แนวทางแก้ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนใต้
เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์แนวหน้า
ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้นับเป็นความรุนแรงเลวร้ายที่สุด ดำเนินมาเป็นเวลานานหลายสิบปี มีเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบและบาดเจ็บล้มตายนับพันคนในขณะเดียวกันปัญหาก็ซับซ้อนและกลับเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีทราบดีอยู่แล้วนั้น
สมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย ตระหนักในเรื่องดังกล่าว ได้ศึกษาและติดตามสถานการณ์ พร้อมจัดทำข้อเสนอเป็นแนวทางในการแก้ปัญหามาตั้งแต่ปี 2551 ปัญหาและเหตุการณ์ก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ตลอดมา มากบ้างน้อยบ้าง แต่ไม่มีวี่แววว่าจะยุติลงเมื่อไร รัฐบาลเองก็ได้พยายามปรับเปลี่ยนโครงสร้าง องค์กร กลไกเป็นการแก้ไขปัญหาอยู่เสมอมา สมาคมนักปกครองฯเห็นว่า เพื่อที่จะให้การแก้ไขปัญหาที่ดำเนินการอยู่ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและนำไปสู่สันติสุขของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน ซึ่งการขับเคลื่อนคือตัวข้าราชการของทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ เป็นตัวจักรสำคัญ และใคร่ขอเสนอแนะประเด็นต่างๆ ดังนี้
1. หลักรัฐประศาสโนบาย
- พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้บรรดาข้าราชการในการปฏิบัติราชการในมณฑลปัตตานีตามพระราชหัตถเลขา ที่ 3/78 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2466 (รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย)
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติ ทั้งนี้ ทุกกระทรวง ทบวง กรม (รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี) ต้องศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และถือปฏิบัติในทุกระดับให้เป็นรูปธรรมจัดการประชุมสัมมนา ข้าราชการในกระทรวง ข้างต้นรับทราบ เข้าใจหลักปฏิบัติที่ถูกต้องอย่างถ่องแท้ก่อนลงปฏิบัติจริง
2. ผู้บริหารองค์กร ทุกกระทรวงต้องปฏิบัติงานตามภารกิจของตนเองอย่างมีจิตสำนึกในหน้าที่และบูรณาการงานกับทุกภาคส่วนให้เป็นเอกภาพ รวมทั้ง ด้านการพัฒนาในทุกโครงการ แผนงาน และด้านยุทธการ ควรมีหลักเกณฑ์ขอบเขตที่ชัดเจนในการจัดสรรงบประมาณการดำเนินการ จะต้องเป็นธรรมโปร่งใส ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น เกิดประโยชน์สูงสุดกับพื้นที่ และประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ต้องติดตามผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องด้วย
3. การคัดสรรบุคลากรผู้ปฏิบัติงานลงในพื้นที่
บุคลากรที่ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ต้องได้รับการคัดสรรอย่างดี มีคุณภาพและมีความเข้าใจในพื้นที่ด้วย พร้อมทั้งปฏิบัติภารกิจของตนเองที่รับผิดชอบอย่างมีจิตสำนึก ไม่ใช่ส่งใครไปปฏิบัติงานก็ได้ ซึ่งยังมีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นหรือเพื่อเอาตำแหน่งและผลประโยชน์ จากนั้นก็กลับไปต้นสังกัด เป็นต้น
4. การบริหารและการบูรณาการ
ต้องอยู่ภายใต้นโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2560 ถึง 2562 ของสภาความมั่นคงแห่งชาติและบูรณาการพัฒนาทั้งเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรม การสร้างความมั่นคงของมนุษย์ ต้องดำเนินการควบคู่กับดำเนินการทางทหารหรือด้านความมั่นคง เป็นต้น สนับสนุนภารกิจของจังหวัด ใช้หลักการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เป็นยุทธศาสตร์สร้างชายแดนใต้สันติสุข โดยต้องแปลงนโยบายเป็นแผนปฏิบัติการของทุกหน่วย ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นผู้ทำหน้าที่บูรณาการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีฐานะที่ต่ำกว่าเส้นความยากจนตามประกาศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
นโยบายดังกล่าว ข้างต้น ทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องมีความรู้ความเข้าใจตรงกัน ก่อนลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ มิใช่แต่ละหน่วยงานวางแผนและนโยบายของตัวเองเท่านั้น
5.ต้องเพิ่มบทบาทของประชาชนและองค์กรภาคประชาสังคม ให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ให้มากขึ้น เช่น กลุ่มสตรี สภาองค์กรชุมชนตำบล ซึ่งมีอยู่แล้วทุกตำบลตามกฎหมาย เป็นต้น รวมทั้งการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสังคมมาใช้ประโยชน์ต่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และควรนำเอาผลการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการศึกษาไว้แล้ว นำมาใช้หรือประยุกต์ใช้ให้มากขึ้น ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รับผิดชอบและดำเนินการโดยให้อำเภอเป็นแกนนำ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ทั้งนี้ สมาคมได้นำเรียนให้นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงทราบด้วยแล้ว หากท่านจะมีความคิดริเริ่มเพิ่มเติมประการใด โปรดเสนอแนะเพื่อทางสมาคมจะได้ช่วยผลักดันก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ
พันโท กมล ประจวบเหมาะ
นายกสมาคมนักปกครองแห่งประเทศไทย
ไทยนิยมยั่งยืนหรือเป็นแค่‘ขนมเบื้องฯ’
คุณวิภาวดี หลักสี่ ที่นับถือ
ไทยนิยมยั่งยืนประกอบด้วย ๑.พอเพียง ๒.วินัย ๓.สุจริต ๔.จิตสาธารณะ ๕.ความรับผิดชอบ นั้น ถ้าทำได้อย่างที่พูดก็ดี แต่จะเอาอะไรเป็นดัชนีชี้วัด เพราะถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูดก็ไลฟบอยย์ แต่เมื่อประเมินผลงานที่ผ่านมา ต้องบอกว่า “โฮปเลส” เพราะนโยบายลับ ลวง พรางของผู้นำเกือบสี่ปีที่ท่านอ้างอิง “ศาสตร์พระราชา” นั้น มีผลงานอะไรเป็นประจักษ์พยานว่า ท่านพยายามทำตามที่พูดบ้าง ดูเหมือนแนวทางแก้ปัญหามีแต่ “วิชาทรราช” โปรยทานหรือเทกระจาดอย่างเดียว แถมยุยงส่งเสริมให้ “ฟุ้งเฟ้อ” ด้วยการลดภาษี “กิน เที่ยว” ซึ่งมิใช่หลักการความพอเพียงแต่อย่างไร ดังนั้นข้อแรกของไทยนิยมก็แสดงว่า “ปากกับใจไม่ตรงกัน”๒.มีวินัย เรื่องนี้ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างเพราะน้องชายที่เป็น สนช.ก็ยังขาดประชุมเป็นนิจศีล แต่เพราะสองมาตรฐาน ทำให้วินัยแตกต่างกันระหว่างฉันกับเธอ
๓.สุจริต ก็เมื่อการกระทำต่างๆ ของนาวาสามแป๊ะ ยังไม่สุจริต เช่น กรณีจัดซื้อเรือดำน้ำที่อ้างแต่ความมั่นคง และการันตีด้วยองค์กรที่สามแป๊ะแต่งตั้งให้ทำหน้าที่หนังหน้าไฟและสารฟอกขาว ออกรับหน้าว่าทุกอย่าง “คลีน” แต่คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อถือ ๔.จิตสาธารณะ ก็ขนาดแป๊ะเล็กเป็นประธานรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ ยังไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นชาวเทพาที่ไม่ต้องการโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยมีคำพูดว่า “อย่ามาขึ้นเสียงกับผม” เป็นหลักฐาน และโลจิสติกของไทยนิยมยั่งยืนที่กำหนดเป็นการใช้อำนาจแบบวันเวย์ ติ๊กเก๊ทจากบนลงล่าง และไม่มีนโยบายรับฟังความคิดเห็นประชาชนเลย เท่ากับผู้ครอบครองอำนาจไร้จิตสาธารณะ ๕.ความรับผิดชอบ กรณีนางดอกไม้ลอยนวล สามแป๊ะก็ลอยตัว จึงไร้ผู้รับผิดชอบ ถ้าจะแสดงรับผิดชอบต่อการกระทำต่างๆก็เมื่อจำนนต่อหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณสมชายตั้งใจจริงกับนโยบายไทยนิยมยั่งยืนก็ต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี และพูดจริงทำจริง มิใช่เป็นเพียง“ไฟไหม้ฟาง” เหมือนที่ผ่านมา
ถึงคนไทยจะรักง่ายหน่ายเร็วก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขั้น “อัลไซเมอร์” ดังนั้น พูดได้ ต้องทำได้ จึงจะได้ใจกองหนุน วันนี้มิใช่ว่า จะให้แป๊ะเล็กทำหน้าที่ “ไอดอล” อย่างเดียว บรรดาครีเอทีฟทั้งหลายที่ช่วยกันสร้างมุขให้แป๊ะเล็ก ต้องทำงานหนัก มิใช่คิดแต่เพิ่มเรตติ้งเฉพาะหน้าเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อปัจจุบันโลกแคบ โซเชี่ยลเน็ตเวิร์กสามารถส่งเรื่องราวต่อๆ กันได้อย่างรวดเร็ว และยังขุดค้นเรื่องราวต่างๆ ในอดีต เหมือนกรณี ซีเอสไอแอลเอ ที่ขุดคุ้ยเรื่องนาฬิกา ๒๕ เรือนของแป๊ะใหญ่จนเสียมวย
ดังนั้น “ไทยนิยม ๕ ประการ” ต้องสามารถทำให้เป็นรูปธรรมให้ได้ มิใช่เป็นเสมือนขนมเบื้องละเลงที่ปากเท่านั้น เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญ ที่กฎหมายลูกมีความสำคัญมาก อย่าให้ไทยนิยมยั่งยืนเป็นเหมือนรัฐธรรมนูญฉบับทุมมังกุ เพราะยังไม่มีบทบัญญัติว่า จะทำให้เกิดความพอเพียง มีวินัย สุจริต จิตสาธารณะและความรับผิดชอบได้อย่างไร ใช้อะไรเป็นดัชนีชี้วัด เมื่อความสำเร็จของผลงานจะเป็นดัชนีชี้วัดการกระทำมากกว่า “คำพูดหรือบทกวี” เพราะผู้ครอบครองอำนาจมิใช่กวีที่มีร้อยกรองเป็นผลงาน
เมื่อใดที่ขี้ข้าแผ่นดินเหลืออดและคนไทยส่วนใหญ่เดือดร้อนเพราะอำนาจรัฐมิสามารถทำให้ท้องอิ่มได้ “ช้างก็ตัวเท่าหมู” โดยเฉพาะเมื่อมีสามป้า (ทุบรถ) เป็นหัวหมู่ ทะลวงฟัน จะทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงใหญ่ ที่คุณสมชายไม่สามารถควบคุมได้
ขนมบ้าบิ่น
ตอบ คุณขนมบ้าบิ่น
ไม่ใช่แต่เรื่องไทยนิยมยั่งยืนเท่านั้น ทุกเรื่องของรัฐนาวาสามแป๊ะควรต้องพูดจริงทำจริง ไม่ใช่แค่ขนมเบื้องละเลงปากอย่างที่คุณว่า ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า เรื่องพูดแล้วทำก็มี พูดแล้วไม่ทำก็เยอะ
วิภาวดี หลักสี่
wvvipawadee1@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี