ในอดีตกิจการธนาคารเป็นกิจการที่อยู่ในแนวหน้าสุดและมีความก้าวหน้าอยู่ในแถวหน้าสุด แม้เมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นแล้ว กิจการธนาคารก็นำเทคโนโลยีนั้นมาใช้เป็นแหล่งแรก ดังนั้นคนทั้งหลายจึงปรารถนาที่จะทำงานกับธนาคารหรือส่งเสริมให้บุตรหลานทำงานกับธนาคาร
จนกระทั่งบางช่วงความนิยมที่จะทำงานกับธนาคารจะล้ำหน้ากว่าค่านิยมที่จะทำงานราชการ
แต่มาถึงวันนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงไปแล้ว และซ้ำร้ายกำลังมีเรื่องซ้ำเติม ให้กิจการธนาคารตกอยู่ในสภาพที่น่าห่วงใยกว่ากิจการอื่นในประเทศ เพราะในระยะปีสองปีมานี้ข่าวคราวการปิดสาขาของธนาคารได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การลดคนจากระบบธนาคารเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังรุนแรงมากยิ่งขึ้น
การรับสมัครงานภาคเอกชนตำแหน่งต่างๆ จะมีผู้สมัครที่เพิ่งออกจากระบบธนาคารเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ก็มีอายุระหว่าง 40-50 ปี โดยเสนอเงินเดือนที่ต้องการระหว่าง 35,000-70,000 บาท
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผลจากการลดพนักงานธนาคารอันเนื่องจากการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ รวมทั้งการปิดสาขาของธนาคารที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี กำลังส่งผลให้บุคลากรจากระบบธนาคารไหลออกสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น
ที่น่าห่วงใยก็คือ คนเหล่านี้ต้องหางานใหม่ในช่วงปลายวัยกลางคนแล้ว ทำให้หางานใหม่ลำบาก เพราะกิจการทั้งหลายย่อมเลือกคนหนุ่มสาวที่ใหม่สด กระชุ่มกระชวยมากกว่า ย่อมเลือกรับบุคลากรที่มีต้นทุนเงินเดือนถูกกว่า และย่อมที่จะหลีกเลี่ยงการรับคนอายุมากเข้ามาฝึกงานใหม่
ดังนั้นปัญหาสังคมก็จะเกิดตามมา เพราะบุคลากรจากภาคธนาคารนั้นกำลังอยู่ในช่วงเวลาการแบกภาระรายจ่ายทั้งตนเองและครอบครัวในอัตราที่สูงมาก สักวันหนึ่งเมื่อเงินทองที่สะสมไว้ร่อยหรอลงและยังหางานใหม่ไม่ได้ ก็จะเกิดผลกระทบขึ้นในสังคมของประเทศ
มาถึงวันนี้ผลกระทบจากระบบธนาคารและบุคลากรในระบบธนาคารยิ่งหนักหน่วงมากขึ้น ด้วยเหตุสองประการคือ
ประการแรก พัฒนาการของเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการรับจ่ายเงิน การโอนเงิน และธุรกรรมทางการเงินได้ก้าวรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ประชาชนสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ในการทำธุรกรรมเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องติดต่อกับธนาคารอีก และหลายกรณีก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้เป็นที่สิ้นเปลือง ดังนั้นเทคโนโลยียิ่งก้าวหน้าเท่าใด การทำธุรกรรมกับธนาคารก็ยิ่งลดลงมากเท่านั้น และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจะกลายเป็นกลไกการทำธุรกรรมทางการเงินได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยไปติดต่อธนาคารอีก
ประการที่สอง เป็นเรื่องของอำนาจรัฐที่เกี่ยวข้องกับทุนใหญ่ของประเทศ ตามที่ปรากฏข่าวว่ามีการอนุมัติให้ร้านสะดวกซื้อ หรือ 7-11 สามารถประกอบธุรกรรมตัวแทนของธนาคารในการรับจ่ายเงิน ในการฝาก และถอนเงินได้ด้วย
ตามข่าวดังกล่าวนี้ หากได้ดำเนินการจริงก็จะมีผลทำให้ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทั่วประเทศ ราว 12,000 แห่ง มีสภาพเป็นหน่วยย่อยของธนาคารที่สามารถทำธุรกิจค้าขายได้ทุกชนิด โดยไม่ติดขัดด้วยเวลาหยุดหรือเวลาพักตลอดทั้งปี โดยไม่ติดขัดด้วยวันหยุดราชการ สามารถทำธุรกรรมของธนาคารพาณิชย์ได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นการขออนุมัติวงเงินสินเชื่อ หรือการขอออกใบค้ำประกัน และธุรกรรมอีกบางชนิดเท่านั้น
ทำให้ชีวิตประจำวันในการรับ-จ่ายเงิน ในการฝาก-ถอนและโอนเงินของประชาชนไม่ต้องพึ่งพาธนาคารพาณิชย์อีกต่อไป เพราะสามารถใช้ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ดำเนินการได้ทุกประการ
จะเป็นตัวเร่งให้สาขาธนาคารที่เหลืออยู่ทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนรวมกันน้อยกว่าร้านสะดวกซื้อ และมีต้นทุนที่สูงกว่าต้องปิดตัวลงอย่างรวดเร็วกว่าอัตราที่เคยเกิดขึ้นมากมายนัก ดีร้ายในเวลาสามปีจากนี้ สาขาธนาคารทั่วประเทศอาจจะต้องปิดตัวลง
และบุคลากรของระบบธนาคารในสาขาทั้งหลายก็จะตกงาน การเตรียมงานรองรับเพื่อไม่ให้คนเหล่านี้เดือดร้อน และจะเกิดความเสียหายกระทบเป็นวงกว้างมากขึ้นถ้าหากว่าจัดหามาตรการรองรับไม่ทันท่วงที
และเมื่อสาขาของธนาคารต้องปิดตัวเองลง ก็จะทำให้เครือข่ายกลไกธนาคารหดตัวลง และหมดสมรรถนะในการดำเนินการกิจการธนาคารอย่างน่าตกใจ
แม้กระทั่งสำนักงานใหญ่ สำนักงานเขต หรือสำนักงานในระดับจังหวัดของระบบธนาคาร ย่อมได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงไม่ต่างกัน
ธุรกิจของร้านสะดวกซื้อรายเดียวจะมีฐานะยิ่งใหญ่ และมีบทบาทสำคัญยิ่งกว่าทุกธนาคารระบบรวมกัน และสิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
นี่คือปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมือง ภายใต้ยุคเจ้าสัวเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และถ้ารวมทุกเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเราแล้ว ชะตากรรมของประเทศชาติและประชาชนจะเป็นอย่างไร?
คำพูดของคนบางคนที่ว่า “จะใช้รัฐธรรมนูญของฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นต้นแบบของรัฐธรรมนูญของประเทศไทย” กำลังจะก่อเกิดระบบสาธารณรัฐขึ้นในบ้านเมืองของเรา และคอยจับตาดูกันให้ดีว่าใครที่ตั้งท่าเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทย?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี