หัวใจสำคัญที่ทำให้กองทุนหมู่บ้านมีความยั่งยืนมาถึง17 ปี “เพราะเราเชื่อว่าชาวบ้านมีความฉลาด มีประสบการณ์สามารถแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ข้าราชการหรือหน่วยราชการเข้ามาก้าวก่ายเกี่ยวข้องกำหนดกฎเกณฑ์หรือใช้อำนาจสั่งการใดๆ”
“ต่างจากแนวคิดของราชการที่ยังมองประชาชนว่ายังไม่มีความฉลาดไม่มีประสบการณ์ เพียงพอและไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง”
จึงต้องคิดให้ทำให้ ต้องมีการฝึกอบรม ต้องฟังคำสั่งและปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้าราชการและที่หน่วยราชการกำหนด
เมื่อเอามาให้ชาวบ้านก็รับ แต่ทำไปแล้วล้มเหลวชาวบ้านก็ไม่รับผิดชอบเพราะชาวบ้านบอกว่าที่ล้มเหลวเพราะเป็นความผิดที่ทางราชการมาสั่งให้ทำ นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้โครงการที่ริเริ่มจากรัฐบาลและราชการจึงไม่ประสบความสำเร็จและไม่ยั่งยืน
สำหรับสถาบันการเงินประชาชนที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ริเริ่มจากรัฐบาล หน่วยราชการและธนาคารของรัฐ ที่มองเห็นว่าองค์กรการเงินของประชาชนที่มีทั้งกลุ่มออมทรัพย์ที่ชาวบ้านในหมู่บ้านได้ออมเงินส่วนตัวและกองทุนหมู่บ้านที่มีทั้งเงินที่รัฐจัดให้และเงินออมของชาวบ้าน มีเงินหมุนเวียนเป็นจำนวนมากและมีการบริหารจัดการที่หลากหลายอย่างไม่มีระบบและไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือราชการ จึงต้องออกกฎหมาย เพื่อให้ธนาคารของรัฐได้เข้าไปให้การสนับสนุนและจัดระบบให้เป็นไปตามกติกาที่คณะกรรมการภาครัฐเป็นผู้กำหนด
ร่างแรกที่ออกมาเป็นการบังคับให้องค์กรการเงินภาคประชาชนต้องเข้ามาอยู่ภายใต้กฎหมายที่จะออกมาใหม่แต่ได้รับการคัดค้านจึงได้มีการปรับปรุงแก้ไขเป็นการให้เข้ามาด้วยความสมัครใจ แต่ยังต้องทำภายใต้เงื่อนไขกติการะเบียบที่ภาครัฐหน่วยราชการและธนาคารของรัฐเป็นผู้กำหนด
ทำให้เห็นว่า นอกจากไม่เข้าใจความหลากหลายของปัญหา ความจำเป็นและความต้องการที่ไม่เหมือนกันในแต่ละหมู่บ้านแล้ว ยังไม่เชื่อมั่นในภูมิปัญญาชาวบ้านว่ามีความฉลาดพอที่จะบริหารจัดการเงินของตัวเองได้ดีและมีประสิทธิภาพ ยังเป็นการรวบอำนาจจากประชาชนเพราะเป็นการให้หน่วยราชการและธนาคารของรัฐเข้าไปบริหารจัดการแทนการบริหารจัดการของประชาชน ซึ่งสวนทางกับกระบวนการประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมและการกระจายอำนาจโดยสิ้นเชิง
ทั้งที่กลุ่มออมทรัพย์ต่างๆ ตั้งมาหลายสิบปีและกองทุนหมู่บ้านที่มีอายุกว่า 17 ปี ได้มีการบริหารจัดการมาอย่างดีและมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับของประชาชนที่เป็นสมาชิก ทั้งที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ หน่วยราชการและธนาคารของรัฐ
รัฐมนตรีกอบศักดิ์ ภู่ตระกูล อาจจะมีเจตนาดีในการช่วยเหลือสนับสนุนองค์กรการเงินประชาชนเรื่องการบริหารจัดการผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยให้ธนาคารของรัฐเข้าไปสนับสนุน แต่ท่านอาจจะไม่เคยได้สัมผัสกับภาคประชาชนอย่างลึกซึ้ง จึงอาจมองข้ามที่มา ปรัชญา อุดมการณ์และหลักการของการจัดตั้งกองทุนต่างๆ ในหมู่บ้าน อาจไม่ได้รับข้อมูลที่สมบูรณ์และถูกต้อง จนทำให้นโยบายและเจตนาที่ดีกลายเป็นปัญหาที่จะทำให้ชาวบ้านไม่สามารถยืนอยู่บนขาของตัวเองได้
ที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องมีกฎหมาย ที่ดึงเอาอำนาจประชาชนไปให้ภาครัฐ แต่รัฐมนตรีซึ่งมีอำนาจสามารถกำหนดเป็นนโยบายและมอบหมายให้ธนาคารของรัฐเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนตามเจตนารมณ์ที่รัฐมนตรีต้องการจะเกิดผลดีกับรัฐบาลมากกว่า
สรุปสั้นๆ ว่า ความแตกต่างของกองทุนหมู่บ้านคือการบริหารจัดการเงินที่เป็นของประชาชนโดยประชาชน เพื่อประชาชน ซึ่งเป็นการกระจายอำนาจ แต่สถาบันการเงินประชาชน คือ การเข้ามาบริหารจัดการเงินของประชาชนโดยธนาคารของรัฐ ซึ่งเป็นการรวบอำนาจ
สุวิทย์ คุณกิตติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี