การได้รับราชการอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สักครั้ง นับเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า ยากที่ใครจะลืมได้ลงทุกคนย่อมต้องกลัวความตาย แต่เมื่อมาปฏิบัติหน้าที่ตรงจุดนี้ ต้องทิ้งความกลัวทุกอย่าง แล้วหยิบความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ มาใช้ในการทำงานอย่างสุดกำลัง เพื่อความสงบสุขของชาติบ้านเมือง และแม้จะทำได้เพียงการป้องกันก็ตาม ดังนั้นทุกวินาทีมีค่ามาก สำหรับเจ้าหน้าที่และประชาชน
สำหรับ พล.ต.ต.พุทธิชาต เอกฉันท์ รอง ผบช.น.หรือ รองฯจิ๋ม นายพลหน้าคม วัย 60 ปี ชาว กทม. ที่เหลืออายุราชการสิ้นเดือนก.ย.นี้ ซึ่งตลอดชีวิตราชการภาคภูมิใจที่ก้าวย่างการเติบโต ล้วนมาจากการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ในพื้นที่ภาคใต้ ขณะประจำที่ บช.ปส.บช.ภ.9 และบช.ศชต. รวมระยะเวลาหลายสิบปี จนสำเนียงการพูดนึกว่าเป็นคนใต้ ในขณะปัจจุบันดูแลงานด้านต่างประเทศ และจเรตำรวจ
พล.ต.ต.พุทธิชาต จบ นรต.รุ่น 33 เริ่มรับราชการใน บช.น.ประมาณ 10 ปี สนง.ผู้บังคับบัญชา ตร. 10 ปีจากนั้นถูกดึงตัวมา บช.ปส. 18 ปี ดูแลรับผิดชอบภาคใต้จึงมีความเข้าใจปัญหายาเสพติด ทั้งในด้านการป้องกันและปราบปราม ต่อมาเป็น รอง ผบช.ภ.9 รับบทบาททำหน้าที่ ผบ.ศปก.ภ.9 ส่วนหน้า ดำเนินการเรื่องค้ามนุษย์ 1 ปี และอีก 1 ปี เป็น รอง ผบช.ศชต. ก่อนกลับนครบาลเมื่อปี 2560
“เป็นตำรวจไทยอยู่ในประเทศไทย ที่ไหนก็ทำงานได้หมด จนกว่าจะหมดหน้าที่ความรับผิดชอบก็ขอทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด ก่อนจะเกษียณอายุราชการ”
รองฯจิ๋ม กล่าวเชิงเปรียบเทียบว่า พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กับนครบาล ต่างกันโดยสิ้นเชิง ในหลายๆด้าน เช่น การปฏิบัติในภาคใต้ ต้องใช้ความเข้มข้นคำนึงถึง ยุทธวิธี ที่ถูกต้องเป็นหลัก ต้องมีความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ บวกกับประสบการณ์ ถ้าขาดส่วนนี้จะเกิดความสูญเสียได้ ฉะนั้นตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะได้รับการฝึกฝนและจะได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหลายๆ ส่วน
เมื่อมาเป็น รอง ผบช.น. ได้นำบางส่วนมาปรับใช้ในนครบาล แต่อาจไม่มีอะไรมากนัก เพราะตนรับผิดชอบงานต่างประเทศ อาทิ อาชญากรรมข้ามชาติ คนต่างด้าวลักลอบหนีเข้าเมือง และเป็นหัวหน้างานจเรตำรวจ ในส่วนของจเรจะเป็นงานเอกสาร การตรวจกวดขันวินัยตำรวจ โดยเฉพาะเรื่องเครื่องแต่งกาย และการปฏิบัติอย่างไรให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี ให้ประชาชนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา
“แต่ตนจะเน้นย้ำอยู่ตลอดว่า ต้องปฏิบัติตามโครงการ ผบช.น. ที่ให้แนวทางไว้ตั้งแต่ตนมารับตำแหน่ง และตนก็ได้ปฏิบัติตาม คือ POLICE MIND อันนี้เป็นเรื่องที่ดี”
เจ้าของรหัส น.2 กล่าวถึงเรื่องงานที่เน้นย้ำว่า ได้ดำเนินการเรื่องการจัดเก็บข้อมูล อาชญากร ที่มีพฤติกรรมเป็น อาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งกรุงเทพฯเป็นแหล่งที่ชาวต่างชาติ เข้ามาพักพิงเพื่อจะเตรียมการก่อเหตุ มีหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น การเรียกค่าไถ่ชาติเดียวกันเอง หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่กำลังระบาดหนักในช่วงนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญ และกำชับเร่งรัดมากที่สุด
หากเป็นคดีที่ภาคภูมิใจมากที่สุด คงย้อนไปสมัยเป็น รอง ผบช.ภ.9 ได้รับมอบหมายให้เป็น ผบ.ศปก.ภ.9ส่วนหน้า ดูแลเรื่องค้ามนุษย์ในพื้นที่ภูธรภาค 9 ก็ดำเนินการได้มากทีเดียว และผลตัดสินของศาลก็เป็นที่พอใจ ผู้ต้องหาทุกคนถูกลงโทษ รวมถึงงานด้านยาเสพติดตอนอยู่ บช.ปส.เป็นเรื่องที่เก็บไว้ในความทรงจำ หากนับจำนวนยาบ้าที่ยึดได้ทั้งหมด คงจะเป็นหลักหลายร้อยล้านเม็ด
ภารกิจที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตตำรวจ คือ ได้รับคัดเลือกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นนายตำรวจเกียรติยศ ประจำพระมหากษัตริย์ และพระราชินีแห่งประเทศมาเลเซีย เนื่องในโอกาสเสด็จฯทรงร่วมพระราชพิธีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ได้ถวายงานขณะประทับอยู่ในประเทศไทย ระหว่างวันที่8 มิถุนายน ถึงวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2549
“มีโอกาสได้เข้าไปกราบพระบาท อยู่เป็นประจำที่รัฐปะลิส ประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันพระบรมราชสมภพ วันเฉลิมพระชนมพรรษา ท่านก็ทรงเมตตา”
นายพลวัย 60 ปี ได้กล่าวมุมน่ารักหลังชีวิตเกษียณว่า จะพาภรรยาไปเที่ยวหลายๆ ประเทศแถบยุโรป ประมาณ 1 เดือน เป็นสัญญาตั้งแต่แต่งงานกันใหม่ๆ เกือบ 40 ปีแล้ว พอรับราชการเป็นตำรวจไม่ค่อยได้พาเขาไปไหนเลย และยังไม่คิดจะทำงานอื่นขอพักสมองหลังจากตรากตรำมา 40 ปี เราไม่ใช่เป็นคนร่ำรวยอะไร แต่เป็นบั้นปลายชีวิตของเรา 2 คน ที่จะต้องชดเชยให้เขา ก็ถือเป็นรางวัลชีวิต
สุดท้ายขอทิ้งแนวทางการปฏิบัติให้ตำรวจรุ่นหลัง คือ 1.สร้างความเลื่อมใสศรัทธา 2.อยู่ในกรอบระเบียบและกฎหมาย 3.รู้จักการเคารพผู้บังคับบัญชา 4.ดูแลอุปถัมภ์ค้ำชูครอบครัว และ 5.เรื่องสุขภาพร่างกาย...
ทีมข่าวอาชญากรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี