วันที่ 1 มีนาคม ที่กำลังจะมาถึงข้างหน้านี้ เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า วันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันจาตุรงคสันนิบาตคือ มีการประชุมใหญ่ พระสงฆ์ชั้นอภิญญาที่อุปสมบทด้วยพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา จำนวนทั้งสิ้น 1,250 องค์ โดยพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมายในเวฬุวนาราม
พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงพุทโธวาท เรียกว่า “โอวาทปาฏิโมกข์” หรือ “หัวใจพระพุทธศาสนา” สรุปได้ง่ายๆ คือ สัมมาปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติถูกต้องตามทำนองคลองธรรม นั่นเอง
การปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา มีอานิสงส์มาก จะนำผู้ปฏิบัติไปสู่ความดีงาม พ้นทุกข์พ้นภัยได้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติเป็นสำคัญในการกระทำทุกอย่างว่า เป็นสัมมาปฏิบัติ หรือไม่
เฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ “สติ” ซึ่งเป็นทั้งเครื่องระลึกถึง และเป็นเครื่องกั้นความไม่ดีทั้งหลายไม่ให้เกิดขึ้น รวมทั้งเป็นอุปการะแก่ปัญญาโดยตรง ไม่ว่าจะทำอะไร ควรทำหรือไม่ควรทำ เป็นต้น
คนขาดสติเป็นคนที่มักจะทำอะไรตามใจชอบ เป็นคนที่ไม่รู้จักว่าอะไรผิด อะไรถูก ควรทำหรือไม่ควรทำ พูดง่ายๆก็คือเป็นคนไม่รู้จักดี ไม่รู้จักชั่ว เมื่อใดที่ถูกใจหรือถูกอารมณ์ก็จะชอบใจ หรือดีใจ แต่เมื่อไม่ถูกใจหรือถูกอารมณ์แล้ว จิตใจก็จะขุ่นมัว หรือโกรธ
คนขาดสติจะเป็นคนที่ถูกกิเลสไม่ดีทั้งหลายเข้าครอบงำจิตใจได้ง่าย โดยเฉพาะ โลภะ โทสะ และ โมหะ จะเป็นคนที่ทำอะไรมักกวัดแกว่งตามใจชอบ ถ้าบ้านเมืองมีคนอย่างนี้ต้องมารับผิดชอบบ้านเมืองด้วยแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มพวกระดับสูง หรือผู้นำในกลุ่มพวกเหล่านี้ ที่มีอำนาจในการบริหารปกครองบ้านเมือง ก็เป็นอันหวังได้ว่าบ้านเมืองนั้น ประเทศนั้นจะทรุดต่ำลงตลอดเวลา ความเจริญรุ่งเรืองโดยรวมก็ยากที่จะเกิด
ขาดการยอมรับของผู้คนในบ้านเมือง
จะเกิดการต่อต้าน ไม่ยอมรับถึงขั้นออกมาขับไล่
เพราะไม่ว่าจะพูด หรือทำอะไร จะไม่มีใครเชื่อถือ
มองดูบ้านเมืองของเราในขณะนี้แล้วดูจะอยู่ในสภาพของภาวการณ์อย่างว่านี้จริงๆ ต่อให้แต่งถ้อยคำอย่างสวยหรูอะไรออกมาบอกกล่าวกับผู้คนในบ้านเมือง ก็ไม่มีคนเชื่อถือ หรือจะใช้คำพูดในลักษณะเบี่ยงเบนปัญหาให้พ้นตัวอย่างไรก็ตาม ผู้ได้รับฟังก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างที่พูด เป็นต้น อย่างเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ที่โด่งดังไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ คือเรื่อง “แหวนของมารดา นาฬิกายืมเพื่อน” หรือ “อาชีพตำรวจเป็นเพียงไซด์ไลน์” เป็นต้น
นอกจากไม่เชื่อแล้ว บางคนถ่มน้ำลายปรี๊ดด้วยซ้ำ
การเป็นผู้มีสัมมาปฏิบัติจะเป็นผู้ที่ไม่ทำอะไรตามชอบใจ ไม่รู้จักดี ไม่รู้จักชั่ว ปล่อยให้กิเลสคือ โลภะ โทสะ และ โมหะ ครอบงำจิตใจตลอดเวลา เป็นผู้ไม่เคยดูแลรักษาจิตใจของตนด้วยความมีสติ ปล่อยจิตใจของตนให้โลดแล่นไปตามใจชอบ
ใครพูดหรือใครถามอะไรที่ไม่ถูกใจก็โกรธและเอะอะ สวนกลับด้วยคำพูดที่รุนแรง หรือชี้มือชี้ไม้ด่าว่าสวนกลับ อย่างที่เห็นกันอยู่บ่อยๆในระยะนี้
ต่อให้นุ่งผ้าม่วง แต่งตัว เหมือนผู้ดีในสมัยก่อนก็ช่วยอะไรไม่ได้ ในการที่จะทำให้ผู้เห็นเลื่อมใสศรัทธาในตัวผู้นั้น โดยเฉพาะ “ความโกรธ” ที่พลุ่งพล่านออกมาในลักษณะต่างๆ ซึ่งเคยพูดมาให้ฟังบ้างแล้วในครั้งก่อนๆ ไม่ว่าจะแสดงออกทางคำพูด หรือกิริยาท่าทางในรูปแบบต่างๆหลายประเภท โดยเฉพาะในลักษณะต่อไปนี้ คือ
โกรธจัด กัดติด งุ่นง่าน ขุ่นมัวตัวสั่น ศรศิลป์ไม่กินกัน น่าโมโหจัง กินรังแตน คับแค้นแน่นอก อยากชก บึ้งตึง ขึ้งเคียด เกลียดหนัก ค้อนควัก เคืองขุ่น ฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด อาละวาดรำคาญใจ อกดังไฟสุมขอน เร่าร้อนใจ เป็นฟืนเป็นไฟ เจ็บใจจนหน้าเขียว หน้าตาบูดเบี้ยว เป็นต้น ซึ่งเป็นอาการของคนที่ไม่เคยรู้ในเรื่องสัมมาปฏิบัติ
โดยเฉพาะในเรื่องของสติ
ประเทศชาติบ้านเมืองขณะนี้ยังไม่ประสบผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งสืบเนื่องจากเรื่องเก่าๆในอดีตที่ผ่านมาใกล้ๆ และเรื่องใหม่ๆที่เกิดขึ้นจากการจัดการบริหารที่ไม่ถูกทิศถูกทางอย่างที่เห็นนั้น ก็เป็นผลมาจากการทำงานของผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารบ้านเมือง ที่ไม่ค่อยจะใส่ใจในเรื่องสัมมาปฏิบัตินั่นเอง
ยังเต้นแร้งเต้นกากันอย่างคนไม่มีสติ
แม้สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันก็ยังเคยทรงอวยพรปีใหม่ในปีนี้ ด้วยข้อความว่า “สติมโต สทา ภทฺทํ” ซึ่งมีความหมายว่า “คนผู้มีสติ มีความเจริญทุกเมื่อ” เป็นพรปีใหม่ที่ประเสริฐยิ่งสำหรับทุกๆคนในบ้านเมือง ที่จะนำไปปฏิบัติ
ขอหยิบยกมาให้ผู้มีอำนาจที่กำลังบริหารบ้านเมืองในขณะนี้ ได้อ่านและได้เข้าใจกันอีกครั้งหนึ่งด้วยในวันมาฆบูชาปีนี้
อ่านแล้วเข้าใจแล้วก็ขอให้ปฏิบัติด้วย
เพราะเป็นสัมมาปฏิบัติที่ปฏิบัติได้ด้วยตนเอง
และเมื่อมีสัมมาปฏิบัติที่ถูกต้องแล้ว จะเป็นผู้ที่ทำให้บ้านเมืองที่กำลังตกต่ำอย่างสุดๆในขณะนี้ หันสู่เส้นทางที่จะมีความสุขความเจริญเกิดขึ้นได้ต่อไปนั่นเอง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี