นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ แกนนำ นปช.เดินทางไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) พร้อมทีมทนาย แจ้งความเอาผิดบุคคล 9 ราย อ้างกรณีเผยแพร่คลิปตัดต่อสั่งเผาบ้านเมือง ในช่วงที่มีการชุมนุม นปช. เมื่อปี 2553 ในข้อหา นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ได้นำคลิปวีดีโอฉบับเต็มความยาว 24 นาที ที่ปราศรัยในระหว่างการชุมนุม นปช. ในวันที่ 23 ม.ค.53 ที่ เขาสอยดาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี, คลิปวีดีโอตัดต่อความยาว 25 วินาที และไอดีผู้โพสต์เผยแพร่ข้อความในเฟซบุ๊ค จำนวน 9 ราย ซึ่งมีทั้งชื่อนามสกุลจริงและนามแฝง เพื่อมามอบให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบ รวมถึงจะรวบรวมหลักฐานเอาผิดบุคคลอื่นๆ ต่อไป ทั้งในแวดวงทางการเมืองหรือสื่อสารมวลชน
ถ้อยคำบางตอนของการปราศรัยที่เขาสอยดาวนั้นเอง ที่มีคำพูดว่า “เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง”
นายณัฐวุฒิ อธิบายว่า คลิปการปราศรัยที่เขาสอยดาว ซึ่งในช่วงนั้นยังไม่มีใครทราบได้ว่ากำหนดนัดหมายชุมนุมใหญ่เมื่อไร ที่ไหน อย่างไร แต่ขณะนั้นได้มีกระแสข่าวลือเรื่องการยึดอำนาจที่ กรุงเทพฯ ตนก็เลยพูดระหว่างปราศรัยว่าไม่มีการยึดอำนาจแน่นอน และเนื้อหาสาระในการปราศรัยไม่เกี่ยวข้องกับเหตุวางเพลิงที่กรุงเทพฯ และสถานที่อื่นๆ แต่ก็ได้มีการตัดต่อข้อความเฉพาะบางช่วงบางตอน ความยาว 25 วินาที ว่าตนได้สั่งการให้เผาบ้านเผาเมือง ทำให้เกิดการเข้าใจผิด และบิดเบือนข้อเท็จจริง
1. ในรายงานฉบับสมบูรณ์ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) หน้า 162-167 ได้ระบุถึงการปราศรัยดังกล่าวไว้ด้วย ว่าเป็น “การปราศรัยที่มีเนื้อหาส่งเสริมความรุนแรง”
โดยระบุว่า ในการชุมนุมของ นปช. ก่อนการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 12 มีนาคม ทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ มีการปราศรัยโดยแกนนำ นปช. บนเวทีหลายครั้ง ที่มีลักษณะเป็นการยั่วยุชี้นำ ส่งเสริมให้ใช้ความรุนแรงต่อเนื่องมาจนถึงการชุมนุมระหว่างเดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม 2553 ก็ยังคงมีการปราศรัยในลักษณะดังกล่าว โดยจากภาพวีดีโอการปราศรัยพบว่า ผู้ร่วมชุมนุมส่วนใหญ่ยอมรับและแสดงอาการพึงพอใจกับเนื้อหาการปราศรัยโดยการปรบมือ โห่ร้องสนับสนุน โดยไม่มีการแสดงท่าทีคัดค้าน ไม่ว่าจากผู้เข้าร่วมชุมนุมหรือผู้ปราศรัยคนอื่น และไม่ปรากฏว่าแกนนำคนอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้จัดการและผู้นำการชุมนุมได้พยายามดำเนินการใดๆ ที่เป็นการคัดค้านหรือป้องกันมิให้เกิดการกระทำดังกล่าวขึ้นอีก โดยพบการปราศรัยในลักษณะดังกล่าวตามลำดับเวลาดังต่อไปนี้
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัย ณ เวทีการชุมนุมของ นปช. ที่เขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ระหว่าง วันที่ 23-24 มกราคม 2553 “ถ้าพวกคุณยึดอำนาจ พวกผมเผาทั่วประเทศ เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง แล้วใครจะจับใครจะอะไรมาเอากับผม ถ้าคุณยึดอำนาจเผา”
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ปราศรัย เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2553 ณ เวทีการชุมนุมของ นปช. ที่เขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี “ดังนั้นพอเดือนเมษา (2552) เราถึงแตกทัพ....กาลเวลาผ่านมาจากเดือนเมษา...ถึงเดือนตุลา เริ่มมีนักรบดำ คือทหารพรานเข้ามาที่เวทีที่สนามหลวง พอเดือนพฤศจิกา มาอีกครั้ง ไม่ใช่การ์ดธรรมดาที่คุณอารีย์เขาจ่ายเบี้ยเลี้ยง...ขณะนี้บู๊กับบุ๋นมันมาชนกัน หมายความว่าการที่ต่อสู้วันนั้น เราไม่ได้มีการต่อสู้ด้วยแก้วสามประการ คือ พรรค แนวร่วม กองกำลังติดอาวุธ เพราะว่าเราสู้กันคือการอหิงสา แต่พอคุมไม่อยู่ มันดิ้นไปเป็นจลาจล...ถึงเวลามาสุดท้าย เกิดกองกำลังติดอาวุธขึ้นมา มันครบแก้วสามประการ มันพร้อมรบแล้ว”
นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ปราศรัยเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2553 ที่หน้ากองบัญชาการ กองทัพบก“พี่น้องนัดกันคราวหน้า ถ้ารู้ว่า เขาจะปราบปราม ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก มาด้วยกัน ขวดแก้วคนละใบ มาเติมน้ำมันเอาข้างหน้า บรรจุให้ได้ 75 ซีซี ถึง 1 ลิตร ถ้าเรามาหนึ่งล้านคนในกรุงเทพมหานคร มีน้ำมันหนึ่งล้านลิตร รับรองว่า กทม.เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน”
นายสุพร อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน) ปราศรัยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2553 ณ เวทีชุมนุม นปช. จังหวัดอุดรธานี “ถ้ามีการปฏิบัติเมื่อไหร่....ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัด แกนนำตามภูมิภาค ให้เป้าหมายศาลากลางทันที และแน่นอนที่สุด เข้าไปอยู่ศาลากลาง อากาศคืนนี้ที่อุดรฯ มันหนาวยิ่งนัก มันจำเป็นต้องก่อไฟผิงกันสักหน่อย”
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2553 ณ เวทีแยกราชประสงค์ “ใครก็ตามที่คิดบ้าๆ จะเข้ามา สี่ทิศทางให้ดูชัยภูมิบ้าง เพราะข้างๆ เป็นห้างสรรพสินค้า ซึ่งไม่ใช่ของผม เป็นของคนรวยเขา ถ้าผู้ชุมนุมกำลังหลับอยู่ดีๆ มาสลายการชุมนุมอาจจะตกใจวิ่งทะลุกระจกห้าง ใครรับผิดชอบ เพราะมีทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ พารากอน เกษรพลาซ่า ก็ต้องวิ่งหาที่กำบัง อาจจะขับรถเข้าไปข้างในด้วยเพราะว่าตกใจ ถ้าผมเป็นเจ้าของห้างจะโทรไปหา พล.อ.อนุพงษ์(เผ่าจินดา) ว่าอย่ามา เพราะถ้ามา ฉิบหายแน่” และ “นอนๆ อยู่ดีๆ ตูม เซ็นทรัลเวิลด์ ดื้อๆ เลยตูมเกษรฯ ตูมพารากอน อย่างนั้นเลยฮะ อุปนิสัยนี่ แล้วเวลาตกใจเนี่ย วิ่งเข้าไปในห้างเนี่ยห้างเขาก็เป็นคอนกรีตนะฮะ เป็นปูนใหญ่ๆ ทีนี้ ผมนี่เวลาตกใจยังไง ผมจะไม่วิ่งชนปูนครับส่วนใหญ่เวลาตกใจผมวิ่งเข้าหากระจก แล้วพอวิ่งเข้าหากระจกนี่ ผมไม่ใช่จะชนกระจกไปเรื่อยๆ นะครับ ผมไม่ใช่นางเอกเรื่องทวิภพนี่ครับ โดดเข้ากระจกได้ เพราะฉะนั้นผม เวลาตกอกตกใจ มันวิ่งไปเฉยๆ ไม่ได้ครับ มีหินติดไม้ติดมือไปด้วย ผมขว้างไปเรื่อยไม่รู้เป็นอะไร แล้วผมดูๆ คนเสื้อแดงก็ขี้ตกใจกันเป็นแสนนะผมว่าเนี่ย และผมดูอาการแล้วเนี่ย พฤติกรรมในการตกใจไม่เหมือนกันด้วยนะ คือมักจะบอกว่าใครอยู่ใกล้ตรงไหนก็ตกใจตรงนั้น เช่นอยู่ใกล้เซ็นทรัลเวิลด์ก็ตกใจเซ็นทรัลเวิลด์ ใกล้เกษรก็ตกใจเกษร ใกล้พารากอนก็ตกใจพารากอน ถ้าทหารหลายหมื่นคนเข้ามา คนหลายหมื่นคนเป็นแสน ต่างคนต่างวิ่ง ต่างคนต่างตกใจชนข้าวของในห้างเขาระเนระนาดไปหมด แล้วคนเสื้อแดงตกใจวิ่งชนของแพงเท่านั้นนะครับ”
ฯลฯ
ในรายงานฉบับสมบูรณ์ คอป. ชี้ชัดว่า “...การปราศรัยที่มีเนื้อหาเสริมความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราศรัยในเรื่องการเผาอาคารสถานที่ดังกล่าวมานี้ อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดกฎหมายอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 บัญญัติว่า
“มาตรา 85 ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้น มีกำหนดโทษไม่ต่ำกว่าหกเดือน ผู้นั้นต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
ถ้าได้มีการกระทำความผิด เพราะเหตุที่ได้มีการโฆษณาหรือประกาศตามความในวรรคแรก ผู้โฆษณาหรือประกาศต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ”
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ คอป. สดับตรับฟังมานั้น กระบวนการยุติธรรมของประเทศก็หาได้ดำเนินการใดๆ กับการกระทำดังกล่าวมานี้ไม่
จะอย่างไรก็ตาม คอป. เห็นว่าข้อนี้เป็นเหตุผลประกอบประการหนึ่งที่แสดงว่า การชุมนุมของนปช. หาใช่เป็นการชุมนุมโดยสงบแต่อย่างใดไม่”
2. ขณะนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช. กับพวกรวม 24 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย และข้อหาอื่นๆ กรณีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553 เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2553 โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
การมาแจ้งความเช่นนี้ ภายหลังเกิดเหตุยาวนานเกือบ 10 ปี จึงอาจถูกมองได้ว่า เจตนาแท้จริงมุ่งประสงค์ลดทอนทำลายน้ำหนักหลักฐานการปราศรัยที่บ่งชี้ถึงการวางแผนเตรียมการ หรือการปลุกระดม ปลุกเร้ามวลชน ก่อนการเคลื่อนไหวใหญ่ที่ กทม.เมื่อปี 2553 หรือต้องการความเป็นธรรมแก่ตนเองจริงๆ?
3. น่าคิดว่า... ในเมื่อการปราศรัยของนายณัฐวุฒิก็ได้พูดจริงๆ ต่อให้เปิดคลิปฉบับเต็มเลยก็เถอะ คำพูดแบบนั้น ก็ออกจากปากนายณัฐวุฒิจริงๆ ดังปรากฏในรายงานของ คอป.
การไปแจ้งความให้เอาผิดบุคคล 9 คน และประกาศว่าจะมีเพิ่มอีกนั้น น่าสงสัยว่าฝ่ายผู้ถูกแจ้งความจะถือว่าตนเป็นผู้เสียหาย ถูกกลั่นแกล้งได้หรือไม่?
คล้ายๆ คดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด ครูปรีชา ใคร่ครวญ ผู้ที่เคยไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ ได้ถูกศาลอาญาออกหมายจับ ใน 3 ข้อหา คือ
มาตรา 172 ผู้ใดแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการผู้ว่าคดีพนักงานสอบสวน หรือ เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 173 ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือ เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกิน หกหมื่นบาท
และมาตรา 174 กระทำการเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้นผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
พนักงานสอบสวน ปอท. จะตกเป็นเครื่องมือของจำเลยในคดีก่อการร้ายหรือไม่จงพิจารณาให้จงหนัก
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี