กลับมาแล้ว....
อีเว้นท์ที่ให้พระสงฆ์เดินเหยียบกรีบดอกไม้ กำลังจะกลับมา
1. นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า เครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก วัดพระธรรมกาย มูลนิธิธรรมกาย และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมสนับสนุนกว่า 20 องค์กร ได้ดำเนินโครงการธรรมยาตรา เส้นทางพระผู้ปราบมาร ปีที่ 6 เนื่องในเทศกาลมาฆบูชาระหว่างวันที่ 2-31 มีนาคม 2561 โดยมีเส้นทางธรรมยาตราในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร
ปีนี้ จะแตกต่างจากทุกปีที่ผ่านมา จากเดิมที่จะนำพระสงฆ์เดินธุดงค์เป็นระยะทางยาวต่อเนื่องตลอดโครงการ แต่ปีนี้เป็นการธุดงค์ในระยะสั้น คือ จะนำพระสงฆ์ขึ้นรถทัวร์ไปยังอนุสรณ์สถานพระมงคลเทพมุนีแต่ละแห่ง จากนั้นก็จะให้พระสงฆ์ลงจากรถบริเวณใกล้ๆ แล้วเดินเข้าไปยังอนุสรณ์สถานพระมงคลเทพมุนี โดยจะมีญาติโยมนำกลีบดอกเบญจทรัพย์ หรือดอกเบญจมาศ มาโปรยให้พระสงฆ์เดินย่ำเท้าเข้าไป
2. ก่อนหน้านี้ ธรรมกายขยับไปจัดอีเว้นท์ที่ประเทศเมียนมา
ขณะเดียวกัน ในวัดพระธรรมกายปัจจุบันก็มีคนพม่าเข้ามาร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
น่าสังเกตว่า มากกว่าทุกยุค
โดยกิจกรรมของวัดพระธรรมกายเวลานี้ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่ดูแลเพื่อความสงบเรียบร้อย ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ตัวแทนฝ่ายปกครอง, สำนักพระพุทธศาสนา จังหวัดปทุมธานี ตัวแทน พศ.
และ สภ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ตัวแทนฝ่ายตำรวจ และตัวแทนวัดพระธรรมกาย
ส่วนตัวธัมมชโย ก็ยังหนีคดีอาญาแผ่นดินอยู่ มีหมายจับติดตัว ดีเอสไอยังตามหาตัวไม่เจอ
3. อันที่จริง ทั้งเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ของวัดพระธรรมกาย ล้วนแต่มีคดีที่ถูกสอบสวนค้างคาอยู่ทั้งคู่
ทั้งพระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และพระเผด็จ ผ่องสวัสดิ์ หรือ พระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ก่อนหน้านี้ มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถอดถอนออกจากสมณศักดิ์แล้วนั้น
ปลัดอำเภอคลองหลวง ก็ไปรับมอบสัญญาบัตรพัดยศ พระเทพญาณมหามุนี และ พระราชภาวนาจารย์ จากวัดพระธรรมกาย มาแล้ว
แม้ปัจจุบัน เจ้าอาวาสของวัดพระธรรมกาย จะไม่ใช่ทั้งเบอร์ 1 และเบอร์ 2 แต่เชื่อว่าคนธรรมกายร้อยทั้งร้อยก็ยังให้ความเชื่อถือในอิทธิพลอำนาจและบารมีของทั้งเบอร์ 1 และเบอร์ 2 มากกว่าเจ้าอาวาสคนปัจจุบัน
4. น่าสนใจว่า อีเว้นท์ล่าสุดนี้ ผ่านการตรวจสอบรับรองจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือยัง?
มหาเถรสมาคมมีความคิดเห็นอย่างไรกับกิจกรรมที่ให้พระสงฆ์ไปเดินเหยียบกลีบดอกไม้โชว์
ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ 4 ฝ่ายแล้วหรือไม่? ด้วยเหตุผลใด?
และย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ กรณีการพิจารณาสถานะของธัมมชโย ยังเป็นพระสงฆ์อยู่หรือไม่? การตรวจสอบไปถึงไหน? สิ้นกระแสความลงอย่างไร?
แล้วคดีทั้งหลายที่มีการตรวจสอบเกี่ยวข้องกับมหาอาณาจักรธรรมกายอยู่ก่อนหน้านี้ ไปถึงไหนกันแล้ว
เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ ระบุว่า มีราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ถอดถอนพระราชภาวนาจารย์(พระทัตตชีโว หรือเผด็จ ทัตตชีโว) ออกจากสมณศักดิ์ ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2560 ด้วยเข้าข่ายการเป็นผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหา และการนําเงินของวัดพระธรรมกายไปเล่นหุ้น เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กฎหมายอาญา 157
ก่อนหน้านี้ นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษสำนักการสอบสวน 3 เคยเปิดเผยว่า การสอบสวนในคดีพิเศษที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับการฟอกเงินของวัดพระธรรมกาย มีความชัดเจนว่า มีการนำเงินจากบัญชีของวัดพระธรรมกายไปซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยระหว่างปี 2553-2559 มีการนำเงินวัดพระธรรมกายกว่า 1,400 ล้านบาท ออกไปกระจายให้บุคคล กลุ่มบุคคล ไปลงทุนในหลายรูปแบบ หลักฐานธุรกรรมการเงินปรากฏชัดว่า บางส่วนเป็นเงินจากคดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น
“แม้พระทัตตชีโวจะไม่ได้ใช้ชื่อตัวเองในการเล่นหุ้น แต่เชื่อว่ามีการใช้กลุ่มบุคคลและบุคคลที่เป็นนักธุรกิจให้เป็นนอมินี มีทั้งการเล่นหุ้นและอาจปั่นหุ้น เมื่อสำนวนคดีทั้ง 15 คดี เสร็จสมบูรณ์จะเห็นภาพความเชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด ปัญหาของคดีฟอกเงิน คือ ทรัพย์ที่รับบริจาคมาจาก สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ไม่ได้ถูกยกให้วัดเลย ธรณีสงฆ์ของวัดพระธรรมกายมีเพียงกว่า 100 ไร่เท่านั้น ขณะที่อาคารสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินจำนวนมากก็ไม่ได้ยกให้เป็นธรณีสงฆ์ รวมถึงสำนักปฏิบัติธรรมในต่างจังหวัด ซึ่งล้วนถือครองในชื่อมูลนิธิต่างๆ”
ขณะนี้ คดีคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?
5. น่าสนใจว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2561 ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เงินในบัญชีเงินฝาก 4 บัญชี ตกเป็นของแผ่นดิน ได้แก่
เงินในบัญชีเงินฝาก ธ.ธนชาต จำกัด (มหาชน) จำนวน 25,597,194.91 บาท เงินในบัญชีเงินฝาก ธ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 14,257,934.88 บาท ชื่อบัญชีวัดพระธรรมกาย
เงินในบัญชีเงินฝาก ธ.ธนชาต จำนวน 1,651,227.42 บาท เงินในบัญชีเงินฝาก ธ.กรุงไทย จำนวน 17,263,081.04 บาท ชื่อบัญชีมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์
เงินเหล่านี้ ปปง.ตรวจสอบแล้วเห็นว่า เป็นเงินอันเกี่ยวข้องหรือได้มาจากความผิดมูลฐาน นายศุภชัยโกงสหกรณ์ แล้วผ่องถ่ายเงินออกมา จึงขอให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ปรากฏว่า ศาลแพ่งตัดสินให้ตกเป็นของสหกรณ์คลองจั่น
เนื่องจากในทางไต่สวนได้ข้อเท็จจริงว่า นายศุภชัย สั่งจ่ายเช็คของสหกรณ์ จำนวน 27 ฉบับ เป็นเงินรวม 1,458,560,000 บาท เป็นเวลาหลายปีต่อเนื่องกัน มีลักษณะเป็นปกติธุระ เชื่อได้ว่า มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยักยอกเกิดขึ้นอันเป็นความผิดมูลฐาน
ศาลแพ่งชี้ว่า พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้แต่งตั้งในนายศุภชัยเป็นไวยาวัจกรของวัด เชื่อได้ว่าวัดพระธรรมกายเกี่ยวข้องกับนายศุภชัย และมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนายศุภชัย โดยผ่านทางพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ธัมมชโย) พฤติการณ์ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลอุปถัมภ์ค้ำจุนกันเช่นว่านั้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดระหว่างกันที่มีมากกว่าเพียงการศรัทธาของบุคคลทั่วไป
ฟังไม่ได้ว่าวัดและมูลนิธิฯ รับโอนเงินโดยสุจริตและตามสมควรในทางกุศลสาธารณะ
ศาลแพ่งชี้ว่า วัดและมูลนิธิฯ ยังกระทำการอันมีลักษณะเป็นการหลีกเลี่ยงการรายงานการทำธุรกรรมเป็นระยะเวลาหลายปีหลายครั้ง ส่อแสดงให้เห็นว่ากระทำเพื่อปกปิดลักษณะที่แท้จริงของแหล่งที่มาของเงิน เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเกิดขึ้น
ประเด็นที่วัดพระธรรมกายและมูลนิธิฯ อ้างว่า เงินจากศุภชัยเอาไปสร้างสิ่งก่อสร้างหมดแล้วนั้น ศาลแพ่งยังวินิจฉัยอย่างแหลมคมด้วย โดยชี้ว่า เงินในบัญชีดังกล่าวมีทั้งเงินที่ถูกยักยอก เงินที่ใช้ในการฟอกเงิน และเงินบริจาคจากผู้อื่นปะปนระคนกัน วัดและมูลนิธิฯ จะอ้างเช่นนั้นไม่ได้ เพราะการใช้เงินดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากความไม่สุจริตตั้งแต่ต้น การก่อสร้างศาสนสถานและสถานปฏิบัติธรรมที่ใหญ่โตทั้งที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ เป็นเหตุให้ต้องมีกิจกรรมระดมเงินให้ได้จำนวนมาก เป็นการขัดต่อวัตถุประสงค์ของพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ที่ต้องการตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมด้วยการมิให้สามารถนำเงินและทรัพย์สินดังกล่าวมาใช้สนับสนุนการกระทำผิดอื่นได้อีก กรณีจึงต้องถือว่าเงินที่ยังคงเหลืออยู่ในบัญชีเงินฝากทั้ง 4 บัญชี เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
ในที่สุด ศาลแพ่งพิพากษาให้คืนเงินในบัญชีเงินฝาก ทั้ง 4 บัญชีข้างต้น แก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มูลค่ารวมประมาณ 58 ล้านบาท
6. คำพิพากษาศาลแพ่ง ทำให้เห็นว่า มีเงินฟอกถูกผ่องถ่ายไปในบัญชีของวัดพระธรรมกาย และมูลนิธิในเครือข่าย โดยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างนายศุภชัยกับธัมมชโยเป็นข้อต่อสำคัญ
น่าสนใจว่า คดีเกี่ยวกับมหาอาณาจักรธรรมกายหลายกรณี ไปถึงไหนกันบ้างแล้ว
เหตุใด ใครละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใครจงใจจะอุ้มธรรมกาย ทำไมไม่ปรากฏผลการตรวจสอบมูลนิธิหลักๆ ในเครือของธรรมกาย (นำโดยมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ มูลนิธิธรรมกาย ฯลฯ ที่มีเงินหมุนเวียนแต่ละปีหลายพันล้านบาท มีเงินสะสมหลักหมื่นล้านบาท)
บางมูลนิธิ เข้าไปพันกับเงินทุจริตที่โกงมาจากสหกรณ์ฯคลองจั่น
บางมูลนิธิ เข้าไปพันกับการก่อสร้างอาคารบนที่ดินคดีฟอกเงิน
แต่ละมูลนิธิล้วนมีบทบาทเป็นช่องทางผันเงินผ่านเข้า-ออกมหาอาณาจักร ดำเนินกิจการ จัดการผลประโยชน์มูลค่ารวมหลักแสนล้านบาท โดยไม่พบการเสียภาษีเงินได้ เพราะอ้างว่าทำในนามมูลนิธิ
รัฐบาล คสช.จะถูกมองว่าไร้น้ำยาในที่สุด หากไม่สามารถจับธัมมชโยได้ยังไม่พอ แต่ขุมข่ายผลประโยชน์ยังไม่ถูกตรวจสอบอย่างเอาจริง แถมอีเว้นท์ธรรมกายก็ขยับเท้า เตรียมก้าวออกเดินอีกครั้งแล้ว ท้าทายระบบกำกับดูแลพระพุทธศาสนาของแผ่นดินในรัชสมัยปัจจุบัน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี