สถานการณ์จากนี้ไปคงต้องจับตาอย่ากะพริบเพราะมีสัญญาณการเดินเกมสุมไฟป่วนเมืองขั้นแตกหักของเครือข่ายขบวนการเพื่อแม้วที่ใช้แผนแยกกันเดินแต่ร่วมกันตี โดยอาศัยกลุ่มนักศึกษาหน้าเดิมเป็นหัวหอก โดยมีพรรคเพื่อแม้ว นักวิชาการและกองกำลังแดงฮาร์ดคอร์คอยหนุนหลังโดยพร้อมที่จะเปิดหน้าออกมาดับเครื่องชนเมื่อสถานการณ์สุกงอม
การแสดงพลังที่อ้างประชาธิปไตยและการเลือกตั้งบังหน้าของมวลชนที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นมวลชนจัดตั้ง 200-300 คน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่10 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือเป็นการหยั่งเชิงสุมไฟป่วนเมืองยกแรกของขบวนการจ้องล้มอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อหยั่งกระแสมหาชน ซึ่งผลก็ปรากฏออกมาแล้วว่า แผนสุมไฟหวังให้ประชาชนลุกฮือจุดไม่ติดจน นายรังสิมันต์ โรม หนึ่งในแกนนำนักศึกษาที่เป็นหัวโจกการเคลื่อนไหวประกาศแก้เกี้ยวว่าจะไม่เลิกล้มการเคลื่อนไหวโดยจะมีการปลุกประชาชนให้ออกมาแสดงพลังครั้งต่อไป
แผนสุมไฟที่จุดไม่ติดทำให้เหล่าแกนนำนักศึกษาที่ออกมาปลุกม็อบป่วนเมืองครั้งนี้ อาทิ เป็น นายสิรวิชญ์เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” นายรังสิมันต์ โรม ถึงกับหัวเสียที่ไม่มีพลังมวลชนมาตามนัด และไม่มีนักการเมืองที่คอยหนุนหลังออกมาร่วมเคลื่อนไหวด้วย ถึงกับโวยวายให้นักการเมือง ออกมาแสดงบทบาทบ้าง ไม่ใช่หลอกใช้เด็กให้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างโดดเดี่ยว
ทันทีหลังการออกมาโวยวายของนักเคลื่อนไหวในคราบนักศึกษาทำเอา นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อแม้ว รีบออกมาขานรับทันทีโดยประกาศว่าการที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ออกมาร่วมเคลื่อนไหวเพราะเกรงจะถูกป้ายสีว่าอยู่เบื้องหลังนักศึกษา แต่เมื่อมีเสียงเรียกร้องจากน้องๆ ก็บอกเลยว่า ชุมนุมครั้งหน้าไปเจอกันบนเวทีแน่
ขณะที่ นายวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการพรรคเพื่อแม้ว แกนนำเสื้อแดง ส่งสัญญาณว่า ขณะนี้ประชาชนและนักศึกษาไม่เกรงกลัวคณะยึดอำนาจอีกต่อไป และให้ระวังการเคลื่อนไหวของพลังนักศึกษาประชาชนครั้งนี้จะซ้ำรอยเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงบริบทเบื้องหลังและความชอบธรรมของเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 2516 กับสถานการณ์ในปัจจุบันต่างกันสิ้นเชิง
จากท่าทีของ นายวัฒนา เหมือนเป็นสัญญาณว่าพรรคเพื่อแม้วเริ่มเลิกเป็นอีแอบและเปิดตัวพร้อมร่วมกันเดินกับกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวป่วนเมืองอย่างเปิดเผยจากนี้เป็นต้นไป
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า บรรดาอดีตสส.พรรคเพื่อแม้วทยอยเดินทางไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้องอดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ที่ขณะนี้บินมาป้วนเปี้ยนเย้ยกฎหมายและท้าทายอำนาจรัฐคสช.อยู่ที่กรุงปักกิ่งของจีน ซึ่งการเผยโฉมอย่างเปิดเผยของสองพี่น้องตระกูลชินครั้งนี้มีนัยทางการเมืองกล่าวคือ เป็นการส่งสัญญาณปลุกขวัญให้บรรดาอดีตสส.พรรคเพื่อแม้วเกาะกลุ่มกันให้เหนียวแน่นไม่คิดตีจากและเตรียมพร้อมเพื่อเปิดศึกครั้งใหญ่ทุกรูปแบบ
ข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่งก็คือทุกครั้งที่นายใหญ่ระบอบแม้วมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ ประเทศไทยมักจะเป็นสัญญาณลางบอกเหตุร้ายป่วนเมืองบางอย่าง
ด้านคสช.มีรายงานข่าวว่าในการประชุมคสช.ครั้งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ หัวหน้าคสช. กำชับให้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาทผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคสช. ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงนี้อย่างใกล้ชิดและระมัดระวังการดำเนินคดีกับกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวเพราะอาจเป็นข้ออ้างทำให้สถานการณ์บานปลายโดยขบวนการเคลื่อนไหวทั้งหมดที่ล้วนเป็นพวกเดียวกันหวังสร้างสถานการณ์ให้เหมือนเหตุการณ์ 14 ตลาฯ 2516
พร้อมกันนี้ให้จับตาความ
เคลี่อนไหวของกลุ่มหัวรุนแรงเนื่องจากอาวุธสงครามจากประเทศเพื่อนบ้านที่ทะลักเข้าไทยในเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 จนบัดนี้ยึดคืนมาได้เพียง 50% เท่านั้น
สถานการณ์จากนี้ไปจึงแหลมคมและมีแนวโน้มร้อนแรงขึ้นทุกขณะจากเกมยั่วยุและสุมไฟของขบวนการหน้าเดิมๆ ที่วางสร้างสถานการณ์ให้เหมือน14 ตุลาฯโมเดล อย่างไรก็ตาม เชื่อประชาชนส่วนใหญ่ตื่นรู้และคงไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของขบวนการซึ่งเป็นคนแค่หยิบมือเดียวที่บงการสุมไฟป่วนเมืองเพื่อตัวเองหวังกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เป็นจำเลยของประเทศจากปูมหลังอันชั่วร้ายและเป็นต้นเหตุสำคัญของวิกฤติชาติตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี