เห็นคนก่นด่า เอาไปเทียบกับคดี “ตายายเก็บเห็ด” เทียบกับนายพลล่าสัตว์ในอดีต ฯลฯ แล้ว ทำให้ผมมึนกับ “กระบวนการคิด” ของสังคมไทย ดังนั้น ขอ “ตั้งหลักให้ใหม่” ค่อยๆ คิดกรณี “เสี่ยล่าสัตว์กันตามลำดับดังนี้
1) ข่าวที่เผยแพร่ออกมา ระบุว่า 6 ก.พ.2561 เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ได้รับแจ้งว่าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 ก.พ. 2561 พบนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง ตั้งแคมป์พักในบริเวณจุดห้ามตั้ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ พบว่า นักท่องเที่ยวหนึ่งในกลุ่มนี้ คือ นายเปรมชัย กรรณสูต นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ บริษัทมหาชน เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจสอบบริเวณเต็นท์พัก พบซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง
จึงได้ทำการขยายพื้นที่ตรวจสอบพบอาวุธปืนลูกกรดติดลำกล้อง 1 กระบอก ปืนไรเฟิลติดลำกล้อง 1 กระบอก และปืนลูกซองแฝด 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีกมาก ใกล้กับที่พบอาวุธปืนที่ซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่เพิ่มเติม พบ ซากเสือดำ ถูกชำแหละ และถลกหนัง บริเวณใกล้เคียงพบเครื่องกระสุนปืนเพิ่มอีกมาก จึงทำการจับกุมเพื่อส่งคดี สภ.ทองผาภูมิ
2) เบื้องต้น ชุดจับกุมแจ้ง 6 ข้อหา คือ 1.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36และมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 2.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 3.ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 4.ฐานนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อ 1 (1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ออกตามความตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 5. ฐานรวมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และ 6.พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ส่วนข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ทางพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จะเป็นผู้แจ้งเพื่อดำเนินคดีต่อไป
3) ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม จากการแถลงของ นางสาวกาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชมีประเด็นที่สำคัญ คือ
2.1 มีการขออนุญาตเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน เพื่อศึกษาธรรมชาติ แต่ผู้เข้าพื้นที่ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางที่ขออนุญาต โดยไม่ได้เข้าไปในจุดตั้งแคมป์ตามที่กำหนดไว้
2.2 มีประเด็นว่า คณะของนายเปรมชัย ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่ เนื่องจากทำหนังสือขอเข้าพื้นที่มาอย่างเร่งด่วน (กรณีนี้จะมีโทษปรับตามกฎหมายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า) ทั้งนี้ เนื่องจากพบความผิดในเรื่องการล่าแล้ว จึงจำเป็นต้องดำเนินการสืบสวนในส่วนนี้ก่อน
2.3 ยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบเรื่องอาวุธก่อนเข้าพื้นที่ตามปกติ โดยไม่พบอาวุธปืนในเบื้องต้น และเจ้าหน้าที่ไม่รู้จักว่าบุคคลที่เข้าไปเป็นใคร มีตำแหน่งอะไร ไม่ได้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรืออำนวยความสะดวกเป็นพิเศษ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นแขกของใครเป็นพิเศษ
2.4 เจ้าหน้าที่ไม่พบคณะของนายเปรมชัยในจุดที่กำหนดให้เข้าพักแรม จึงออกลาดตระเวน และตรวจพบการกระทำความผิดเรื่องการล่าสัตว์
2.5 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิสูจน์หลักฐาน และกำลังทำบันทึกการจับกุม จะแล้วเสร็จภายในวันนี้
2.6 กรมอุทยานฯ ทำได้แค่ส่งผู้กระทำความผิด ทำบันทึกจับกุมรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนการดำเนินคดีเป็นเรื่องในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
4) ดังนั้น เรื่องที่สังคมได้รู้ ได้เห็นจากเหตุการณ์นี้ และที่ผมอยากเพิ่มเติมเข้าไป คือ
• พื้นที่ป่าสงวนบางประเภท อนุญาตให้เข้าไปตั้งจุดพักแรมได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด หากไม่ทำตามเงื่อนไข มีความผิดตามกฎหมาย
• การอนุญาตให้เข้าไปพักแรมในพื้นที่ ไม่รวมถึงอนุญาตให้ล่าสัตว์ป่า หรือนำอาวุธเข้าไปได้
• มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล หากพบว่าอะไรผิดสังเกต เขามิได้เพิกเฉย แต่ได้ดำเนินการตรวจสอบ จนพบว่ามีการกระทำความผิด เรื่องนี้จึงต้องชมเชยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างจริงจัง ตรงไปตรงมา
• รู้ไหมว่า ทุกๆ ปีมีการลักลอบล่าสัตว์ เพียงแต่ไม่เป็นข่าว หรือเป็นข่าวแต่คนไม่ได้สนใจ เพราะไม่มี “บิ๊กเนม” ไปอยู่ในข่าวเหมือนครั้งนี้ สังคมเองจึงควรปรับท่าทีให้ชัดว่า สนใจข่าวนี้เพราะสำนึกในความรักความหวงแหนที่มีต่อผืนป่าและสัตว์ป่าจริงๆ หรือสนใจที่ “บิ๊กเนม” ซึ่งเคยถูก คสช. เรียกไปรายงานตัว มีข่าวว่าสัมพันธ์กับกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม เท่านั้น
• รู้ไหมว่า มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ถูกพวกลักลอบล่าสัตว์และตัดไม้ ยิงพวกเขาตาย ทำร้ายจนพวกเขาพิการ มีแม่ม่ายและเด็กกำพร้าเกิดขึ้นทุกปี คงจะดี หากสังคมช่วยกันเรียกร้องให้ทางการใส่ใจดูแลพวกเขาให้มากขึ้น ทั้งสวัสดิการ เครื่องมือป้องกันตัว และค่าตอบแทนที่มากขึ้น
• การจับกุม ทำโดยเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ แต่การทำสำนวน สืบสวนขยายผล ดำเนินคดี และฟ้อง อยู่ในมือ “ตำรวจ” ซึ่งตำรวจจะ “เอาจริงเอาจัง” เท่ากับเจ้าหน้าที่ป่าไม้หรือไม่
• หากกฎหมายล้าสมัย โทษเบา ก็ถึงเวลาต้องปรับแก้กฎหมายกันแล้วนะ
และเรื่องนี้ ไม่ต้องเลอะเทอะไปว่า จะเหมือนกรณี “ทุ่งใหญ่” ในอดีต ที่นายพลเอาเฮลิคอปเตอร์ของทางการไปล่าสัตว์เล่นหรือไม่ เพราะตอนนั้นเป็นเรื่องของการทำผิดกฎหมายล่าสัตว์ แถมใช้ยานพาหนะของทางราชการไปกระทำความผิดอีกด้วย
และไม่ต้องไปถึงประเด็นที่ว่า บริษัทที่เสี่ยใหญ่รายนี้เป็นผู้บริหารใหญ่ เป็นผู้รับผิดชอบโครงการสร้างอุโมงค์-ทางข้ามให้สัตว์ป่าทับลาน ระหว่างทางหลวงหมายเลข 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย แต่ CEO ของบริษัท กลับกระทำความผิดไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์เสียเองด้วย
เพราะตอนรับงาน เขา “รับงานก่อสร้าง” ซึ่งเป็นทางสร้างรายได้ประการหนึ่งของเขา ไม่ใช่เพราะ “มีสำนึกรักษ์ป่า-รักสัตว์ป่า” สักหน่อย นะคุณนะ ใครผิดว่ากันตามผิด ว่าที่ตัวบุคคล ไม่ต้องไปสนว่าชื่อเรียงเสียงไร ฐานะปานใด ให้ดูที่กระบวนการว่า อย่าให้ “ใครช่วยใคร” ได้ จนกฎหมายเป็นกระดาษเช็ดก้นก็เป็นพอ !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี