25 กุมภาพันธ์ 2561 นายศศิน เฉพลิมลาภ โพสต์เฟซบุ๊คของเขาว่า“คดีคุณเปรมชัย 1.มีหนังเสือดำถลกไว้เรียบร้อย ทาเกลือ 2.มีต้มหางเสือในหม้อ ที่คุณแคมปิ้ง 3.มีปืน และเสียงปืนจากแคมป์ที่พัก ที่ไม่ได้อนุญาต 4.มีเสียงต่อรอง ในคลิป ถ้าแค่นี้ไม่จบ ไม่พอ รอตรวจขี้ อะไรไปเรื่อย ในความรู้สึกผม ผมว่าไงๆ ก็มีฝ่ายทำคดีหาทางช่วยเปรมชัยแน่ๆ
ขนาดนี้ 1.ไม่ควรให้ประกัน 2.คนแบบนี้ เป็นภัยต่อสังคม ทรัพยากรธรรมชาติ เห็นๆ 3.หลักฐานขนาดนี้ ถ้าหลุด รัฐบาลนี้ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้นะ”
ทุกประเด็นที่คุณศศินกล่าวมา เป็น “หลักฐานและเหตุการณ์”ที่ต้องหาคนและนิติวิทยาศาสตร์ไป “มัด” เรียกว่า วัตถุพยาน และพยานบุคคล รวมถึงพฤติการณ์แวดล้อม เช่น การที่ตำรวจไปตรวจร้านอาหารป่าที่กาญจนบุรี เพื่อพิสูจน์ทราบเส้นทางก่อนเข้าป่า และการเตรียมตัวก่อนเข้าป่าว่าซื้ออะไรไปบ้าง ซึ่งจะไปตอบโจทย์ข้อสังเกตของชุดจับกุม ที่เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ว่าอาจมีการเตรียมเนื้อเก้ง ที่เป็นเหยื่อล่อเสือดำมาตั้งแต่แรก แปลว่า ตั้งใจและวางแผนมาแล้ว ที่จะมาล่าเสือดำ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ต่อมาในวันที่ 27 ก.พ.61 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงข้อปรารภของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า สังคมปัจจุบันเกี่ยวกับการตัดสินคนในสังคมกันไปก่อน โดยเฉพาะคนละกลุ่มตามแนวความคิดความเชื่อ ในการใช้หลักคิดตัวเองไปตัดสิน คงจะทำให้ปั่นป่วนความสามัคคีปรองดองก็จะเกิดยากขึ้น เห็นได้ชัดจากโซเชียลมีเดียที่แพร่กระจายไปเร็ว เช่น ข้อเปรียบเทียบกรณีล่าเสือดำของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ฯ กับกรณีที่มีการชำแหละหมีโดยอ้างว่าหมีตายแล้วเนื่องจากติดกับดัก มีการเปรียบเทียบโดยใช้ภาพ แล้วถูกใจ แชร์ต่อกันอย่างแพร่หลาย พร้อมระบุกันว่ากรณีชำแหละหมีเป็นคนจนถูกจับติดคุกทันที แต่กรณีนายเปรมชัยยังไม่ติดคุก ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจไปว่ารัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหลายมาตรฐาน
“นายกฯบอกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสังคม จึงวิงวอนสื่อมวลชนร่วมกันชี้แจงทำความเข้าใจในข้อกฎหมายว่าเป็นอย่างไร อย่างกรณีชำแหละหมี ผู้ต้องหามีการรับสารภาพว่าทำจริง แต่กรณีนายเปรมชัย ไม่ได้มีการรับสารภาพ สิ่งที่ต้องทำก็คือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ผลการสอบสวนออกมาอย่างไร ผิดก็คือติดคุก ไม่ใช่คนจนจะติดคุกเลย แล้วคนรวยไม่ติดคุก มันไม่ใช่” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
ทั้งนี้ เพราะเป็นเรื่องขั้นตอนกฎหมาย ทุกคนเข้าใจ เพียงแต่อารมณ์และการตัดสินตามแนวความคิดของสังคมในปัจจุบันมันพิพากษา ทำให้สังคมรวน คิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องฐานะที่ทำให้กฎหมายต้องเลือกปฏิบัติ นายกฯอยากให้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะจะเป็นจุดที่ทำให้คนเกิดความรัก ความปรองดองในอนาคต ขณะเดียวกันในโครงการของไทยนิยม ยั่งยืน กำหนดจะต้องรู้บทบาทหน้าที่ สิทธิตัวเอง รวมถึงกลไกการทำงานของรัฐ จะได้ไม่ไปด่าใครพร่ำเพรื่อ
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น เมื่อลองเสิร์ชหาจากกูเกิ้ลทีละประเด็น ก็ได้ “ข้อเท็จจริง” น่าสนใจ
1) ข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่และคลิปเสียง โซเชียลมีเดียด่ากันสนั่นหวั่นไหว ว่าสอบเจ้าหน้าที่ทำไมนักหนา ทีไอ้เปรมชัย ไม่เรียกมาสอบ ปล่อยให้มันเลื่อนแล้วเลื่อนเล่าอยู่นั่นเอง
27 ก.พ. พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รองผู้บังคับการปราบปรามการการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเมนต์ พร้อมพวก รวม 3 คน ที่เข้าไปล่าสัตว์ป่า ว่า ขณะนี้พยานหลักฐานข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เนื่องจากคลิปเสียงที่ปรากฎไม่ใช่เสียงของนายเปรมชัย และเนื้อหาเป็นเนื้อหาการสนทนาทั่วไป โดยมีนายยงค์โดดเครือ 1 ในผู้ต้องหาสนทนากับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ โดยมีนายปิยะพงษ์ สืบเสน เจ้าหน้าที่เป็นผู้บันทึกเสียงไว้ ซึ่งเป็นการสนทนาหลังถูกจับกุมเมื่อวันที่ 5 ก.พ. และได้นำคลิปเสียงให้สื่อมวลชน ก่อนจะมีการลบออกจากโทรศัพท์ ยืนยันคลิปเสียงไม่ได้หาย พร้อมระบุ ในวันที่ 8 มี.ค.นี้ ได้เชิญนายวิเชียร ชินวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรกับพยานอีก 5 คน มาให้ปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะมีการประชุมสรุปว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ในวันที่ 12 มี.ค.นี้
2) ข้อหาทารุณสัตว์ น.สพ.อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะอดีต รมว.เกษตรฯ และนายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรฯ ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ไม่ออกประกาศครอบคลุมสัตว์ป่าไว้ใน พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ ทำให้ไม่สามารถแจ้งข้อหาทารุณกรรมสัตว์กับนายเปรมชัย กับพวก ว่า พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์พ.ศ.2557 มีเจตนารมณ์ที่จะคุ้มครองสัตว์ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกและเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของสิ่งแวดล้อมไม่ให้ถูกกระทำการทารุณกรรมและเจ้าของสัตว์ซึ่งนำสัตว์มาเลี้ยงจะต้องจัดสวัสดิภาพให้เหมาะสมตามประเภทและชนิดของสัตว์ ทั้งในระหว่างการเลี้ยงดู การขนส่ง การนำสัตว์ไปใช้งาน หรือใช้ในการแสดง ซึ่งพ.ร.บ.ฉบับนี้สามารถบังคับใช้กับสัตว์อื่นๆ ได้อยู่แล้ว
“ยังเหลือเพียงนิยามของสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ ประกาศกำหนดมาตรา 3 วรรคสุดท้าย หมายรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติตามที่รมว.เกษตรฯ ประกาศกำหนด เนื่องจากมีข้อโต้แย้งในรายละเอียดของคณะกรรมการฯ ซึ่งประกอบด้วยหลายภาคส่วน อย่างไรก็ตาม กรมปศุสัตว์จะเร่งประชุมคณะกรรมการฯ ให้ได้ข้อสรุปนิยามของสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาตินี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างสูงสุด โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 9 มี.ค.นี้” น.สพ.อภัย กล่าว
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้แม้ยังไม่ได้มีการกำหนดนิยามให้สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติเป็นสัตว์ตามพ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์ฯ ก็ตาม แต่สัตว์ป่าที่อยู่ตามธรรมชาติก็อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะ หากไปล่า หรือทำร้ายก็จะมีโทษหนักกว่าตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ส่วนสัตว์ป่าแม้อยู่ตามธรรมชาติ แต่หากนำมาเลี้ยงจะอยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557.
3) เปรมชัยคือคน “ลั่นไก” ยิงเสือดำหรือเปล่า 16 ก.พ.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่าศาลนัดให้นายเปรมชัย เข้ารายงานตัวในวันที่ 26 มี.ค. ไม่ใช่การขอเลื่อนรายงานตัว แต่ศาลเห็นว่าศาลจังหวัดทองผาภูมิอยู่ไกลเดินทางลำบากจึงนัดให้นายเปรมชัยกับพวก รายงานตัวผัดฟ้องครั้งที่ 4 ในวันที่ 26 มี.ค. หากไม่เดินทางมาตามนัดก็จะริบเงินประกันแล้วออกหมายจับ ส่วนนายเปรมชัยจะเดินทางมาหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่จากการตรวจสอบสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่พบรายชื่อนายเปรมชัย หลบหนีออกนอกประเทศสำหรับการตรวจพิสูจน์ว่านายเปรมชัย เป็นคนยิงเสือดำหรือไม่นั้น เห็นว่าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ เนื่องจากในทางกฎหมายแล้ว เพียงแค่ลักลอบนำอาวุธปืนเข้าไปในอุทยานฯ ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว ยืนยันผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มีความผิดร่วมกันชัดเจน มีอัตราโทษเท่ากัน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นคนยิงหรือไม่ คดีนี้มั่นใจว่าอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแน่นอน
4) เรื่อง “ขี้” ตำรวจไม่ใช่คนพูดนะครับ เห็นโซเชียลมีเดียบอกว่าสุดท้ายตำรวจจะใช้ขี้ช่วยให้เปรมชัยหลุดคดี (ฮ่าๆ) มาดูกันว่าคนพูดประเด็นนี้คือใคร
17 ก.พ. นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า หลักฐานอย่างหนึ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดว่าจะมัดตัวนายเปรมชัย ว่าเป็นคนล่าสัตว์ยิงเสือดำในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ คือ กองอุจจาระ ที่กองอยู่หน้ารถ 1 กองใหญ่ เป็นอุจจาระของคน ไม่ใช่อุจจาระของสัตว์ โดยอุจจาระกองนั้น กองอยู่ด้านหน้ารถ ห่างจากจุดที่มีการปลดปลอกปืนลูกซองเพียง 3 เมตรเท่านั้น ซึ่งเวลานี้ตนได้เก็บกองอุจจาระส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว
“สาเหตุที่มั่นใจว่าเป็นกองอุจจาระของนายเปรมชัย เพราะกองอุจจาระอยู่บริเวณหน้ารถคันที่คณะของนายเปรมชัย ขับเข้าไปในป่า คิดว่าคณะของนายเปรมชัยอีก 3 คน คือ นางนที ซึ่งเป็นผู้หญิงนั้นไม่อุจจาระกลางแจ้งแบบนี้แน่นอน ส่วน นายยงค์ คนขับรถ กับนายธานี ที่เป็นพรานก็คงไม่มีใครกล้าไปถ่ายอุจจาระหน้ารถของผู้เป็นนายแน่นอน เชื่อว่าพอยิงเสือดำได้ แล้วเอามาชำแหละที่จุดนี้ ระหว่างรอให้นายธานีแกะเครื่องในเสือดำออกมาทิ้ง นายเปรมชัย อาจจะรู้สึกปวดท้อง จึงได้ไปนั่งอุจจาระหน้ารถ เพราะจุดดังกล่าว มีก้อนหินและเป็นหลุมลึก ประกอบกับนางนที ที่พยายามหยิบกระโถนออกมาจากรถ แต่ในรถมีของวางทับซ้อนกันมากจึงหยิบไม่ทัน” นายชัยวัฒน์ กล่าว
เมื่อถามว่า อุจจาระกองดังกล่าว จะมัดตัวนายเปรมชัย ว่าเป็นคนยิงเสือดำได้อย่างไร นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า บริเวณที่พบกองอุจจาระนั้นเป็นจุดเดียวกับที่มีร่องรอยการแล่เนื้อ และชำแหละเครื่องในของเสือออกมาทำให้เชื่อมั่นว่าเป็นอุจจาระของนายเปรมชัย ไม่ใช่ของลูกน้องแน่นอน เมื่อถามต่อว่า กองอุจจาระที่เก็บมานั้น มั่นใจได้อย่างไรว่าเป็นอุจจาระของคน ไม่ใช่อุจจาระสัตว์ป่าตัวอื่น นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ดูไม่ยาก เพราะตอนเก็บนั้นก็ยังค่อนข้างใหม่อยู่ เป็นอุจจาระคนแน่นอน แต่จะให้แน่ที่สุดก็ต้องให้ พฐ.ออกมาแจงอีกที ซึ่งค่อนข้างมั่นใจ
สรุป :: เรื่องนี้ ใช้อารมณ์ความรู้สึกกันมากกว่าหาพยาน หลักฐานให้เป็นระบบ
หากย้อนดูบทเรียนจากอดีต ความตายของ “สืบ นาคะเสถียร” เปลี่ยนเป็นความรัก ความรู้ความเข้าใจ ความสนใจ และความหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ พรรณพืช และสัตว์ป่า เพิ่มคุณค่าให้ผู้คนหันมาตระหนักต่อสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจังและใส่ใจ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ความตายของ “เสือดำ” จึงอย่าทำให้เกิดแค่ “เกลียดเปรมชัย-ไม่ไว้ใจศรีวราห์”
จงใช้สติปัญญาสืบสานจิตวิญญาณและการสังเวยชีวิตของคุณสืบ ให้ลุ่มลึกและหมดจดกว่านั้นเถิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี