“คุกไทยมีไว้ขังหมากับคนจน”คงเป็นคำพูดที่ได้ยินกันบ่อยๆ แต่นั่นคือความจริงหรือไม่?
จากการจับกุมนักธุรกิจรายใหญ่และพวกเข้าไปล่าสัตว์ในพื้นที่อุทยานฯที่กำลังเป็นข่าวครึกโครม สิ่งที่ปรากฏออกสื่อตลอดจนประเด็นพูดพาดพิงถึงผู้หลักผู้ใหญ่บางคน กำลังเป็นที่จับตาของประชาชน ท้าทายกระบวนการยุติธรรมและรัฐบาลว่า จะจัดการอย่างไร? เพราะอีกด้านหากเปรียบเทียบกับการบุกทลายบ่อนพนันรายใหญ่ย่านประชาชื่น เมื่อไม่กี่วันก่อน กรณีนี้แม้เป็นความผิดชัดเจนแล้ว แต่ความน่าสนใจทั้งสองเรื่องคือ กระบวนการตรวจสอบตลอดจนการตอบคำถามของผู้มีอำนาจต่อการกระทำของผู้ที่มีสถานะทางสังคมต่างกัน จะเป็นอย่างไร? นอกจากนี้การจับกุมบ่อนยังมีประเด็นที่น่าสนใจคือ เหตุใดชาวบ้านจึงออกมาปกป้องเจ้าของบ่อน? เกิดอะไรขึ้นกับชาวบ้านในชุมชนนี้ หรือกำลังเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา? และจะเกิดอะไรขึ้นหากผลตอบกลับของรัฐต่อวิถีคนจน ไม่เป็นไปอย่างที่คนจนคาดหวัง
นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกของการจับบ่อน ที่พบว่าชาวบ้านรอบชุมชนพยายามปกป้อง ทั้งที่ทุกคนรู้ว่า บ่อนคือสิ่งผิดกฎหมาย และรู้ว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย หากแต่ยังมีประเด็นของทางรอดสุดท้ายทางเศรษฐกิจสำหรับคนจน ในช่วง 2-3 ปีนี้ ในยุคที่ไม่มีทางเลือกอื่นหรือไม่?
ภาพสะท้อนเศรษฐกิจปัจจุบันที่รัฐบาลประกาศว่า จีดีพีเพิ่มมากขึ้น ถามว่าขึ้นเท่ากันทั้งประเทศ ทุกคนหรือเพิ่มเฉพาะคนรวย? ลองเปิดใจลงไปดูข้อมูลจริงๆ หรือไม่ว่า คนระดับกลางถึงล่างในประเทศ รวยขึ้นหรือมีเงินเพิ่มมากขึ้นตามจีดีพีที่เพิ่ม จริงหรือ? ถ้าลองถามชาวบ้าน ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เศรษฐกิจช่วง 2-3 ปีนี้แย่ ร้านค้าเล็กๆในชุมชน ปิดกิจการ หนี้สินมากมาย ขณะที่รายได้เท่าเดิม บางคนตกงาน ขณะที่รายจ่ายไม่เคยลดลงแถมยังมากขึ้น รายจ่ายคนชั้นกลาง ระดับล่าง ไม่ว่าค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าที่อยู่อาศัย ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่ารักษาพยาบาล หนี้สินไม่ต้องพูดถึง แค่เงินจ่ายดอกเบี้ยก็อาจจะไม่พอแล้ว สภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองของชนชั้นกลางระดับล่าง ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปถึงแรงงาน พนักงานกินเงินเดือน แรงงานไม่มีทักษะและเกษตรกร ทีมงานเศรษฐกิจของรัฐบาลที่พูดเสมอว่า จีดีพีโตขึ้น แต่ไม่ทราบถึงปัญหาอีกฟากของจีดีพีจริงๆ หรือ?
ที่ผ่านมา สิ่งที่รัฐบาลทำและต้องชมว่าทำได้ดี คือการแก้ไขปัญหาใหญ่ๆระดับชาติ อย่างการรักษาความสงบเรียบร้อยและการจัดการระดับนโยบาย หากแต่การจัดการระดับนโยบายแม้มีความจำเป็นและมีพันธะสัญญาต้องทำก็ควรคิดถึงผลกระทบในมิติต่างๆด้วย มิเช่นนั้นการตัดสินใจนโยบายที่สำเร็จด้านหนึ่ง อาจนำมาซึ่งปัญหาอีกมากมายมหาศาลได้ การแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย แก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว แก้ปัญหาค้ามนุษย์ แก้ปัญหาธุรกิจสีเทา หวย-บ่อนใต้ดิน จัดระเบียบหาบเร่แผงลอย จัดระเบียบวินมอเตอร์ไซค์ แม้กระทั่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างกรณีน้ำไม่พอบริโภค เหล่านี้ รัฐบาล คสช. แก้ไขได้รวดเร็วโดยใช้ม.44 บวกกับยาแรงในการออกนโยบายซึ่งสามารถแก้ปัญหาระดับชาติได้ดี แต่ทิ้งปัญหาระดับเศรษฐกิจประชาชนและสังคมไว้จนถึงวันนี้
ในมุมของเทคโนแครตอาจมองว่า ตัวเลขคือตัววัดผลทุกสิ่ง จีดีพีโตขึ้นไม่ว่าโตจากใคร ก็ถือว่าทำสำเร็จแล้ว จึงอาจเลือกตอบสนองนโยบายผ่านโครงการที่ทำให้ตัวเลขจีดีพีรวมโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มากกว่าเลือกแก้ปัญหาให้ประชาชนตามวิถีนักการเมือง จึงเป็นช่องให้กลุ่มนายทุนต่อสายตรงกับรัฐบาล คสช.ได้ง่ายกว่ายุคอดีต ด้วยจำนวนกลุ่มทุนที่มีไม่กี่รายก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศได้ ทำให้รัฐอาจละทิ้งแรงงานนอกระบบอันรวมถึงพ่อค้าแม่ขายหาบเร่แผงลอย เจ้าของร้านค้าเล็กๆ คนขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ เกษตรกรต่างๆกว่า 21 ล้านคนไว้ข้างหลังหรือไม่?
ขณะที่นโยบายเศรษฐกิจหรือนโยบายทางสังคม แต่ไปกระทบเศรษฐกิจคนจน กลับโดนหักดิบอย่างไม่สนใจไยดี? ตั้งแต่เรื่องง่ายๆกรณีไม่มีน้ำบริโภค รัฐก็หักดิบ สั่งห้ามปลูกข้าว แล้วโยนเศษเงินเล็กน้อยชดเชยชาวบ้านโดยไม่คำนึงถึงความเป็นไปได้ในการใช้ชีวิตอยู่ ไม่มีโครงการใดมาสร้างรายได้ให้แทน หรือกรณีใช้มาตรการจัดการระดับชาติในนโยบายสังคม เช่น กวาดล้างธุรกิจสีเทาซึ่งทุกฝ่ายยอมรับ เห็นด้วย แต่ไม่คาดคิดว่า รัฐจะไม่แยแสชาวบ้านตาดำๆ ที่แม้ไม่ได้ทำผิด แต่ก็มีระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเกี่ยวเนื่อง อย่างกรณีปราบบ่อน-หวยใต้ดินหรือกวาดล้างแรงงานต่างชาติ ผลกระทบแท้จริง กว้างมากกว่าจำนวนคนในบ่อน หรือจำนวนคนงานต่างด้าว แต่ยังรวมถึงร้านค้าอาหารรอบๆ บ่อนหรือร้านค้าอาหารในชุมชนแรงงานต่างด้าว หอพักแรงงานและคลุมถึงรถรับจ้าง วินมอเตอร์ไซค์ที่ขนส่งคนรอบๆ ตลอดจนธุรกิจบริการ ร้านทำผม ร้านบริการอื่นๆ ที่อยู่รายรอบธุรกิจสีเทา ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผู้ประกอบการคนไทยที่มีรายได้น้อย หาเช้ากินค่ำ
ไม่มีใครเถียงว่าการปราบธุรกิจสีเทาเป็นสิ่งผิด รัฐทำถูกและขอชื่นชมที่สามารถจัดการได้ หากแต่รัฐยังขาดความเข้าใจความเป็นคนจนอย่างแท้จริงว่า ผู้หาเช้ากินค่ำ จำเป็นต้องมีรายได้เข้ามาทุกวัน และด้วยความรู้ที่จำกัด โดยเฉพาะแรงงานประเภทไม่มีทักษะ จึงเปลี่ยนอาชีพได้ง่าย เช่นเดียวกับธุรกิจที่ไม่เทา แต่ผูกพันกับสังคมไทยมานาน แม้จะผิดกฎหมาย แต่ก็เกื้อกูลเศรษฐกิจชุมชนระดับชั้นกลางและฐานราก นั่นคือ รถเข็นอาหาร หาบเร่แผงลอยที่มีทั่วกรุงเทพฯ ในเมืองใหญ่ และหลายแห่งกลายเป็นตลาดนัดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียง มาตรการคืนถนนให้ผู้ใช้ถนน ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเพิ่มทัศนียภาพให้สวยงาม ตลอดจนเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้รถใช้ถนน
ผู้ใช้ทางเท้าหากแต่การกวาดล้างนั้น จะทำไปเพื่อภารกิจด้านหนึ่ง คือความสะอาดเรียบร้อยในสายตาคนรวย แต่ผลกระทบนอกจากแม่ค้า ผู้ขาย ที่แม้รัฐบอกว่าได้จัดที่ขายให้ใหม่แล้วก็ตาม แต่เป็นที่ขายที่จัดแบบส่งเดช? ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะให้ผู้ซื้อในเมืองไปซื้อร้านค้าเหล่านั้น ทำให้รถเข็นอาหาร แม่ค้าหาบเร่แผงลอย ต้องย้ายถิ่นฐาน บางรายเลิกกิจการ บางรายหนี้สินพอกพูน
การที่หน่วยราชการบอกจะหาที่ขายใหม่ให้ จึงเพียงทำเพื่อให้ตัวเองพ้นผิดต่อสังคม แต่ไม่ได้แก้ปัญหา ขณะที่วงจรเศรษฐกิจพ่อค้าหาบเร่แผงลอยที่หายไป ยังกระทบชนชั้นกลางในเมืองด้วย ที่เคยซื้ออาหารราคาถูกจากรถเข็นหรือเต็นท์อาหารใกล้ออฟฟิศ จำเป็นต้องเข้าห้างซื้ออาหารแพง เพิ่มค่าครองชีพ แต่เพิ่มรายได้นายห้างและร้านค้าสะดวกซื้อขนาดใหญ่แทน เช่นกันโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้งเฟส 1 และเฟส 2 ที่ดูเหมือนเป็นการช่วยคนจนโดยใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่ความเป็นจริงกลับทำลายระบบร้านค้าย่อยในชุมชนและเพิ่มรายได้ให้ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐานแทน นี่คือผลสะท้อนการดำเนินนโยบายแบบเทคโนแครตที่ไม่เข้าใจคนจน แต่เข้าใจคนรวยอย่างลึกซึ้ง
นี่ยังไม่นับรวมแนวนโยบายการส่งเสริมต่างชาติเข้ามาค้าขายหรือลงทุนในประเทศ ซึ่งเป็นการเปิดประตูด้วยมาตรการแบบหลวมๆ เน้นดึงตัวเลขและผลประโยชน์กลุ่มทุนใหญ่เป็นหลัก ตั้งแต่การซื้อขายพืชผลการเกษตร ผ่านล้งต่างๆ จนเกิดปัญหา ลามไปถึงการดึงนักท่องเที่ยวจีน ที่สุดท้ายทุกวันนี้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวของจีนคือ นักธุรกิจจีนทำเองทั้งหมด ตัวเลขเงินไหลเข้าและตัวเลขดีล ผลประโยชน์ร่วมของนักธุรกิจไทยรายใหญ่สูงขึ้น กำลังกลายเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งระหว่างคนจนในประเทศกับนายทุนที่เข้าถึงคนในรัฐบาล ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมประเด็นสอดไส้ต่างๆ ในโครงการใหญ่ EEC ที่จะได้อธิบายละเอียดในตอนต่อไป ที่หากใครเข้าไปดูลึกๆ ก็จะรู้ว่า ผลประโยชน์ที่ได้ แทบไม่ตกกับคนในพื้นที่เลย?หากรัฐบาลยังไม่เข้าใจความลำบากที่แท้จริงของประชาชน ยังเลือกแก้ปัญหาเฉพาะโครงสร้างระดับบน โดยไม่สนปัญหาปากท้องประชาชนที่รอต่อไปอีกไม่ได้ เมื่อประชาชนหมดหนทาง ระวังอาจจะต้องเผชิญกับสงครามคนจน ที่อาจส่งผลสะท้อนกลับมาที่รัฐบาลและการเลือกตั้งครั้งต่อไป เหมือนที่เคยเกิดขึ้นแล้วในสหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส หรือไม่?
...............................................
“...ต่อให้เป็นบุคคลที่เจนจัดในการพูดปดที่สุด ดวงตาก็ไม่สามารถโป้ปดหลอกลวง...”
คำคมโกวเล้งจากเรื่องดาวตก ผีเสื้อ กระบี่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี