นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในช่วง 2 ปีแรกสถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชั่นลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ในช่วง 2 ปีหลังการทุจริตคอร์รัปชั่นกลับเพิ่มมากขึ้นและมีแนวโน้มน่าเป็นห่วงซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนจากการแถลงของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ชี้ว่าดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยในเดือนธันวาคม 2560 เทียบกับเดือนมิถุนายนปีเดียวกันมีสถานการณ์ที่แย่ลง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจหอการค้าไทยระบุว่าประชาชนกังวลว่าสถานการณ์คอร์รัปชั่นจะกลับมารุนแรงมากขึ้นจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนพยายามหาช่องว่างในการจ่ายเงินใต้โต๊ะ
ทั้งนี้การวิจัยของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจากการสอบถามผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐว่าล่าสุดยังต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้ได้ทำสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่พบว่า ส่วนใหญ่
54% ระบุว่าไม่ต้อง แต่อีก 24% ระบุว่ายังต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะ โดยเงินใต้โต๊ะเฉลี่ยร้อยละ 5-15 ของเม็ดเงินโครงการ โดยหากประเมินวงเงินคอร์รัปชั่นจากงบประมาณปี 2561 ที่กำหนดไว้ 2.9 ล้านล้านบาท จะเป็นมูลค่าประมาณ 1-2 แสนล้านบาทที่หายไปจากระบบและทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลง 0.41-1.23%
นอกจากสถานการณ์คอร์รัปชั่นที่น่าวิตกซึ่งสะท้อนจากผลวิจัยของมหาวิทยาลัยหอการค้ายังพบข่าวอื้อฉาวอีกมากมายที่สะท้อนว่าการทุจริตฝังรากลึกในสังคมไทยโดยเฉพาะในภาครัฐ แม้อยู่ภายใต้ยุคปฏิรูปของคสช.ที่กำหนดให้การขจัดทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติ อาทิ ข่าวอื้อฉาวกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กำลังตรวจสอบขบวนการทุจริตเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ติดเชื้อเอชไอวีของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดขอนแก่น และที่จังหวัดเชียงใหม่ และมีแนวโน้มว่าจะมีการทุจริตในลักษณะเดียวกันทั่วประเทศ
หรือล่าสุดเกิดกรณีสุดอื้อฉาวเมื่อตำรวจในเครื่องแบบในหลายท้องที่ของ กทม.เข้าแถวยาวเหยียดเพื่อรับเงินอั้งเปาจากผู้มีอิทธิพล ซึ่งทำธุรกิจสีเทาคนหนึ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนหรือการที่มีธุรกิจสีเทาทั้งสถานบริการค้ามนุษย์หรือแหล่งเริงรมย์ที่เปิดบริการอย่างผิดกฎหมายดาษดื่นทั่วกรุง และทั่วประเทศย่อมสะท้อนให้เห็นถึงการทุจริตแฝงที่ฝังรากลึกในหมู่ข้าราชการโดยเฉพาะวงการตำรวจ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเกี่ยวกับข่าวการรีดส่วยหรือการวิ่งเต้นซื้อขายเก้าอี้ตำรวจในทุกระดับไม่ต่างจากวงการนักการเมือง
การที่กำลังทหารและฝ่ายปกครองบุกทลายสถานค้ามนุษย์ในคราบอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ก่อนหน้านี้พร้อมทั้งพบหลักฐานพัวพันการทุจริตของตำรวจในหลายระดับ รวมทั้งข้าราชการในอีกหลายหน่วยงานเป็นอีกตัวอย่างที่สะท้อนว่า หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่ทุจริตประพฤติมิชอบ ธุรกิจสีเทาผิดกฎหมายทั้งหลายจะเปิดบริการอย่างดาษดื่นทั่วกรุงไม่ได้แน่นอน
นอกจากการทุจริตต่องบประมาณแผ่นดินแล้ว การทุจริตของข้าราชการยังรวมถึงการทุจริตต่อหน้าที่ในการให้การช่วยเหลือผู้มีอำนาจอิทธิพลซึ่งเป็นคนชั้นสูงในสังคมให้กลายเป็นอภิสิทธิ์ชนที่อยู่เหนือกฎหมายดังที่ปรากฏเป็นข่าวในหลายกรณี
สถานการณ์การทุจริตประพฤติมิชอบของข้าราชการภาครัฐจึงมีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงทั้งๆที่อยู่ภายใต้อำนาจพิเศษ จึงได้แต่หวังว่าอำนาจรัฐยุคปฏิรูปจะดำเนินการขจัดการทุจริตคอร์รัปชั่นภาครัฐอย่างจริงจังกว่าที่เป็นอยู่ และที่สำคัญคือผู้มีอำนาจต้องทำตัวเป็นแบบอย่างในความซื่อสัตย์สุจริต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี