เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ถึงการรณรงค์ของภาคประชาชนชาวไทยกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งที่มีการเรียกร้องขอให้รัฐบาลพิจารณาตั้งคณะกรรมการศึกษาการขุดคลองเชื่อม 2 ฝั่งมหาสมุทรจากทะเลอันดามันมายังทะเลอ่าวไทยว่าไม่ใช่นโยบายของรัฐบาลชุดนี้
ซึ่งก็จริงว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นนโยบายของรัฐบาลแต่เป็นการริเริ่มจากภาคประชาชนจากหลายๆ ฝ่ายได้ร่วมมือกันคิดถึงอนาคตของประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า ว่าต่อไปคนไทยที่มีอยู่ 66 ถึง 67 ล้านคน จะมีอนาคตข้างหน้าต่อไปอย่างไร เพื่อให้ประเทศพ้นจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางก้าวไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วเหมือนเพื่อนบ้านในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น
ปัจจุบันไทยมีรายได้ประชาชาติต่อปีประมาณ 1,300 ทริลเลี่ยนดอลลาร์อเมริกัน เฉลี่ยคนไทยจะมีรายได้เดือนละ 5 หมื่นบาท เทียบกับ 9 ชาติเพื่อนบ้านอาเซียนแล้วไทยเราเป็นรองอินโดนีเซียโดยอยู่อันดับ 2 ในด้านรายได้ประชาชาติส่วนรายได้ต่อหัวจะเป็นรองสิงคโปร์ และมาเลเซีย
ส่วนประเทศอื่นๆ นั้นวิเคราะห์ตามหลักวิชาเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยาอย่างละเอียดแล้วไทยเหนือกว่าอีกนานกว่าที่เขาจะตามเราทันนี่ไม่ได้ประมาทเขาถ้าเจาะลึกปัญหาถ้าคนไทยตั้งใจทำงานไม่ทะเลาะกันเหมือน 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศของเราได้ไปโลดแน่นอนเพราะฐานะเศรษฐกิจปัจจุบันอยู่ในอันดับ 20 ของโลกแล้วเพียงจุดประกายอีกนิดก็จะก้าวไกลไป
ข้างหน้าอย่างแน่นอน
หัวรถจักรเศรษฐกิจของไทยขณะนี้ประกอบด้วยเครื่องจักร 4 เครื่อง ได้แก่ การส่งสินค้าออก, การให้บริการด้านการสาธารณสุข, การศึกษาและการเงิน, การบริโภคในประเทศ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรัฐบาลชุดนี้ได้เพิ่มหัวรถจักรเครื่องที่ 5 ขึ้นคือ โครงการอีอีซีแต่รัฐบาลได้ลืมหัวรถจักรเครื่องที่ 6 คือ คลองไทยตามเส้นทาง 9 เอ ที่มีระยะทาง 135 กม.
เครื่องจักรเครื่องที่ 6 นี้มีความสำคัญสำหรับ 14 จังหวัดภาคใต้ ปัจจุบันอย่าลืมว่าภาคใต้ขณะนี้อยู่ได้เพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้ง 2 ฝั่งทะเลเป็นรายได้หลัก 5 จังหวัด ที่เป็นตัวชูโรงนำรายได้เข้าประเทศคือ กระบี่, พังงา, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี และสงขลา การมีเครื่องจักรเศรษฐกิจตัวที่ 6 ก็คือการขุดคลองไทยเชื่อม 2 ฝั่งทะเลให้เกิดขึ้น
แม้จะต้องใช้เงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท ก็จริงแต่จากการศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการอย่างละเอียดของมหาวิทยาลัยทั้งไทยและต่างชาติไม่น้อยกว่า 7 สถาบัน ค้นพบว่าถ้าตั้งบรรษัทลงทุนนานาชาติขึ้นมาดำเนินงานรัฐบาลไทยแทบไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐเองเลยกองทุนนานาชาติสามารถจะเข้ามาแบกรับภาระทั้งหมด
โครงการนี้จะสร้างงานให้แรงงานไทยและแรงงานชาติอาเซียนใน 10 ปีแรก ปีละ 2 ล้านตำแหน่ง และ 10 ปีต่อไป อาจจะเพิ่มเป็น 3 ล้านตำแหน่ง ช่วง 5 ปีแรก ที่โครงการสำเร็จรายได้ประชาชาติจะเพิ่มปีละ 1 ล้านล้านบาทและอีก 15 ปีถัดไป จะเพิ่มรายได้เป็นถึง 3 ล้านล้านบาท นี่คือข้อเท็จจริงที่รัฐบาลน่าจะรับไว้พิจารณาเพราะนี่คืออนาคตของประเทศชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี