คำว่า “ปฏิรูป” หมายถึงการทำรูปแบบให้ดีขึ้น หรือเหมาะสมขึ้นกว่ารูปเดิม ส่วนคำว่า “ปฏิลูบ” หมายถึงการลูบโน่นลูบนี่ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร รูปเดิมเป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น
อย่างเช่นในขณะนี้ที่ยังไม่เห็นว่าจะมีการ “ปฏิรูป” อะไรเกิดขึ้นเป็นชิ้นเป็นอันสักเรื่อง ทั้งๆที่ปากของคนมีอำนาจหน้าที่ในการทำงานแก้ไขปัญหาต่างๆของบ้านเมืองออกมาพูดออกมาบอกบ่อยๆว่า จะปฏิรูปโน่นจะปฏิรูปนี่ตลอดเวลา
ที่เห็นอยู่ขณะนี้ก็ได้แต่ “ลูบ” อยู่ตลอดเวลาเท่านั้น โดยเฉพาะในเรื่องการ “ปฏิรูปตำรวจ” ที่ตั้งท่าตั้งทางกันใหญ่โตมีทั้งการทำงานของ “สภาปฏิรูปแห่งชาติ” ที่เคยเสนอแนะแนวทางการปฏิรูปตำรวจไว้ต่อฝ่ายบริหาร ก่อนจะหมดวาระไปก็ตาม หรือมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเป็นการเฉพาะในเรื่องการปฏิรูปตำรวจ แต่ก็หายจ๋อมไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในการปฏิรูป
ถ้าจะถามว่าทำไมต้องปฏิรูปตำรวจ ก็ต้องตอบแบบง่ายๆว่าเพราะรูปเดิมมันพิการในการทำงานให้กับประชาชน ซึ่งควรจะได้รับการดูแลให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละวัน หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรมที่ประชาชนควรจะได้รับ เพราะตำรวจเป็น “ต้นธาร” ของกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
ถ้า “ต้นธาร” ไม่สะอาด ปลายน้ำก็สกปรก
ชาวบ้านต้องกินน้ำใช้น้ำสกปรกตลอดเวลา
ที่บอกว่ารูปเดิมของตำรวจมันพิการในการทำงานให้กับประชาชนนั้น ก็เป็นเพราะ “โครงสร้าง” ของตำรวจในขณะนี้มันใหญ่โตมโหฬารจริงๆ มีส่วนราชการแยกย่อยกันมากมายหลายฝ่าย จนดูเป็น“กองทัพ” ไปแล้วในขณะนี้เหมือนทหาร ทั้งๆที่ไม่ใช่ทหาร
การบริหารจัดการในหน่วยงานของตำรวจขณะนี้ ก็พิการไปด้วย เพราะตำแหน่งของตำรวจเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจ ทำให้กลายเป็น “สินค้า” มีราคา เราจึงได้ยินได้ฟังตลอดเวลาว่า ใครอยากได้เลื่อนขั้นเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งหน้าที่จะต้องวิ่งเต้หากันด้วยเงินทองดังเป็นข่าวที่ได้รับฟังกันมาโดยตลอดโดยเฉพาะเมื่อดูไปที่ตำรวจในระดับล่างๆ ด้วยแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจที่มีความรู้น้อย เงินเดือนต่ำ แต่งานหนักเพราะต้องอยู่ข้างหน้าตลอดเวลาในการทำงานกับประชาชน ต้องผจญกับผู้ร้ายก่อน ต้องตายก่อนหรือเจ็บก่อนพวกตำรวจที่อยู่ในระดับสูงๆ ขึ้นไป ซึ่งอยู่ในที่ทำงาน ไม่ได้ออกไปทำงานในท้องถนนเหมือนตำรวนชั้นผู้น้อย
เมื่อทั้งโครงสร้างของตำรวจที่ใหญ่โตเทอะทะ และการบริหารจัดการที่เป็นไปอย่างพิกลพิการอย่างนี้ การ “ปฏิรูปตำรวจ” ในการที่จะทำให้รูปแบบเดิมที่เป็นอยู่ดีขึ้น รวมทั้งการบริหารจัดการในองค์กรตำรวจเหมาะสมขึ้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรละเลย หรือมัวแต่ “ลูบโน่นลูบนี่” อย่างที่เห็นในขณะนี้ เพื่อให้องค์กรตำรวจปลอดพ้นจากการครอบครอง หรือครอบงำจากผู้มีอำนาจที่ไม่ดี หรือจากทุนสามานย์ทุกชนิดที่ใช้บริการจากตำรวจที่ไม่ดี อย่างทุกวันนี้
ประโยชน์โดยรวมก็จะเกิดขึ้นกับประชาชน ผู้คนดีๆทั้งหลายจะนอนตาหลับเพราะได้รับการคุ้มครอง และความเป็นธรรมที่ดียิ่งขึ้นจากตำรวจ
การปฏิรูปตำรวจที่สมควรจะดำเนินการนั้น ได้เคยมีผู้เสนอแนะไว้มาก แต่ไม่เคยได้รับความใส่ใจหรือความจริงจังจากผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ที่จะให้มีการปรับปรุงหรือปฏิรูปแต่อย่างใดในระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นเพราะจะเสียผลประโยชน์ที่เคยได้รับก็ได้ ในการได้รับเงินรับทองรับของกำนัลต่างๆจากการวิ่งเต้นให้ช่วยเรื่องนั้นเรื่องนี้
เรื่องใหญ่ๆที่เคยมีผู้เสนอแนะไว้นั้น ขอสรุปให้ฟังในประเด็นสำคัญๆ ที่สมควรต้องปฏิรูปกันอย่างจริงจังให้ได้ อย่าได้แต่ “ปฏิลูบ” อย่างทุกวันนี้
เรื่องสำคัญๆที่ว่านี้ก็คือ
1. ปฏิรูปโดยการลดขนาดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในขณะนี้ โดยนำส่วนราชการที่ไม่มีหน้าที่ และไม่ควรจะอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปไว้ที่อื่น หรือให้ไปอยู่กับส่วนราชการอื่นที่มีภารกิจหน้าที่ลสอดคล้องกัน
2. ปฏิรูปโดยการกระจายอำนาจการบริหารในระดับสูงลงไปให้ระดับล่าง เช่น กระจายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปให้ “กองบัญชาการภาค” หรือ “กองบัญชาการตำรวจนครบาล” ลงไปจนกระทั่งถึง “สถานีตำรวจ” ที่ควรมีอำนาจในการบริหารตัวเอง โดยไม่มีการแทรกแซง หรือข้องเกี่ยว หรือมีการใช้อำนาจของผู้ที่อยู่สูงกว่า
3. ปฏิรูปด้วยการลดอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงไป แต่ไม่ใช่เลิก เพียงแต่จำกัดลงให้เป็นผู้กำกับดูแลนโยบายด้านตำรวจเท่านั้น แต่จะไปล้วงลูกอย่างที่เคยทำมาไม่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการแต่งตั้ง และเรื่องของการบริหารงบประมาณ
4. การปฏิรูปตำรวจ ควรจัดให้มีคณะกรรมการในระดับจังหวัด เพื่อป้องกันมิให้การใช้อิทธิพลครอบงำจากระดับสูง โดยเฉพาะคณะกรรมการอิสระในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนในแต่ละพื้นที่ เพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรมของประชาชน
5. ด้านสถานีตำรวจต่างๆก็ต้องได้รับการปฏิรูปด้วย เพื่อให้เป็นที่พึ่งพาของประชาชนในพื้นได้อย่างจริงๆ และในการปฏิรูปสถานีตำรวจนั้นก็ต้องพิจารณาตัวตำรวจที่ประจำอยู่ในโรงพักด้วยว่า มีความเป็นอยู่อย่างไร และมีการประพฤติปฏิบัติตนอย่างไร เป็นผู้ดูแลประชาชนจริงๆ จังๆหรือไม่ เพื่อจะได้มีการแก้ไขไปพร้อมๆกัน
รายละเอียดของแต่ละอย่างดังกล่าว ขอพูดต่อคราวหน้า
(อ่านต่อวันอังคาร)
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี