วันนี้ต้องว่ากันด้วยเรื่องฮับกันอีกสักครั้งหนึ่ง เพราะว่าบ้านเมืองของเราทุกวันนี้คลั่งไคล้ในเรื่องฮับ เอะอะอะไรขึ้นมาก็ต้องโม้ไว้ก่อนว่าจะทำให้เป็นฮับ ซึ่งหมายว่าจะทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้เป็นศูนย์กลางหรือศูนย์รวมของเรื่องนั้นในประเทศไทย หรือในภูมิภาค หรือในโลกด้วย ราวกับว่าหากไม่ทำอะไรให้เป็นศูนย์กลางแล้วก็จะเป็นการเชย และไม่มีน้ำยา
ดังนั้นในวันนี้จึงมีการโม้โอ้อวดเรื่องจะเป็นฮับกันในสารพัดเรื่อง เช่น เป็นฮับการบิน เป็นฮับการคมนาคม เป็นฮับรถไฟ เป็นฮับการค้า เป็นฮับการท่องเที่ยว
กระทั่งเป็นฮับทุเรียน
ก่อนที่จะมีข่าวคราวเรื่องฮับทุเรียน ก็มีข่าวคราวว่าจะมีการทำให้จังหวัดจันทบุรีเป็นฮับอัญมณีของภูมิภาคและของโลก ซึ่งหมายความว่าจะมีการส่งเสริมพัฒนาจังหวัดจันทบุรีให้เป็นศูนย์กลางการผลิต การแปรรูป และการค้าอัญมณีของประเทศไทยของภูมิภาค และของโลกด้วย
ใครๆ ได้ฟังข่าวเรื่องนี้คงจะปลื้มใจยินดี โดยมิพักต้องสงสัยใดๆ เลย เพราะคนทั่วไปเคยได้ฟังได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้วว่า จังหวัดจันทบุรี เป็นพื้นที่ที่มีทับทิม ซึ่งเป็นพลอยสีชนิดหนึ่งที่มีความสวยงาม มีชื่อเสียงติดลำดับโลก และในพื้นที่จันทบุรี ก็มีช่างเจียระไนทับทิมที่มีชื่อเสียงมากจะเป็นรองก็แต่ช่างเจียระไนของอิตาลีเท่านั้น แต่เนื่องจากค่าเจียระไนและแปรรูปที่จันทบุรีถูกกว่ามากจึงเป็นเชิงพาณิชย์ที่ลือชื่อของโลก ไม่ได้ด้อยไปกว่าอิตาลี
นั่นเป็นเรื่องอดีต แต่ทรัพยากรดังกล่าวนั้นก็มีจำกัด ดังนั้นเมื่อมีความนิยมเกิดขึ้นจึงมีการขุดหาอัญมณีดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน และในที่สุดอัญมณีอันล้ำค่าก็หมดหรือเกือบหมดไปจากจันทบุรี แต่เนื่องจากช่างเจียระไนในพื้นที่นั้นมีฝีมือเลิศล้ำ จึงมีการนำเข้าอัญมณีจากที่อื่นทั้งใกล้และไกลเข้ามาว่าจ้างให้ทำการแปรรูปเพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
แต่ทว่าการเจียระไนและการแปรรูปจากวัตถุดิบที่นำเข้าจากแหล่งอื่นนั้น หากจะเปรียบเทียบกับการเจียระไนและการแปรรูปในพื้นที่อื่นๆ แล้ว ก็ต้องถือว่ามีสัดส่วนน้อยกว่าน้อย และต้องบอกให้รู้โดยทั่วกันว่าพื้นที่ที่มีการเจียระไนและแปรรูปอัญมณีที่มีปริมาณมากที่สุดนั้นคือพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ดังนั้นความคิดและความเข้าใจที่จะทำให้จันทบุรีเป็นฮับของอัญมณี จึงเป็นเรื่องที่สำคัญผิดและไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ถ้าคิดที่จะสร้างหรือตั้งฮับอัญมณีจริงๆ แล้วก็ต้องตั้งที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเมืองหลวง และสภาพความเป็นจริงก็เป็นศูนย์กลางการค้าขายอัญมณีอยู่แล้วในปัจจุบันนี้
กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีช่างเจียระไนอัญมณีประเภทต่างๆ รวมทั้งเพชร มากกว่าพื้นที่ใดในประเทศไทยและมีมากกว่าแทบทุกประเทศในโลก ที่สำคัญล้วนเป็นช่างเจียระไนและช่างแปรรูปที่มีฝีมือเลิศล้ำในโลก คือเป็นรองก็แต่อิตาลี แต่เมื่อเทียบกับราคาแล้วต้องถือเป็นเลิศและดีที่สุดของโลก
ในโลกเราทุกวันนี้แหล่งแปรรูปและการค้าอัญมณีสำคัญมีอยู่สามแห่ง คือ ที่ตะวันออกกลางซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ดูไบ และอินเดีย แห่งที่สามก็คือประเทศไทยของเรา ดังนั้นจึงมีการแย่งชิงผู้แปรรูปและผู้จำหน่ายอัญมณีระหว่างอินเดียกับดูไบอย่างรุนแรง แข่งกันลดภาษีแย่งชิงเป็นศูนย์หรือเป็นฮับอัญมณี
เมื่อเร็วๆ นี้ ดูไบได้ลดภาษีอัญมณีจากประมาณ 17% เหลือเพียง 3.5% เพื่อดึงดูดผู้แปรรูปและผู้ค้าอัญมณีจากอินเดีย ทำให้นายกรัฐมนตรีโมดีของอินเดีย ต้องแก้ลำครั้งใหญ่
โดยลดอัตราภาษีแข่งขันเหลือเพียง 0.25% และดึงตลาดกลับคืนมาสู่อินเดีย
ผลปรากฏว่าทั้งที่ลดอัตราภาษีขนาดนั้นแล้ว อินเดียสามารถเก็บภาษีจากเดิมเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ซึ่งเป็นไปตามปรัชญาการจัดเก็บภาษีคือ เมื่อฐานภาษีขยายกว้างก็จะจัดเก็บภาษีได้มากขึ้นเป็นธรรมดา
แต่ทว่าการแข่งขันระหว่างดูไบกับอินเดียนั้นไม่กระทบต่อตลาดอัญมณีของประเทศไทย เพราะความมีฝีมือของช่างและความคิดอ่านสร้างสรรค์ในการแปรรูปรวมทั้งรากฐานการค้าอัญมณีที่แน่นหนามั่นคงในประเทศไทยจึงมีฐานะเป็นศูนย์กลางโดยธรรมชาติ แต่กลับถูกมองข้ามไปตลอดมา
ก็ขอบอกคนที่อำนาจหน้าที่ให้ได้รู้โดยทั่วไปว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งนำเข้าวัตถุดิบหรืออัญมณีที่ยังไม่ได้แปรรูปมากที่สุดในโลก นำเข้ามาเพื่อเจียระไนและแปรรูป และจำหน่าย ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายอัญมณีของโลก รวมทั้งการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
และต้องบอกให้รู้อีกว่า แม้ตัวเลขทางการส่งออกอัญมณีของประเทศไทยจะอยู่ในอันดับที่สามหรือมากกว่านั้น แต่มูลค่าที่แท้จริงคือมูลค่าการส่งออกอัญมณีของประเทศไทยมีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 1 มากกว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าประเภทอื่นมากกว่ามาก
เหตุที่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากประเทศไทยจัดเก็บภาษีอัญมณีในอัตราที่สูงลิบลิ่ว เทียบไม่ได้กับอัตราภาษีของอินเดียและดูไบ รวมทั้งเก็บยุบเก็บยับและมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมาก เช่น เมื่อมีการนำเข้าวัตถุดิบก็จะมีการเรียกเก็บภาษีเสียชั้นหนึ่งก่อน ในขณะที่หลายประเทศจะได้รับยกเว้นภาษี หรือถ้าหากเรียกเก็บก็จะให้เป็นเครดิตภาษีสำหรับอัญมณีที่แปรรูปจากวัตถุดิบนั้น
หรือในกรณีนำวัตถุดิบเข้ามาแล้วไม่สามารถตกลงเรื่องการแปรรูปได้ ก็จะส่งกลับออกไปก็จะต้องเสียภาษีอีก หรือเมื่อมีการส่งตัวอย่างอัญมณีแปรรูปไปต่างประเทศเพื่อแสดงสินค้า หรือเพื่อดูตัวอย่างก็ต้องเสียภาษี เมื่อนำเข้ามาก็ต้องเสียภาษี เป็นต้น
และเนื่องจากอัตราภาษีที่เรียกเก็บเป็นอัตราที่สูงมาก ดังนั้นจึงจูงใจให้มีการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีขนานใหญ่ ทั้งๆ ที่ผู้ประกอบการทั้งหลายไม่มีความประสงค์เช่นนั้นแต่หากไม่ทำเช่นนั้นแล้วก็จะไม่สามารถต่อสู้กับการแข่งขันในต่างประเทศได้
ดังนั้นถ้าจะทำประเทศไทยให้เป็นฮับอัญมณีก็ต้องทำที่กรุงเทพฯ และถ้าจะทำให้การจัดเก็บภาษีได้มากขึ้นก็ควรจะดูตัวอย่างที่ประเทศอินเดียได้ดำเนินการไปแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี