นับเป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าเป็นห่วงอนาคตชาติบ้านเมืองเมื่ออำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)แทนที่จะยอมสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต กลับแสดงจุดยืนชัดเจนดันทุรังที่จะปกป้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ “บิ๊กป้อม” รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ในกรณีนาฬิกาหรู 25 เรือน ที่อ้างว่าเพื่อนให้ยืมใส่และคืนไปหมดแล้วโดยไม่ฟังกระแสสังคม ด้วยการเดินเกมตั้งป้อมสู้กับพลังบริสุทธิ์ที่เรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร แสดงสปิริตลาออก
ล่าสุด พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังคงออกมาแถลงตอบโต้หลังจากที่เมื่อไม่กี่วันก่อน นางทิชา ณ นคร อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ได้นำรายชื่อประชาชน 80,018 รายชื่อ ที่แสดงความเห็นผ่านทางเว็บไซต์เรียกร้องให้ “บิ๊กป้อม” แสดงสปิริตลาออกเพื่อสร้างแบบอย่างบรรทัดที่ถูกต้องของผู้นำระดับสูงในรัฐบาลยื่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ หัวหน้าคสช.โดยโฆษกกระทรวงกลาโหมยืนกรานว่า “บิ๊กป้อม” จะไม่ลาออกแน่นอนและไม่หวั่นไหวต่อกระแสกดดันเพราะยังมีประชาชนยอมรับในการทำงานของ “บิ๊กป้อม” พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า ไม่เข้าใจเจตนาของนางทิชา ออกมาเคลื่อนไหวเพื่ออะไร
การที่ไปปั้นตัวเลขประชาชนที่สนับสนุนให้ “บิ๊กป้อม” อยู่ต่อกว่าแสนชื่อและตั้งป้อมสู้ท้าทายพลังบริสุทธิ์ของมหาชนอย่างนี้มีแต่จะทำให้สถานการณ์ลุกลามกลายเป็นไฟลามทุ่ง ซึ่งจะเป็นผลเสียหายต่องานใหญ่ของชาติบ้านเมือง ในฐานะที่อำนาจรัฐคสช.ยึดอำนาจเพื่ออาสาเข้ามาแบกรับภาระหน้าที่อันสำคัญในการปฏิรูปประเทศให้เข้ารูปเข้ารอยอย่างยั่งยืน
“บิ๊กป้อม” จะผิดหรือถูกนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าขณะนี้กระแสมหาชนจำนวนไม่น้อยเกิดวิกฤติศรัทธาในตัว “บิ๊กป้อม” ไม่เชื่อถือข้ออ้างที่ว่า นาฬิกาหรู 25 เรือน เป็นของเพื่อนที่ให้ยืมใส่และคืนไปหมดแล้ว ซ้ำเพื่อนก็ตายไปแล้วตัดตอนแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งไม่แต่เฉพาะ 8 หมื่นกว่ารายชื่อที่ นางทิชา ยื่นให้ พล.อ.ประยุทธ์ พลังเงียบทั่วบ้านทั่วเมืองหรือแม้แต่พลังกองหนุนที่เคยเชียร์อำนาจรัฐคสช.อีกจำนวนไม่น้อยก็เบือนหน้าหนี และไม่แน่พร้อมที่จะลงชื่อเรียกร้องให้ “บิ๊กป้อม” ไขก๊อกหากหมดความอดทนกับการที่อำนาจรัฐคสช.ยังฝืนดันทุรังเห็นแก่เพื่อนพ้องน้องพี่มากกว่าผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองไปมากกว่านี้ ทั้งๆ ที่อยู่ในภาวะขาลง แต่กลับสร้างเงื่อนไขสะดุดขาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
การดันทุรังจะทำให้ปัญหาเล็กกลายเป็นปัญหาใหญ่ลุกลามบานปลายกลายเป็นไฟลามทุ่งจากวิกฤติศรัทธามหาชนในตัว “บิ๊กป้อม” จะลามไปถึงนายกฯลุงตู่ และเรื่องอื่นๆของอำนาจรัฐคสช.ในภาพรวม
ก่อนหน้านี้ นายกฯลุงตู่ ก็บอกเองไม่ใช่หรือว่าปัญหานาฬิกาหรูเป็นเรื่องของตัวบุคคล ในเมื่อเป็นเรื่องของตัวบุคคลก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอาชาติบ้านเมืองและรัฐบาลไปอุ้ม “บิ๊กป้อม” ทั้งนี้ นายกฯลุงตู่ ต้องยึดประโยชน์และอนาคตของชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง โดยต้องรักษาอำนาจรัฐให้สามารถเดินหน้าปฏิรูปประเทศต่อไปโดยไร้วิกฤติแทรกซ้อน แต่หากยังดันทุรังก็เห็นสัญญาณลางร้ายความวิบัติของอำนาจรัฐคสช.และที่สำคัญคือชาติบ้านเมืองรออยู่ข้างหน้า
หากอำนาจรัฐคสช.คิดจะอาศัยผลสรุปการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ฟอกขาวให้ “บิ๊กป้อม” ในกรณีนาฬิกาหรูจะยิ่งทำให้สุมไฟวิกฤติศรัทธา เพราะคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดนี้ ไม่เป็นที่เชื่อถือไว้วางใจของมหาชนมาตั้งแต่มีการผลักดัน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ หรือ “บิ๊กกุ้ย” ซึ่งเคยเป็นลูกน้องคนสนิทของ “บิ๊กป้อม” ขึ้นเป็นประธานป.ป.ช. ซ้ำมีการยืดอายุ 7 กรรมการป.ป.ช. ซึ่งรวมทั้ง “บิ๊กกุ้ย” อีกทั้งที่ผ่านมา ป.ป.ช.ก็ส่อท่าทีไปในทางอุ้ม “บิ๊กป้อม”
ความจริงถ้าจะว่าไปแล้ว 4 ปีที่ผ่านมา อำนาจรัฐคสช.ก็สร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองไว้หลายเรื่อง แต่กลับถูกกลบจนหมดสิ้นจากปัญหาตัวถ่วงกรณี “บิ๊กป้อม” ซึ่งแม้ต่อไปรัฐบาลจะสร้างผลงานออกมาอย่างไรก็จะมีแต่ข่าวด้านลบกรณี “บิ๊กป้อม” ที่ส่อเค้าลุกลามบานปลายเข้ามาบดบัง และที่น่าวิตกก็คือทำให้ขบวนการอำนาจเก่าอันเลวร้ายในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมามีโอกาสมากขึ้นที่จะกลับมายึดครองทำร้ายประเทศกลายเป็นวังวนวงจรอุบาทว์ซ้ำซาก
บ้านเมืองมีเรื่องสำคัญและปัญหาอีกมากมายที่ต้องปฏิรูปแก้ไข เพราะฉะนั้นอำนาจรัฐคสช.ควรเลิกดันทุรังทำให้การยึดอำนาจต้องเสียของ โดยหยุดเห็นแก่เพื่อนพ้องน้องพี่แล้วคำนึงถึงชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี