นับเป็นการปรับกระบวนยุทธ์อย่างทันเกมส์ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกประธานเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯว่า “ไทยแลนด์เฟิร์ส” หลังจากสหรัฐฯถอยร่นไม่เป็นท่า เมื่อเกาหลีเหนือ-ใต้ และสหภาพพม่าต่างก็บอกอเมริกาว่า ให้ความสำคัญกับเรื่องภายในประเทศ มากกว่าความต้องการต่างชาติ
บนคาบสมุทรเกาหลี คู่กรณีเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ได้เข้าโหมดปรองดองสานความสัมพันธ์ผ่านการกีฬา แต่สหรัฐฯพยายามขัดขวางการฟื้นฟูความสัมพันธ์ฉันน้องพี่นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีประกาศก่อนออกเดินทางมาร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพว่า “เราจะไม่ยอมให้เกาหลีเหนือทำโฆษณาชวนเชื่อใน พยองซางเกมส์ เราต้องทำทุกวิถีทางกดดันให้เปียงยาง ยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์...” ไมค์ เพนซ์ตัวแทนวอชิงตัน ที่ไม่พอใจตั้งแต่เกาหลีใต้ งดเว้นการซ้อมรบ เพื่อสร้างบรรยากาศปรองดองระหว่างโอลิมปิกฤดูหนาว
นายคิม จอง อึล ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าววันปีใหม่ว่าถ้าความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีลดลง เปียงยางอาจส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปร่วมพยองซางเกมส์ เมื่อได้รับสัญญาณที่ดี สองเกาหลีก็ชื่นมื่น นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งหญิงเกาหลีเหนือ-ใต้ รวมเป็นทีมเดียวกัน นักกีฬาสองประเทศเดินขบวนเข้าสนามในพิธีเปิด ภายใต้ธงรวมชาติผืนเดียวกัน
นักแสดงและเชียร์ลีดเดอร์ “กองเชียร์โฉมงาม”อันเลื่องชื่อเกาหลีเหนือ พร้อมด้วยทัพนักกีฬากว่า 300 ชีวิตเดินทางโดยเรือโดยสารเข้าเทียบท่าเมืองมักโปของเกาหลีใต้นอกจากได้รับอนุโลมให้เรือเกาหลีเหนือซึ่งถูกห้ามเทียบท่าตามมติคว่ำบาตรยูเอ็น เกาหลีใต้ยังได้สนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่คณะเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นสิ่งบาดตาบาดใจสหรัฐฯและฟางชิ้นสุดท้ายบนหลังลาเกิดขึ้น เมื่อคิม โย จอง น้องสาวคิม จอง อึล ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือพร้อมคณะเดินทางมาถึงโดยเครื่องบินเจ๊ต ที่มีตัวหนังสือสีขาวบนเครื่องว่า “สาธารณรัฐประชาชนประชาธิปไตยเกาหลี”
คิม โย จอง เป็นผู้นำสูงสุดของราชวงศ์คิมที่เดินทางมาเยือนเกาหลีใต้นับแต่สงครามเกาหลีเหนือใต้ยุติในปี 2496เธอมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงนำโดยนายคิม ยอง นัม ประธานสภาเปรซิเดียม ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งรัฐเชิงพิธีการ ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น ในพิธีรับรองที่จัดไว้เป็นพิเศษสำหรับแขกวีไอพี นายไมค์ เพนซ์ จับมือกับแขกสำคัญๆเช่น นายซินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แต่ไม่ได้จับมือกับคิม โย จอง และคิม ยอง นัม เขาทักทายเจ้าภาพและแขกคนอื่นเล็กน้อย ก่อนหลบฉากออกมา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าสาเหตุที่ไมค์ เพนซ์ไม่ได้จับมือกับแขกวีไอพีจากเปียงยาง เพราะทราบมาว่า เขาถูกจัดให้นั่งตรงกันข้ามกับคิม ยอง นัม ในโต๊ะอาหารที่เจ้าภาพเตรียมไว้สำหรับ 12 ที่นั่ง ราวกับเตรียมการให้เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้แทนสูงสุดจากเกาหลีเหนือ เมื่อออกมาจากภาพบาดตาบาดใจที่ผู้แทนเกาหลีเหนือได้รับการเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ นายไมค์ เพนซ์ ไปหาความสะใจด้วยการพบปะกับผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือและญาติชาวอเมริกันผู้ที่เคยถูกคุมขังจนเสียชีวิตในเกาหลีเหนือ เพื่อหาทางขยายความบาดหมาง นี่คือ วิธีการทูตชั้นต่ำของสหรัฐฯ เมื่อพบว่าเจ้าภาพให้ความสำคัญกับผู้อื่นมากกว่า ตนจะรีบปัดก้นออกมา เหมือนกับคราที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมประชุมอาเซียนซัมมิตในฟิลิปปินส์ พอเห็นเจ้าภาพให้ความสำคัญกับจีนมากกว่า นายทรัมป์ก็ผละออกมาก่อนการประชุมอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้น
เสียท่าการทูตจากคาบสมุทรเกาหลี สหรัฐฯหันมาเล่นงานพม่า นายจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกจากรัฐแอริโซนาโกรธที่พม่าซื้อเครื่องบินรบ su-30 หกลำจากรัสเซีย จึงเรียกร้องให้คว่ำบาตรกองทัพพม่า ไม่ให้นานาชาติและเพื่อนบ้านมีปฏิสัมพันธ์กับทหารพม่า ตลอดถึงการมีส่วนฝึกคอบราโกลด์ซึ่งพม่าเป็นหนึ่งในสิบประเทศสังเกตการณ์การซ้อมรบที่มีขึ้นทุกปี ถ้อยแถลงของนายแมคเคนสร้างความไม่พอใจให้ผู้นำกองทัพพม่าจนพลเอกหมิ่น ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดพม่าตอบโต้ว่า “ประเทศเล็กๆ อย่างพม่า เผชิญกับการดูแคลนและคุกคามจากมหาอำนาจ ตราบใดที่กองทัพของประเทศอ่อนแอ จำเป็นที่กองทัพต้องพัฒนาและแสดงศักยภาพออกมา”
กองทัพพม่าแสดงแสนยานุภาพด้วยการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี ในชื่อรหัส Sinbyushin ตามพระนามกษัตริย์พม่าผู้นำทัพทำสงครามกับประเทศจีนและสยามในศตวรรษที่ 18(Sinbyshin น่าจะเป็นพระเจ้ามังระที่ถอนทัพจากอยุธยา เพื่อรีบไปรับหน้ากองทัพจีนในรัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลง) การซ้อมรบรหัส Sinbyushin ใช้กำลังพล 8,000 นายจากกองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศ บนพื้นที่ 500,000 เอเคอร์ ในเมืองปาเต๊ง ตะวันตกเฉียงใต้ของพม่า
การซ้อมรบที่ประกอบด้วยยิงปืนใหญ่ ทิ้งระเบิดทางอากาศ และยกพลขึ้นบก ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์พลเอกหมิ่น ออง หล่าย กล่าวกับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นว่า พม่ามีกองทัพใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีกำลังพลกว่า 400,000 นาย แต่ศักยภาพในการสู้รบในสงครามยุคใหม่ยังด้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงจำเป็นต้องพัฒนากองทัพให้ทันสมัยด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ ปฏิรูปการคัดเลือกบุคลากร ตลอดถึงสร้างเสริมความสัมพันธ์กับกองทัพต่างชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี
สหรัฐฯซึ่งถอยร่นจากคาบสมุทรเกาหลีและพม่า เพราะแต่ละประเทศแสดงให้เห็นว่า ผลประโยชน์ในชาติต้องมาก่อน ในประเทศไทย พลเอกประยุทธ์ก็ไม่น้อยหน้าบอกสหรัฐฯว่าผลประโยชน์ในชาติข้าต้องมาก่อน ดังที่นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อประธานเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯว่า “เราเองก็เหมือนกับประเทศสหรัฐ ที่ประธานาธิบดีกล่าวว่าอเมริกันเฟิร์ส ผมก็บอกว่าไทยแลนด์เฟิร์สเหมือนกัน โดยจะต้องดูแลคนของเราด้วย ดูแลผลประโยชน์ของประเทศด้วย วันนี้เราเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศในนโยบายที่เรียกว่าไทยนิยม”
พลเอกประยุทธ์กล่าวด้วยว่า จะเดินหน้าการเลือกตั้งหรืออะไรก่อนหลังแล้วแต่ ต้องรักษาศักยภาพของประเทศไว้ให้ได้ ยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการจะยืดเวลาการเลือกตั้งออกไปอีก เพราะประเทศจะต้องเดินไปข้างหน้า เราจึงต้องมีวิธีการนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็งตามเวลาที่กำหนด ซึ่งมีอยู่ 2 อย่างคือ “1.ผมกำหนด 2.กฎหมายกำหนด” หัวหน้า คสช. กล่าวว่า “ต้องรักษาศักยภาพของประเทศไว้ให้ได้” แสดงความมั่นใจว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ไม่สามารถสั่นคลอนรัฐบาลได้ตราบใดที่มีดาบอาญาสิทธิ์อยู่ในมือวลีเด็ดที่บอกความในใจของนายกรัฐมนตรีคือ เป็นไปตามกำหนดซึ่งมีอยู่ 2 อย่าง 1.ผมกำหนด 2.กฎหมายกำหนด หมายความว่า ถ้ากระบวนการทำกฎหมายลูกมีปัญหาหัวหน้า คสช. ก็จะใช้มาตรา 44 กำหนดวันเลือกตั้ง
ประธานเสนาธิการกองทัพสหรัฐฯ เมื่อฟังหัวหน้า คสช.สาธยาย จะพูดอะไรได้ นอกจากคำว่า “เราเพียงแต่ให้กำลังใจในการเดินหน้าเข้าสู่ประชาธิปไตย สหรัฐฯเข้าใจถึงความจำเป็นของไทยในวันนี้ โดยให้กำลังใจและขอให้ดำเนินการสำเร็จตามที่วางไว้ และเพื่อแสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพยังแน่นแฟ้น การซ้อมรบคอบราโกลด์จะกลับมายิ่งใหญ่”
สหรัฐฯซึ่งทำอิดเอื้อนไม่อยากมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลทหาร แต่พอไม่มีที่ไป ก็คุยโอ่ว่าคอบราโกลด์ 2018 จัดแบบชุดใหญ่ไฟกะพริบเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีศูนย์ประชาสัมพันธ์ฝึกร่วมผสม คอบราโกลด์ระบุว่า การฝึกร่วมผสมกองทัพไทยและสหรัฐฯ ภายใต้รหัสการฝึก Cobra Gold 2018 เปิดฉากในวันที่ 13-23 ก.พ. 2561 ในพื้นที่ ภาคตะวันออกและนครราชสีมา นอกจากประเทศร่วมฝึกหลัก ตามปกติ อาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เช่นทุกปีที่ผ่านมาแล้วยังมีประเทศร่วมฝึกช่วยเหลือประชาชน ได้แก่ จีนและอินเดีย และเป็นประเทศร่วมฝึกโปรแกรมบรรเทาสาธารณภัยเท่านั้น อาทิ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส อังกฤษ บังกลาเทศ มองโกเลีย เนปาล ฟิลิปปินส์ ฟิจิ และนิวซีแลนด์ ประเทศเข้าร่วมสังเกตการณ์มีบรูไนสปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม เยอรมนี ปากีสถานศรีลังกา บราซิล และสวีเดน ทั้งนี้รวมยอดทหารที่มาฝึกในทุกการฝึก ทั้งภาคที่ตั้งและภาคสนามราว 12,000 คน เป็นกำลังฝ่ายไทย 5,600 คน ฝ่ายสหรัฐฯ 5,800 คน สิงคโปร์ 50 คน ญี่ปุ่น 146 คน อินโดนีเซีย 68 คน เกาหลีใต้ 200 คน มาเลเซีย 84 คน จีน 44 คน และ อินเดีย 44 คน
ประธานเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯจำกัดการพูดจาอยู่ที่ความร่วมมือระหว่างกองทัพ ที่มีชาติต่างๆ เกือบครึ่งโลกเข้าร่วมซ้อมรับโดยไม่ยกเรื่องเลือกตั้งมาพูดจา แสดงว่าอเมริกา เริ่มเข้าใจว่าปัญหาภายในของไทยต้องให้คนไทยแก้ปัญหา ดังที่ประธานาธิบดีทรัมป์พูดว่า เขาต้องแก้ปัญหาให้คนอเมริกาก่อน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี