อไรพรรคการเมืองจะทำภารกิจตามที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญบังคับได้ ก็มีคำสั่ง คสช. ออกมา ให้เลื่อนวันยืนยันสมาชิกภาพออกไป แต่เนื้อหาของคำสั่งดันไปแก้ไขเพิ่มเติมตัวบทกฎหมายให้ผิดเพี้ยนไป จึงนำมาสู่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า คำสั่งของ คสช. ฉบับดังกล่าว ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ อันมีประเด็นสำคัญหลายอย่าง ตั้งแต่ ใช้ ม.44 ผิดหมวดหมู่หรือเปล่า ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญไหม เข้าข่ายออกกฎหมายเพิ่มภาระเกินความจำเป็นแก่ประชาชนไหม ได้สอบถามผู้เกี่ยวข้องก่อนออกหรือไม่ ดังที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และคณะ ไปยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบแล้ว
4) ขณะที่คำสั่ง คสช. ฉบับดังกล่าวยังไม่แน่ชัดว่าจะใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ กรรมาธิการ กลับเอาคำสั่งฉบับดังกล่าวไปอ้าง เพื่อเป็นเหตุให้ต้องยืดวันเลือกตั้งออกไป ด้วยเหตุผลว่าเห็นใจ กลัวพรรคการเมืองจะไม่มีเวลาพอในการดำเนินการเรื่องต่างๆ
5) อ้างเขา เคยทำหนังสือสอบถามเขาไหม ไม่เคยครับ จึงเรียกว่า “อ้าง” หรือ “โมเม” เอาเองครับ ไม่สง่างามเลย ทุเรศด้วยซ้ำไป
6) นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีมีการอ้างคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ทำให้ต้องแก้ไขกฎหมาย สส. เพื่อเลื่อนการบังคับใช้ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.ออกไปอีก 90 วัน ว่า ข้อดังกล่าวเป็นไปเพื่อการผ่อนคลายกติกา ไม่ใช่สร้างเงื่อนไขที่ผูกมัดต่อการจัดการเลือกตั้ง ที่ต้องขยายเวลาออกไป ดังนั้น ประเด็นนี้อาจเป็นการตีความที่คลาดเคลื่อนจากเนื้อหา เพราะตามข้อ 8 ของคำสั่งดังกล่าว ชี้ชัดว่า เมื่อร่าง พ.ร.ป.สส. ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา คณะรัฐมนตรีต้องแจ้งคสช.เพื่อแก้ไข เพิ่มเติม ยกเลิกคำสั่งคสช. หรือคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานของพรรคการเมืองทันที ไม่ใช่การเขียนแง่ของกฎหมายเพื่อทอดเวลาดังกล่าว หรือ ทอดเวลาการยกเลิกคำสั่งที่ห้ามทำกิจกรรมการเมืองออกไป
7) ขณะที่ นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน โฆษก กมธ. ได้แถลงอธิบายเหตุผลถึงการแก้ไขร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง สส. ว่า เป็นเพราะคำสั่งตามมาตรา 44 ของหัวหน้า คสช. เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2560 ที่มีการขยายระยะเวลาการดำเนินการของพรรคการเมืองออกไป คือ ประมาณ 6 เดือนสำหรับพรรคเก่า ทำให้เป็นห่วงว่า พรรคการเมืองน่าจะทำไม่ทัน จึงได้ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายออกไป 90 วัน
กรณีดังกล่าว ยังมี กมธ. เสียงข้างน้อยบางรายที่ขอสงวนความเห็นไว้ โดยเห็นว่า ควรจะขยายเวลาออกไปอีก 120 วัน เพราะเกรงว่า 90 วัน อาจไม่เพียงพอ และไม่อยากให้เกิดภาพว่า เดี๋ยวก็มาเสนอแก้กันใหม่ไม่จบสิ้น ดังนั้น คำตอบสุดท้ายจึงต้องรอดูผลจากที่ประชุมใหญ่ สนช. วันที่ 25 มกราคมนี้
8) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงข้อเสนอการขยายเวลาบังคับใช้พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.ออกไปอีก 90 วัน เป็นไปเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือง ให้พรรคการเมืองมีความพร้อมมากขึ้น มีเวลาในการเตรียมการมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการประชุมใหญ่ การทำไพรมารีโหวตซึ่งต้องมีเวลาเพียงพอ ว่า ตนเห็นว่าความจริงแล้วเป็นตรรกะที่แปลกมากว่า เพื่อประโยชน์พรรคการเมืองและเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม จึงต้องขยายเวลาอีก 90 วัน
หากเพื่อให้พรรคการเมืองมีเวลาเพียงพอในการดำเนินการกิจกรรมต่างๆ สิ่งที่ง่ายกว่าการขยายเวลาบังคับใช้ในพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.คือ การปลดล็อกพรรคการเมือง ให้เขาสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตั้งแต่วันนี้ไม่ใช่ว่าไปสัญญาลมๆ แล้งๆ ว่าจะปลดล็อกในเดือนเมษายนและกำหนดให้ทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเร่งรีบ
“ปลดล็อกเสียวันนี้ กว่าจะถึงเมษา ก็ได้เวลาคืนมาเกือบ 3 เดือน และหากตรงไปตรงมาให้พรรคสามารถทำกิจกรรมได้ตั้งแต่ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 8 ตุลาคมปีที่แล้ว ก็คงไม่ต้องวุ่นวายอะไรมากขนาดนี้”นายสมชัย กล่าว
8) ในเรื่อง “ปลดล็อก” นี้ นักข่าวถามนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน ว่า แทนที่จะแก้ไขวันบังคับใช้กฎหมายซึ่งกระทบโรดแมปการเลือกตั้ง ทำไมไม่เสนอให้ คสช.ยกเลิกคำสั่งล็อกพรรคการเมือง นายทวีศักดิ์ ตอบว่า กมธ.ทำหน้าที่ในส่วนของการพิจารณากฎหมาย ไม่ได้พิจารณาถึงสถานการณ์การเมืองอื่น และยืนยันว่าคุณกรรมาธิการทำหน้าที่ตรงไปตรงมา
9) ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คำชี้แจงของ กมธ.และผู้เกี่ยวข้อง อ้างว่า การขยายเวลาออกไป เพื่อช่วยให้พรรคการเมืองจัดทำไพรมารีได้ทัน เนื่องจากติดปัญหาคำสั่งที่ 53/2560 ที่ห้ามพรรคการเมืองจัดการประชุมใหญ่ และบางคนพูดว่า บางเรื่องไม่สามารถพูดได้หมด ฟังดูแล้วสับสน ยกสีข้างเข้าถู เหมือนไม่กล้าพูดความจริง
“การขยายเวลาบังคับใช้กฎหมาย มีนัยทางการเมืองชัดเจนว่า พรรคเก่าไม่ได้ประโยชน์ เพราะไม่ว่ากฎหมายเลือกตั้ง สส.จะประกาศใช้ทันทีหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือยืดเวลาออกไป 90 วัน ตามมติของ กมธ.พรรคการเมืองเดิม ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเกี่ยวกับเวลาดังกล่าวเลย ตราบใดที่กฎหมายเลือกตั้ง สส.ยังไม่มีผลใช้บังคับ ก็จะยังจะไม่มีการปลดล็อกทางการเมืองให้พรรคเก่าทำกิจกรรมได้ การขยายเวลาออกไป 90 วัน พรรคที่จะจัดตั้งใหม่จะได้เวลาเพิ่มเข้าไปอีก เป็นที่รู้อยู่ว่า จะมีพรรคใหม่ที่สนับสนุนให้หัวหน้า คสช.เป็นนายกฯ ดังนั้นพรรคใหม่สามารถรวบรวมคนเพื่อจัดตั้งพรรค จัดทำนโยบาย ข้อบังคับพรรค รวมถึงการหาสมาชิก เตรียมการจัดตั้งสาขาพรรค เมื่อคำนวณเวลาที่ขยายการบังคับใช้กฎหมายออกไปอีก 90 วัน พรรคที่จัดตั้งใหม่จึงมีเวลาดำเนินการถึงหนึ่งปี ขณะที่พรรคเดิมมีเวลาเพียง 90 วัน นับแต่มีการปลดล็อกทางการเมือง เช่นนี้ กมธ.ยังจะอ้างว่าไม่มีนัยทางการเมืองได้อย่างไร
10) ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทราบเรื่องการเตรียมแก้ไขกฎหมายมาล่วงหน้า 2 สัปดาห์แล้ว เพราะมีคนมากระซิบบอกว่า เขาอยากจะเลื่อนเลือกตั้งโดยวิธีดังกล่าว ตนจึงบอกคนที่มากระซิบข่าวนี้ว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญบังคับใช้ให้มีผลใน 150 วัน แต่พอมาเปิดรัฐธรรมนูญดูในภายหลังก็พบความจริงว่า มีการระบุว่า ให้นับจากวันบังคับใช้ ไม่ได้นับจากวันประกาศราชกิจจานุเบกษา
“คนที่มากระซิบบอกข่าวว่า เรื่องนี้คงจะจริง แต่ผมไม่กล้าจะพูดอะไรก่อน เพียงแต่เข้าใจว่า ฝ่ายที่อยากเลื่อนการเลือกตั้งออกไปคงจะหาช่องทาง แล้วเขาก็พบช่องทางนี้ แต่ก็ไม่ทราบว่า กมธ. ทราบมานานแค่ไหนแล้ว ว่ามีช่องทางนี้เพื่อเลื่อนเลือกตั้ง เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครพูดถึงช่องทางนี้ แต่พอมีคนมากระซิบข่าวบอกผม แล้วผมมาดูรัฐธรรมนูญก็พบว่า มีช่องทางนี้อยู่จริงๆ เมื่อพิจารณาแล้วจะพบว่า ขั้นตอนนี้ไม่น่าจะเป็นขั้นตอนตามปกติในการพิจารณากฎหมาย ซึ่งพอมีข่าวเรื่องนี้มา ก็มีคนออกมาปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็เป็นไปตามข่าวที่ออกมา จึงมีขั้นตอนที่ผิดปกติไม่เป็นธรรมชาติอยู่หลายอย่าง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า การยืดเวลาออกไปอย่างน้อย 90 วัน ใครได้ประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมองว่า เสียงร้องว่า มีปัญหามาจากผู้ที่จะตั้งพรรคการเมืองใหม่ ส่วนตัว คสช. และ สนช. ก็อยู่นานขึ้นซึ่งเป็นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งการอยู่นานขึ้นจะดีขึ้นหรือเลวลงนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารงาน อย่างไรก็ตาม มีการมองว่า ขณะนี้มีฝ่ายที่อาจจะทำให้การเมืองยังไม่สงบ คสช. จึงไม่ยอมปลดล็อก แต่คสช. ก็ไม่เคยพูดออกมาให้ชัดว่า เป็นคนกลุ่มไหนอย่างไร ซึ่งเท่าที่ตนมองนั้น ไม่เห็นว่า การยืดเวลาออกไปจะเกิดประโยชน์หรือแก้ปัญหานี้ได้เลย ตรงกลับกลายเป็นว่า จะเป็นการสร้างเงื่อนไขให้มีความขัดแย้งวุ่นวาย
11) ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีการแก้ไข พ.ร.ป.เลือกตั้ง สส. ซึ่งถูกมองวาเป็นใบสั่งของรัฐบาลและ คสช. ที่ต้องการเลื่อนตั้งออกไป แต่ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เดินเลี่ยงผู้สื่อข่าว และตอบคำถามเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่มีใบสั่ง”
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องใส่ใจกับเรื่องนี้ให้มาก ถึงไม่ใช่ใบสั่งของท่าน แต่ผลสุดท้าย ความไม่เชื่อมั่นเชื่อใจ หรือการกล่าวหา ก็ย่อมจะกล่าวมาที่ท่านแน่นอน หาก “บริวารเป็นพิษ” ก็ไปหยุดบริวารเสีย เพราะเรื่องนี้มันไม่มี “เหตุผลที่หนักแน่น” รองรับ
มันมีแต่ความเหลวไหล เลื่อนลอย อ้างอะไรก็ได้ส่งๆ เดชๆ เพียงเพื่อ “ขยับเวลา” ออกไป
อย่าให้คนเขาสงสัย ว่าท่านไม่ต่างจากรัฐบาลก่อนๆ ที่พอมีอำนาจ ก็เอาอำนาจไปสร้างความได้เปรียบเลยครับ
และที่ผมแปลกใจมากก็คือ กรรมาธิการบางคน ก็เคยรังเกียจพฤติกรรมแบบนั้นของรัฐบาลเก่าๆ มาแล้ว ถึงเวลาที่ตัวเองมามีอำนาจ หรือจะเรียกว่ารับใช้ผู้มีอำนาจก็ได้ ทำไมจึงทำเสียเอง!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี