เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประกาศผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย ที่มีชื่อว่า ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย (Corruption Situation Index:CSI)ซึ่งกลายเป็นกระแสข่าวที่ได้รับความสนใจจากสังคมอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่ทันทีที่ประกาศผลออกมารายการเดินหน้าประเทศไทยของรัฐบาลต้องเชิญนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มาออกรายการอธิบายผลสำรวจเลยทีเดียว
เนื่องจากมีผลสำรวจส่วนหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันมีอัตราการจ่ายสินบนสูงขึ้น จนหลายสำนักข่าวนำเรื่องนี้ไปเป็นพาดหัวข่าวใหญ่แสดงสถานการณ์ในทางลบอย่างรุนแรง บ้างก็ว่า “คอร์รัปชันไทยแย่ลงสุดในรอบ 3 ปี” บ้างว่า “รับเงินใต้โต๊ะพุ่งขึ้นสูง” และ “ชี้สถานการณ์เริ่มอยู่ในช่วงขาลง” วันนี้จึงขอนำผลดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยนี้มาวิเคราะห์อย่างครบถ้วนเสียหน่อย ว่าไทยกำลังแย่แล้วจริงหรือ
ก่อนอื่น ต้องขออธิบายก่อนว่า ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย (CSI) นี้เป็นดัชนีของคนไทยทำเองที่จัดทำโดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีการสำรวจและแถลงผลทุกครึ่งปีมาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปีนี้เป็นปีที่ 8 แล้ว จึงมีข้อมูลเชิงสถิติให้มาเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ได้ดีพอสมควร ดัชนีนี้ใช้วิธีการสำรวจความเห็นจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,400 คน แบ่งสัดส่วนเป็นชายหญิงเท่าๆกันในหลายๆช่วงอายุ จากทุกภูมิภาคในประเทศ และประกอบด้วย ทั้งประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบการภาคเอกชนและข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ โดยมีคำถามที่ใช้ในการสำรวจหลากหลายมาก เพื่อวัดหลายๆแง่มุมของสถานการณ์ที่มีความซับซ้อนสูงอย่างการคอร์รัปชันนี้
เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ดัชนี CSI นี้มีชื่อคล้ายๆ กับ CPI หรือ Corruption Perceptions Index ที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International: TI) วัดภาพลักษณ์การคอร์รัปชันจากมุมมองต่างชาติแต่เป็นคนละดัชนีกัน มีการสำรวจกลุ่มตัวอย่างต่างกัน มีคำถามที่ต่างกัน และมีกระบวนการจัดทำที่แตกต่างกันจึงอาจทำให้ผลมีความแตกต่างกันออกไปได้บ้างในแต่ละแง่มุม ดังนั้นวิธีการประเมินสถานการณ์คอร์รัปชันที่ครอบคลุมคือการดูดัชนีต่างๆ ควบคู่กันไป เพราะคอร์รัปชันนั้นเป็นปัญหาที่ซับซ้อนมาก ไม่สามารถวิเคราะห์จากแง่ใดแง่หนึ่งเพียงด้านเดียวได้ ทั้งนี้ดัชนี CPI ของนานาชาติที่พูดถึงนี้ จะสำรวจและให้คะแนนประเทศต่างๆ ทั่วโลกปีละครั้ง ซึ่งในปีนี้ได้ประกาศผลออกมาในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้เอง บทความเราก็จะนำรายละเอียดมาอธิบายในสัปดาห์ถัดไป
กลับมาที่ดัชนี CSI ของไทยเรา ขอเริ่มอธิบายจากที่สื่อต่างๆ พาดหัวข่าวกันว่าสถานการณ์แย่ลง และมีการจ่ายสินบนสูงขึ้นนั้นถูกต้องหากมองในช่วงแคบๆ โดยประเด็นแรกนั้น มาจากภาพรวมคะแนนดัชนีที่ลดลงเรื่อยๆ มาตั้งแต่ผลการสำรวจช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ที่มีผลประเมินไทยได้ 55 คะแนน จนวันนี้คะแนนลดลงมาเหลือ 53 คะแนน ซึ่งแม้คะแนนจะไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ แต่การที่ไม่มีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น ก็แสดงว่าปัญหายังมีความรุนแรงอยู่ และเมื่อถามกลุ่มตัวอย่างว่าปัญหาทุจริตรุนแรงขึ้นหรือไม่เทียบกับปีที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีคนถึง 37% เห็นว่ารุนแรงขึ้น เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ 35% อย่างไรก็ตาม หากมองภาพที่กว้างขึ้น คะแนนที่ดูไม่ค่อยจะดีนี้ กระโดดขึ้นมาจากเมื่อ 8 ปีก่อนสูงมาก จากที่วัดครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2553 คะแนนรวมอยู่แค่เพียง 35 คะแนน และในปีนี้เองกลุ่มตัวอย่างเกินกว่าครึ่งก็ยังเห็นว่าสถานการณ์รุนแรงน้อยลงหรือเท่าเดิม
ประเด็นที่สองที่กล่าวว่าปัญหาการจ่ายสินบนเพิ่มขึ้น อันนี้เป็นประเด็นที่น่ากลัวจริง เพราะอัตราที่นักธุรกิจบอกว่าต้องจ่ายสินบนเพื่อให้ได้สัญญานั้นเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2558 จากเพียง 6% จนปัจจุบันเป็น 24% แล้ว และยังต้องจ่ายสินบนในอัตราที่สูงขึ้นเล็กน้อยเฉลี่ยอยู่ที่ 5-15% จากเดิมเมื่อ 3 ปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 1-15% เมื่อนำอัตรานี้มาคำนวณจากงบประมาณรายจ่าย
ค่าครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งงบลงทุนรัฐวิสาหกิจรวมกันประมาณ 2.9 ล้านล้านบาทแล้ว ปีที่ผ่านมา เราอาจสูญเสียเงินไปกับการคอร์รัปชันสูงถึง 1-2 แสนล้านบาท เลยทีเดียว กระทบเศรษฐกิจลดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศกว่า 0.41-1.23%
อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวมาข้างต้น ดัชนีนี้มีคำถามที่หลากหลายมาก ตั้งแต่ให้เปรียบเทียบความรุนแรงของปัญหาการทุจริตกับปีที่ผ่านมา ถามสาเหตุและรูปแบบการทุจริตที่เห็นบ่อย จนถึงถามความสามารถที่จะทานทนต่อปัญหาการทุจริต คำถามเยอะมากขนาดที่เอกสารประกอบการประกาศผลมีความหนาถึง 55 หน้า ดังนั้นการที่ตีความสรุปว่าสถานการณ์คอร์รัปชันไทยวิกฤติแล้ว จากเพียง 2 คำถาม จึงอาจแคบไป สำหรับผมทั้งสองในฐานะนักวิชาการและนักต่อต้านคอร์รัปชันจึงต้องนำผลจากคำถามอื่นๆ มาแสดงด้วย โดยเฉพาะทัศนคติและจิตสำนึกต่อการทุจริตคอร์รัปชัน
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะคนเห็นว่าสถานการณ์รุนแรงขึ้นและมีนักธุรกิจจำนวนมากขึ้นต้องจ่ายสินบนในอัตราที่สูงขึ้นดังที่อธิบายไปข้างต้นหรือไม่ จึงทำให้คนไทยทนไม่ได้กับการโกงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคนที่ยังเห็นว่าคอร์รัปชันเป็นเรื่องไกลตัว ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง ลดลงอย่างต่อเนื่องจากเพียง 3% ในปีที่แล้ว ลดเหลือเพียง 1% ในปีนี้ เช่นเดียวกับคนที่ยอมรับรัฐบาลทุจริตแต่มีผลงานที่ลดลงจาก 4% เหลือเพียง 1% และคนที่เห็นว่าการให้สินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ แก่เจ้าหน้าที่รัฐเป็นเรื่องไม่เสียหาย ก็ลดลงจาก 4% เหลือ 1% ทำให้ผลสรุปค่าเฉลี่ยความทนทานต่อการทุจริตคอร์รัปชันในปีนี้ลดลงมาต่ำที่สุดตั้งแต่ที่ดัชนีนี้เคยวัดมาทีเดียว
คำถามอีกหนึ่งด้านที่สร้างความหวังในการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างมาก คือ ความเห็นต่อประสิทธิภาพการต่อต้านการทุจริตของภาคเอกชนและกลุ่มประชาสังคม ที่กลุ่มตัวอย่างมีความเชื่อมั่น
เพิ่มขึ้นต่อสมาคมของภาคธุรกิจต่างๆ ผู้ประกอบการ และที่เพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษคือความเชื่อมั่นต่อสื่อมวลชน และองค์กรภาคประชาชนและที่สำคัญที่สุดมีกลุ่มตัวอย่างยินดีที่จะมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นเป็น 87% ในปีนี้ เป็นอัตราที่สูงที่สุดตั้งแต่วัดมาอีกเช่นเดียวกัน
กลายเป็นว่าสถานการณ์ไทยที่สื่อต่างๆ พาดหัวข่าวไปในทางเลวร้าย กลับไปจุดไฟในใจของประชาชนซึ่งเป็นหน่วยที่สำคัญที่สุดที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปในทางที่ดีขึ้นได้ หรือความไว้วางใจที่ให้องค์กรและหน่วยงานต่างๆ ทำงานแทนตัวเองอย่างมากเกินไปของคนไทยในอดีตจะเป็นอุปสรรคให้งานต้านคอร์รัปชันเราไม่เดินหน้า
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง สถานการณ์ในวันนี้ก็ได้แสดงความสุกงอมของสังคมไทยที่จะไม่ยอมรับการคอร์รัปชันอีกต่อไปและพร้อมจะเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้พร้อมจะสู้โกงไปพร้อมๆ กันแล้ว เมื่อโอกาสมาถึงแล้วดังที่ดัชนีนี้ชี้ให้เห็น คุณจึงต้องถามตัวเองแล้วว่าวันนี้คุณพร้อมจะเดินไปกับคนไทยส่วนใหญ่เพื่อสังคมไทยที่ใสสะอาดแล้วหรือยังครับ
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี