ไทยนิยม(เลว)วันนี้..ยืมเพื่อน-ล่าเสือ
เรียน คุณวิภาวดีฯ ที่นับถือ
วันนี้ไทยนิยมอะไร : ยืมนาฬิกาเพื่อน–เข้าป่าล่าสัตว์สงวนฯ–ทำราชการเป็นไซด์ไลน์
ทั้งๆ ที่รู้ว่า “ประชารัฐ–ประชานิยม” คือการสอนลูกให้เป็นโจร วันนี้เราคงเห็นภาพเด็กๆ ที่พ่อแม่พาขึ้นรถเข็นเข้าห้างสรรพสินค้าหยิบขนมในห้างมากินหน้าตาเฉยโดยพ่อแม่ไม่ห้าม กินเสร็จก็ทิ้งหลักฐานไป ทำให้ไม่ต้องจ่ายเงิน การทำเช่นนี้เท่ากับสอนลูกให้เป็นโจร เมื่อประชาชนทำเช่นนี้หมายถึงครอบครัวที่เป็นสังคมเล็กสุดเป็นสังคมโจร ทำให้วันนี้อาชญากรรมเต็มบ้านเต็มเมือง เพราะบรรดาคนเกียจคร้านไม่ต้องการทำงานที่มีรายได้เพียงวันละ 300 กว่าบาทสู้เป็นโจรไม่ได้ จึงมีตั้งแต่โจรกระจอกระดับขโมยหมูในตะกร้ารถมอเตอร์ไซค์ จนถึงโจรปล้นร้านทองหรือมินิมาร์ท พบได้ทุกวัน
ประชานิยมที่ทรราชนำมาใช้ก่อนเพื่อน ทำให้พรรคและนักการเมืองต้องทำตามเพราะคนไทยเคยตัวแล้ว ไม่ให้ก็ไม่เลือก เริ่มต้นต้องแจกตามด้วย “ซื้อเสียง” ถือเป็น “ไฟท์บังคับ” แล้ว ผลจากนโยบายประชานิยมทำให้คนไทยเป็นโจรการเมืองหมด เพราะตัดสินว่าการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องได้ มิใช่เสียสละเพื่อส่วนรวม คนไทยที่มีสิทธิ์จึงมิได้เป็นจิตอาสาเพื่อชาติ แล้วจะหาตัวแทนที่เป็นจิตอาสาได้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อ “พ่อแม่” หรือผู้ปกครองกระทำตัวเป็นโจรเสียเอง
วันนี้แม้สามแป๊ะตัดคำว่า“ประชา”ออกแล้วเปลี่ยนเป็น“ไทยนิยม”แต่เนื้อหายังเหมือนเดิมเพราะคำเต็มๆของไทยนิยมคือ ไทยนิยมโจร ประชาชนยังไร้จิตสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม เห็นได้จากทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง คนอาศัยติดแม่น้ำลำคลองก็ยังทิ้งขยะลงคลอง อ้างว่าทิ้งมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย นิยมทำเช่นนี้ทุกบ้านเรือนจะให้เปลี่ยน “สันดาน” ได้อย่างไร ถ้ายังนิยมทิ้งขยะเช่นนี้ บ้านเมืองจะสะอาดได้อย่างไร ค่านิยมที่ต้องกำจัดก็คือ “ทำอะไรตามใจคือไทยแท้” ถ้ายังปล่อยให้นิยมสิ่งผิดๆ ก็ไม่มีโอกาสจะเป็นสังคมอารยะได้แน่นอน
โดยเฉพาะเรื่อง “นิยมยืมนาฬิกาเพื่อน” เรื่องนี้มีนัยว่าถ้าเป็นความผิดแล้ว ก็ไม่ใช่ของๆ ฉัน ซึ่งถ้ายอมรับกติกาข้อนี้ ก็หมายความว่า “กฎหมายรับของโจร” ไม่มีความหมาย เพราะฉันไม่รู้ว่าเพื่อนฉันได้แต่ใดมา ฉันแค่ยืมเพื่อนมาใช้เท่านั้น เช่นเดียวกับ “นิยมเข้าป่าล่าสัตว์” เพราะปู่ย่าตายายก็เข้าป่าล่าสัตว์ตั้งแต่ฉันยังไม่เกิด กฎหมายป่าไม้คลอดทีหลัง ดังนั้น ถ้าจะจับฉันก็ต้องจับ “ก๋งของฉันด้วย” ก็ฉันนิยมกิน “ต้มยำเสือดำ” ซึ่งหาซื้อไม่ได้ในท้องตลาด จึงต้องแบกปืนไปโบกตึกเอง “นิยมทำราชการเป็นไซด์ไลน์” เป็นคำกล่าวของอดีตกากีนั้งใหญ่ที่กู้ยืมเงิน 300 ล้าน จากเพื่อนที่เป็นเสี่ยอ่าง ร่ำรวยด้วยการค้ากามแอบแฝง ซึ่งข้อแก้ตัวของกากีนั้งใหญ่คนนี้ก็ลอกเลียนข้อแก้ตัวของแป๊ะใหญ่ แบบถ้าแป๊ะใหญ่รอดฉันก็รอด
ถ้าให้ตัดสินว่า การกระทำใดของแป๊ะใหญ่ที่ไม่ถูกต้องมากที่สุด ผมไม่ให้ค่าเรื่องนาฬิกาหรูเป็นอันดับหนึ่งเพราะมีหลายเรื่องที่ไม่ถูกต้อง สร้างความเสียหายมากกว่า เช่น “ตั้งได้สั่งไม่ได้”ซึ่งหมายความว่า ใช้อำนาจแต่งตั้งบุคคลให้มาทำหน้าที่นั้น มิได้ทำเพื่อชาติแต่ทำเพื่อแป๊ะใหญ่ เช่น ตั้งประธาน ป.ป.ช.ดังนั้น ระบบอุปถัมภ์และสองมาตรฐานจึงยังมีอิทธิพลเหนือกฎหมาย หรือการแอ่นอกรับรองเรื่องใดๆ เช่น รับรองว่าสตช.เป็นหน่วยงาน “เฟอร์เฟกต์” ไม่มีส่วย ไม่มีซื้อขายตำแหน่ง ทั้งที่ไม่จริง สุดท้ายก็คือ “เรื่องของครอบครัวต้องมาก่อน” กรณีชายสี่ที่รอดพ้นโทษทัณฑ์ เพราะระบบตุลาการที่ตัดสินนั้น ทำงานแบบพาสซีพ ดังนั้นจึงมีกระบวนการต่างๆ ช่วยเหลือเพื่อทำให้ตุลาการไม่สามารถเอาผิดได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าพ่อยังสูบบุหรี่ปุ๋ยๆ ก็อย่าหวังว่าลูกจะไม่สูบ หรือถ้าแม่แอบหยิบขนมให้ลูกกินก่อนชำระเงิน ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ถ้าได้เป็นท่านเปาก็ยิ่งชอบถุงขนม ถ้าเป็นกากีนั้งก็ชอบส่วย ดังนั้นคุณสมชายต้องกระทำตัวเป็นพ่อที่ไม่สูบบุหรี่ และเป็นแม่ที่ต้องตีมือลูกทันทีที่หยิบขนมในห้างกิน ด้วยการเลิก“นิยม” เพราะดูเหมือนจะนิยมเลวมากกว่านิยมดี
เฒ่าริมคลอง
ตอบ คุณเฒ่าริมคลอง
3 เรื่องฉาวที่คุณยกมากำลังเป็นเรื่องร้อนที่ถูกร้อยเรียงเป็นเรื่องเดียวกัน สะท้อน “ค่านิยม” หรือ “มาตรฐานอัปยศ” ที่ควรต้องกำจัดทิ้งให้สิ้น ไม่ใช่ปล่อยให้กลายเป็น “ไทยนิยม” ผลาญชาติไปจนสิ้น
วิภาวดี หลักสี่
เที่ยวเมืองไทยสุขใจจริง
เรียน คุณวิภาวดีหลักสี่ ที่นับถือ
ก่อนอื่นขอประณามการวางระเบิดตลาดสดรถไฟ(ตลาดพิมลชัย) อ.เมืองยะลา เมื่อ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา มีทั้งเจ็บและตาย น่าเบื่อหน่ายผู้ที่ชอบใช้ความรุนแรง บริเวณดังกล่าวเป็นชุมชน ที่สาธารณะ ไม่เลวสุดขั้วมันก็ชั่วสุดบรรยาย ขอให้บาปกรรมที่ทำต่อผู้อื่น จงได้กลับคืนไปสู่ครอบครัวพ่อแม่พี่น้องของมันโดยทั่วหน้า
เข้าเรื่องเลย หลังจากปล่อยบทกลอนที่เขียนไว้ขณะไปท่องเที่ยวออกมาโฉบเฉี่ยวได้ 2 ครั้ง วันนี้...หักมุมหันหลังดูอีกความรู้สึกหนึ่ง เป็นชีวิตเมื่อวัยรุ่น “หัวใจ” มันก็วุ่นเหมือนคนทั่วไป อุปสรรคย่อมมี แต่ไม่เคยใช้วิธีรุนแรง เปลี่ยนแปลงความเจ็บช้ำระบายด้วยถ้อยคำในเชิงบทกลอน นี่คือสิ่งที่ได้บันทึกไว้
-คืนนี้ดาวและเดือนเลือนจากฟ้า ลมก็พากันนิ่งไม่ติงไหว
ทะเลเคยเพ้อพร่ำเงียบงันไป เหมือนรู้ความหมองไหม้ที่ใจเรา
-ทุกข์จากใจใครเล่าเข้าใจถึง คนเคยซึ้งจิตกัน มาหันเห
รักยอกย้อนซ่อนพิษจิตรวนเร ไม่น่าเทหัวใจไว้ให้เลย
-สายสัมพันธ์วันก่อนคงคลอนสิ้น โฉมยุพินจึงไม่กลับไปหา
ตั้งแต่พรากจากกันแต่นั้นมา กินน้ำตาต่างข้าวทุกคราวไป
-มีแต่ความจริงใจให้กับเขา ทุกก็เข้าผ่อนคลายจนหายสิ้น
ไม่โกรธที่เธอถลาเปลี่ยนท่าบิน ฉันชาชินเสียแล้วต่อแววเมิน
-หยาดน้ำตาบ่านองทั้งสองแก้ม จะยิ้มแย้มอย่างไรเล่าใจเอ๋ย
รักมาร้างห่างไกลไม่เหมือนเคย ไปชื่นเชยเคลียคลออยู่หอใด
ขอพักสักนิด รีบร้อนเกินไปกลัวบาดแผลจะย้อนกลับมาสะกิดหัวใจ เอ้า..มาตามกันต่อ
-อยากจะหักห้ามใจไกลจากเขา ลืมความเศร้าที่ถมบ่มขยี้
ยิ่งอยากไกลใจคะนึงถึงทุกที ไม่รู้มีอะไรบังใจเรา
-หลับตาลงอีกครั้งเมื่อหวังพลาด ใจจะขาดหลายหนตอนหม่นหมอง
เขามือยาวก้าวแซงแย่งไปครอง จนเงินทองอย่างเรา ใครเขาแล
-น้ำตาใครไหลรินตอนสิ้นรัก คราอกหักใครเล่าเฝ้าปลอบขวัญ
เมื่อเธอหมายชายอื่นชื่นชีวัน อย่ากักกันหัวใจฉันไว้เลย
-“แม่สามมุข”ทุกข์ทนจนล้นจิต สังเวยชีวิตจากผาน่าหวั่นไหว
ลูกเหมือนแม่แพ้รัก..หนักหัวใจ อยากจะไปให้พ้นจากคนลวง
-จะมีรักก็ให้สมใจรัก อย่าอกหักหม่นหมองถึงร้องไห้
ถ้ารักหวานนานปีก็ดีไป อย่าช้ำใจขื่นขมเหมือน“สมควร”
สำนวนกลอน “คนโบราณ” อาจไม่หวานเหมือนคนรุ่นใหม่ แต่ล้วนมาจากใจ ฝากทิ้งท้ายสะกิดท่านเลขา ป.ป.ช.ไม่กี่วันก่อนทำตัวเหมือนทนายหน้าหอ พูดว่า “การยืมนาฬิกาเพื่อนใส่ ไม่ต้องแสดงทรัพย์สินเพราะถือว่าไม่ใช่ภาระในการยื่นบัญชี” น่าจะเป็นการ “บิดเบือน” อะไรสักอย่าง อยากให้ไปดูเอกสารแสดงทรัพย์สิน จำได้มีช่องกรอกรายการระบุชัดเจน “แม้ทรัพย์สินไม่ได้เป็นของตน แต่ถ้าหยิบยืมใครมา ก็ต้องกรอกรายการลงไปด้วย” ก็แค่เตือนความจำ ไม่ควรทำให้องค์กรตกต่ำไปกว่านี้เลย!!!
สมควร บุญสมเกียรติ
เที่ยวเมืองไทยสุขใจจริง
หายไป 3-4 สัปดาห์ซ่าส์ไม่ออก ร่างกายบอกเป็นนัยนัยใกล้แล้วหนอ
ใกล้จะกลับ“บ้านเก่า”ก็เฝ้ารอ รู้“เพียงพอ”อยู่มานาน รำคาญเช่นกัน
ช่วงที่ลมหายใจยังไม่หยุด ก็ขอขุดขอคุ้ยลุยนี่นั่น
จะหนักเบากระเซ้าเล่นเน้นสัมพันธ์ จงเชื่อมั่นที่ท้วง...เพราะห่วงใย
ตาม“สมควร”ไปเที่ยวแป๊บเดียวครับ เสร็จจะกลับทันที ไม่หนีไปไหน
ขอสูดอากาศให้คล่องห้องหัวใจ อาจจะมีชีวิตไปอีกหลายปี
“ท้องทะเลป่าเขาของเราสวย” เป็นจริงด้วยที่แนะนำทำหน้าที่
สนับสนุน“ท่องเที่ยวไทย”ให้ไปดี ผลทวีสู่สมัย“ไทยนิยม”(เฮ)
เบี้ย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี