สภานิติบัญญัติแห่งชาติลงมติให้ พ.ร.บ.เลือกตั้งสส.มีผลบังคับใช้ 90 วัน นับจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาทำให้เห็นภาพลางๆ ว่า การเลือกตั้งน่าจะมีในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นั้นเป็นการคาดคะเนจากหลายฝ่ายไม่ใช่ตารางเวลาหรือปฏิทินเลือกตั้งดังที่ฝ่ายการเมืองสรุปว่า เป็นวันนั้นวันนี้ เพราะแม้แต่นายกรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังพูดว่า “การเลือกตั้งจะเลื่อนอีกหรือไม่ ยังไม่มีข้อยุติ จะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ไม่รู้”
“จะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ไม่รู้” น่าจะเป็นคำพูดให้นักคาดเดาทั้งหลายได้คิดว่า ที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า“เลื่อนแล้วเลื่อนอีกนั้น” ล้วนมาจากการคาดคะเนของพวกท่านที่อ้างอิงรัฐธรรมนูญปี 2557 ซึ่งได้วางกรอบการร่างรัฐธรรมนูญปฏิรูป กำหนดระยะเวลาร่าง รัฐธรรมนูญ เวลาทำกฎหมายลูก กำหนดระยะเวลาปฏิรูปนั้นโน่นนี้ไว้ก่อนถึงวันเลือกตั้ง แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างโดยคณะ นายบวรศักดิ์อุวรรณโณ ถูกคว่ำในสภา เป็นสาเหตุหนึ่งของความล่าช้าเป็นลูกโซ่ เพราะต้องตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ขึ้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ถกเถียงกันอยู่วันนี้
และรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างโดยคณะ นายมีชัยฤชุพันธุ์ ก็มิใช่เป็นที่พึงพอใจของฝ่ายการเมือง นักการเมืองเกือบทุกพรรค ทุกกลุ่มขัดขวางรณรงค์ให้คว่ำเหมือนฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ แต่โชคดีที่ประชาชนชอบใจ จึงได้ลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถึง 61.35% ที่ไม่รับมีเพียง 38.65% และประเด็นเพิ่มเติมในบทเฉพาะกาล 5 ปีแรกให้คนนอกเป็นนายกฯได้และให้มี สว.จากการแต่งตั้ง 250 คน ประชาชนก็เห็นชอบ 58.07% ไม่เห็นชอบ 41.93% นี่แสดงว่านักเลือกตั้งทั้งหลายเป็นเสียงส่วนน้อย ที่ไม่ควรอ้างว่า ประชาชนต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว หรืออ้างว่าถ้าเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ทำให้อียู-อเมริกา นานาอารยประเทศไม่เชื่อถือ ไม่คบค้าลงทุนด้วยเพราะไม่ทำตามสัญญา
ในส่วนประชาชน เชื่อว่าหลายล้านคนตั้งความหวังให้มีการเลือกตั้งหลังปฏิรูป ดังที่มวลมหาประชาชนได้แสดงออกถึงความต้องการประเด็นนี้เมื่อครั้งเลือกตั้งโมฆะ 2 ก.พ. 2557 และประชาชนได้แสดงความต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งอีกครั้งด้วยการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2557 จึงกล่าวได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่รับได้ถ้าเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเพราะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันดังเช่นปีที่ผ่านมา และประชาชนเต็มใจให้เลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งออกไปหลังพิธีสำคัญที่จะมีขึ้น ทั้งนี้เพราะคนไทยไม่มีใครอยากเห็นบรรยากาศแห่งความวุ่นวายในระหว่างพิธีสำคัญ เราพูดกันเสมอว่าประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เราไม่เคยสำเหนียกว่า มีองค์ประกอบหลายอย่างมีหลายสถาบันเกี่ยวข้องกับกฎหมายเลือกตั้ง
และมีหลายครั้งที่นักเลือกตั้งอ้างอิทธิพลความต้องการของต่างชาติโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของประเทศเสรีที่มีบูรณภาพเหนือดินแดน ในหลายกรณีนักเลือกตั้งลากต่างชาติเข้ามาจุ้นจ้านเพื่อสมประโยชน์ตัวเองและพรรคพวก อาทิ กรณีที่ สนช.ยังไม่ทันพิจารณา พ.ร.บ เลือกตั้ง สหรัฐฯกับทูตอียูก็เรียกร้องให้เลือกตั้งภายในเดือน พ.ย. 2561 แทนที่นักเลือกตั้งจะตำหนิต่างชาติ กลับเห็นดีเห็นงามที่ฝรั่งตาน้ำข้าว ก้าวก่ายฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติของไทย ทำราวกับว่าเราเป็นขี้ข้าฝรั่ง
นักเลือกตั้งทั้งหลายไม่เคยสำเหนียกว่าโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่รู้ว่านี่เป็น ยุคตะวันออกรุ่งโรจน์ตะวันตกร่วงโรย นักเลือกตั้งไม่รู้ว่าอเมริกากับอียู เสื่อมทรามไม่เป็นที่เชื่อถือของชาวโลกโดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อียูกับอเมริกาเป็นหมาหัวเน่าเข้าใครไม่ได้ ในพม่าอียูกับอเมริกาเคยยกย่อง นางออง ซาน ซู จี เป็นนางฟ้านางสวรรค์ สมคบกันสนับสนุนผลักดันจนได้เป็นผู้นำพม่าแต่พอนางไม่สนองความต้องการให้ เมื่ออเมริกา-อียูวางแผนจะยกรัฐยะไข่ ให้โรฮีนจา นางออง ซาน ซู จี จัดการให้ไม่ได้ อียู-อเมริกาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ที่เคยยกย่องเธอเป็นวีรสตรีประชาธิปไตย พอไม่ได้ดังใจเรียกเธอว่า“ไร้คุณธรรมความเป็นผู้นำ”
ในประเทศฟิลิปปินส์ ประธานาธิบดี โรดิโก้ ดูเตอร์เตเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐอเมริกา เพราะชนะเลือกตั้ง กวาดลูกสมุนวอชิงตันตกเวทีการเมือง สหรัฐฯโกรธแค้นวางแผนโค่นมาแล้วหลายครั้งหลายครา นายดูเตอร์เต จึงเรียกทูตสหรัฐฯว่า “ลูกโสเภณี” ในประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซียสองผู้นำออกแถลงการณ์ร่วมประณามอียู ที่ออกกฎหมายกีดกันการค้า จำกัดการนำเข้าน้ำมันปาล์ม อียูอ้างว่าปลูกปาล์มน้ำมันเป็นต้นเหตุตัดไม้ทำลายป่า คาดหมายว่า กฎหมายกีดกันการค้าจะบังคับใช้ในเดือนเม.ย. เป็นเหตุให้ชาวสวนปาล์มอินโดนีเซีย-มาเลเซียเดินขบวนประท้วงกว้างขวาง อินโดนีเซียกับมาเลเซียเป็นแหล่งปลูกปาล์มน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันกว่า 90 ล้านไร่
ในประเทศกัมพูชา อียูกับสหรัฐฯแทรกแซงกิจการภายในจน นายฮุนเซ็น ทนไม่ไหวไล่สื่อและเอ็นจีโอที่เป็นสมุนอียู-สหรัฐฯออกจากประเทศ จับนักการเมืองที่สมคบกับอเมริกาเข้าคุก อียูกับอเมริกาคว่ำบาตร ถอนการช่วยทุกด้าน นายฮุนเซ็นบอกว่า อยากถอนๆ ไป ไม่เป็นไร เพราะมีจีนกับรัสเซีย ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเต็มที่ในทุกมิติ
มองหน้าเหลียวหลังในอาเซียน เหลือแต่ประเทศไทยที่อียู-อเมริกาพอพึ่งได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้นำวอชิงตันกับผู้นำสหภาพยุโรป จึงพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ทุกด้านกับรัฐบาลไทย แต่ในขณะที่ผู้นำกำลังทอดสะพาน สมุนทรราชตกค้างอย่าง นายจิลเลียน บอนนาร์โด โฆษกสถานทูตสหรัฐฯเผาสะพานด้วยคำพูดว่า “...สหรัฐฯยินดีที่นายกรัฐมนตรีของไทยได้แสดงพันธกรณีต่อสาธารณชนที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปไม่เกินเดือนพฤศจิกายน...เรายังรอให้กลับคืนสู่การบริหารงานโดยรัฐบาล ที่มาจากประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้งเสรีและยุติธรรมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้....”
นายจิลเลียน ไม่รู้สุภาษิตที่ว่าตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเอง จึงกล้าพูดว่า “จัดการเลือกตั้งเสรีและยุติธรรม”สหรัฐอเมริกาผ่านการเลือกตั้งมาปีกว่า ยังกล่าวหากันไม่สร่างซา ยังด่ากันไม่เลิกว่าฝ่ายนี้โกงฝ่ายโน้นก็โกงน่าละอายที่สุดคือกล่าวหากันว่า “รัสเซียเข้าแทรกแซง(ช่วยโกง) เลือกตั้งทำให้นายทรัมป์ได้รับชัยชนะ” รู้อย่างนี้แล้วนักเลือกตั้งไทยยังให้ราคานักการทูตสหรัฐฯอีกหรือ
ด้านทูตอียูประจำประเทศไทย ที่เคยเดินตามก้นนักการเมืองปล้นชาติ เดินตามก้นจำเลยละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ไปศาลหลายครั้งหลายครา ยังมีหน้าพูดว่า “...ยังมีข้อจำกัดมากมายต่อเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพสื่อ เสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบรวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ของพรรคการเมืองและภาคประชาสังคม ดังที่ผลสรุปการประชุมคณะรัฐมนตรีอียูเกี่ยวกับประเทศไทย....เราเรียกร้องให้เลิกข้อจำกัดเหล่านี้โดยเร็วที่สุด และเข้าใจว่า ยังคงเป็นไปได้ที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปภายในเดือนพ.ย. 2561 และส่งเสริมให้ผู้มีส่วนร่วมได้เสียทุกฝ่ายได้ให้ความเคารพต่อโรดแมป....สหภาพยุโรปพร้อมจะช่วยเหลือในความพยายามนี้....”
“อียู พร้อมจะช่วยเหลือในความพยายามนี้....”นายตาปิโอลากล้าพูดคำนี้ออกมา คอลัมน์นี้ติดตามความเคลื่อนไหวผู้แทนอียู-อเมริกาตลอดมาขอบอกนายตาปิโอลาว่า “สิ่งที่อียู ช่วยได้คือให้ไปไกลๆหยุดแทรกแซงกิจการภายใน เพราะหลายปีที่ผ่านมา อียูกับอเมริกามีส่วนสำคัญในความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทย อียูและอเมริกาสมคบกันสนับสนุนทุนสามานย์ปล้นชาติและช่วยเหลือสมุนทรราชที่คิดล้มเจ้า”
และนักเลือกตั้งทั้งหลายต้องเข้าใจด้วยว่าอียู-อเมริกาไม่เข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย แต่ที่เรียกร้องให้มีเลือกตั้งเร็วไวเพราะประเทศเขามีกฎหมายบางมาตราห้ามซื้อขายสินค้าบางประเภท ห้ามลงทุนบางประเภทกับประเทศที่รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ประเทศไทยมีรัฐบาลจากการยึดอำนาจ เมื่อ อียู-อเมริกาไม่ขายสินค้าบางประเภทให้ ก็ซื้อหาได้จากจีน รัสเซีย ฯลฯ นี่คือเหตุผลสำคัญที่ตะวันตกต้องการเลือกตั้งเร็วไว พวกเขาไม่ใส่ใจว่าชนะเลือกตั้งโดยวิธีสกปรกอย่างไรขอให้มีคำว่า “รัฐบาลประชาธิปไตย” เปิดทางค้าขายได้เป็นพอ
ดังนั้นการเลือกตั้งจะเหมาะสมวันไหน จะต้องหดหรือยืดออกไป ต้องยึดผลประโยชน์ประเทศไทยเป็นที่ตั้ง เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังหวังให้เลือกตั้งหลังปฏิรูป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี