ผมมักจะหยิบยกเรื่องจริงมาเล่าให้ฟัง เพราะโชคดีที่ได้มีโอกาสทำงานเรื่องพัฒนาคนอย่างต่อเนื่อง 3 ต.จากกรณีศึกษาในชุมชนบ้านม่าหนิกในภูเก็ต ซึ่งหลังจากได้ทำงานอย่างต่อเนื่องร่วมกันกว่า 2 ปี ก็สามารถผลิตสินค้าจากวัตถุดิบธรรมชาติออกสู่ตลาดได้อย่างน่าชื่นชม
ก่อนอื่นขอให้ท่านคิดถึงพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เรื่องการคิด Macro ทำ Micro ซึ่งผมนำมาเป็นหลักในการทำงานของผมตลอดคือ Macro ไปสู่ Micro โดยเฉพาะเรื่องทุนมนุษย์ ผมจะศึกษาภาพใหญ่เสมอไปสู่ภาพเล็กระดับตัวบุคคล และระดับองค์กรเสมอ เราจะมองภาพเล็กระดับองค์กร Micro อย่างเดียวไม่พอเพราะ ภาพเล็กจะถูกอิทธิพลจากภาพใหญ่มากระทบทั้งทางบวกและทางลบ
ระหว่างที่ผมเขียนในวันพุธ ผู้อ่านต้องติดตามการปรับตัวของตลาดหุ้นในโลก นำโดยสหรัฐอเมริกา ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ช่วงหนึ่งในวันเดียวกันปรับลงมาถึง 1,200 จุด ผลของ
การปรับตัวลงอย่างแรงของตลาดหุ้นในสหรัฐฯกระทบตลาดหุ้นในโลก คือตกทุกตลาดรวมทั้งประเทศไทยด้วย
Trump มักจะคุยเสมอว่าเขาประสบความสำเร็จ เพราะตลาดหุ้นขึ้น พอหุ้นตกก็เงียบไม่แสดงความเห็นอะไร ในเรื่องคุณภาพหรือสมรรถนะของทุนมนุษย์ ต้องเข้าใจภาพใหญ่ เพื่อศึกษาภาพเล็กด้วย ผมคิดว่าบทเรียนจากการมองภาพใหญ่จะช่วยให้เตรียมตัวรองรับอันตรายที่จะเกิดขึ้นเพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นให้ทำงานในภาพเล็กประสบความสำเร็จ
สำหรับเรื่องชุมชน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมได้รับเชิญจากลูกศิษย์ปริญญาเอกของผมชื่อ ดร.ธีรกานต์ โพธิ์แก้ว (อาจารย์ก๋อง)เป็นลูกศิษย์ที่จบไปแล้วหลายปี แต่เป็นคนมุ่งมั่นในการทำงานให้เกิดมูลค่าเพิ่มอยู่เสมอ น่าชื่นชม อาจพูดได้ว่าอาจารย์ก๋องชอบ Chira Way ในการทำงาน
อาจารย์ก๋องทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เป็นอาจารย์สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และมีภาระหน้าที่ดูแลชุมชน ซึ่งน่าภูมิใจที่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตมีนโยบายจะพัฒนาชุมชน
ในที่สุดอาจารย์ได้พบชุมชนแห่งหนึ่งชื่อชุมชนบ้านม่าหนิก ในภูเก็ต มีประธานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านม่าหนิก นายสุภโรจน์ ทรงยศ ซึ่งทำงานมีประสบการณ์มากมาย ใช้ชีวิตช่วงหลังเกษียณอยู่กับชุมชนที่ท่านเกิดเพื่อสร้างชุมชนให้มีคุณภาพ
วันหนึ่งอาจารย์ก๋องโทรถึงผมเมื่อ 2 ปีแล้ว ขอให้ผมไปจัดหลักสูตร 1 วันให้ชาวบ้านฟังการค้นหาตัวเองสร้างคุณค่าของทุนมนุษย์และการทำงานเป็นทีมเป็นอย่างไร ผมจำได้ดีว่า
ชาวบ้านกว่า 30 คน และเจ้าหน้าที่ของรัฐมาร่วมฟังด้วย ผมภูมิใจที่ทำงานเล็กๆ ครั้งนั้นได้สร้างพลังให้ชาวบ้านคิดถึงเรื่องนวัตกรรมและคุณภาพของทุนมนุษย์
ในระหว่างพักรับประทานอาหาร ประธานให้ผมไปดูการปลูก “กระเจี๊ยบเขียว” ซึ่งท่านตั้งใจว่าจะปลูกพืชนี้มากขึ้นเพราะกระเจี๊ยบเขียวนั้นมีสรรพคุณหลายอย่างที่จะเป็นยา ช่วยเรื่องการย่อยอาหาร หรือทำสินค้าอื่นๆ ได้หลายอย่าง พื้นที่ตรงนี้เหมาะสมมากที่จะขยายการผลิต “กระเจี๊ยบเขียว” ด้วยความพยายามของสมาชิกชุมชนและความร่วมมือของอาจารย์ก๋อง (ดร.ธีรกานต์ โพธิ์แก้ว) ช่วยกันทำงานให้ชุมชนมีคุณภาพอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลังจากได้รับความรู้จากผมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วรับข่าวดีว่า ชุมชนแห่งนี้ได้ผลิตสินค้าเป็นสบู่ทำมาจากกระเจี๊ยบเขียว ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสินค้าแสดงในงานของสภาวิจัยแห่งชาติที่ BITEC เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมรู้สึกดีใจมาก เพราะประธานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง บ้านม่าหนิก นายสุภโรจน์ ทรงยศ และอาจารย์ก๋องมาพบผมนำผลิตภัณฑ์เป็นสบู่ที่ทำจากกระเจี๊ยบเขียวมาให้ดู
การทำงานในยุคต่อไปทำเป็นขบวนการ ผมดีใจที่ได้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ชาวบ้านถึงจะเป็นเพียง 1 วัน แต่ได้สร้างความประทับใจให้ชาวบ้านจนกระทั่งมีผลงานแสดงถึงวันนี้ ประธานฯบอกว่าผมและทีมงานได้สร้างแรงบันดาลใจ ให้เขามีวันนี้ ซึ่งชาวบ้านยังจำบรรยากาศได้ดี อาจารย์ก๋องมาจากมหาวิทยาลัยในพื้นที่ ทำหน้าที่ได้ดี ส่วนชาวบ้านก็รวมพลังกันทำงานเพื่อส่วนรวม โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางแห่งไปร่วมด้วย
ประเด็นคือภูมิปัญญาท้องถิ่น (ชุมชน) + ความรู้มหาวิทยาลัย + Brand ของผมระดับประเทศรวมพลังกันได้เป็นกรณีตัวอย่างที่น่าชื่นชม
หมู่บ้านหรือชุมชนแห่งนี้เริ่มจากการเป็นศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงและประชาชนเรียนรู้ความเป็นผู้นำที่ดี ทำงานอย่างต่อเนื่อง กัดไม่ปล่อย ถ้ามีกรณีศึกษาแบบนี้หลายๆ แห่ง ประเทศไทยจะมีโอกาสได้สร้างมูลค่าเพิ่มต่อไป
“ผมขอแสดงความยินดีด้วย”
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี