ในที่สุด ศาลปกครองก็มีคำพิพากษา เพิกถอนค่าโง่คลองด่าน 9 พันกว่าล้านบาท
คืนความเป็นธรรมแก่แผ่นดินเป็นเบื้องต้น
1. เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2561 ศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษา ในคดีที่บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กับพวกรวม 6 คน ร้องขอให้ศาลบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ จากข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 50/2546 หมายเลขแดงที่ 2/2554 ลงวันที่ 12 มกราคม 2554 ที่ให้กรมควบคุมมลพิษ ชำระเงินจำนวน 4,983,342,383 บาท กับอีก 31,035,780 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามสัญญาโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย หรือคดี “ค่าโง่คลองด่าน”
ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เเต่ในยุครัฐบาล คสช.นี่เอง กรมควบคุมมลพิษและกระทรวงการคลัง ได้ร้องขอให้พิจารณาพิพากษาคดีใหม่ ภายหลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาชี้ว่า คดีดังกล่าวมีการร่วมกันวางแผนและมีการเอื้อประโยชน์ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในฐานะผู้แทนฝ่ายผู้ว่าจ้างกับผู้รับจ้าง
ต้องชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อโครงการอันเป็นมรดกบาปจากการเมืองน้ำเน่า ไล่ตั้งแต่หัวหน้า คสช. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมไปถึงอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ที่ได้ทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน ทั้ง สตง. ปปง. ป.ป.ท. ฯลฯ ยึดถือความถูกต้องและผลประโยชน์ของแผ่นดินเป็นที่ตั้ง
ตั้งหลักต่อสู้คดีด้วยข้อเท็จจริง จนนำมาสู่การรื้อฟื้นคดีค่าโง่คลองด่าน
ในอดีต ยุคนักการเมืองครองอำนาจ ภาครัฐถูกกลุ่มทุนที่มีนักการเมืองหนุนหลังขี่คอมาโดยตลอด
ในยุครัฐบาลนักเลือกตั้งที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ภาครัฐได้ตั้งหลักสู้อย่างเป็นระบบ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของแผ่นดินอย่างเต็มที่ เพราะโครงการนี้ มีนักการเมืองหลายกลุ่มเข้าไปมีเอี่ยว พบการกระทำผิด ทุจริตประพฤติมิชอบ ทั้งนักการเมืองและข้าราชการมากมาย หลายกรณี
2. ศาลปกครองกลาง ลงลึกในรายละเอียดข้อเท็จจริง ชี้ให้เห็นพฤติกรรมการกระทำผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ และการเอื้อประโยชน์แก่เอกชนโดยมิชอบ ระบุว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ได้ดำเนินการขัดต่อระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และกฎหมาย ทั้งในขั้นตอนการพิจารณาคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเหมาะสม การจัดหาที่ดิน การประกวดราคา และมีการแก้ไขข้อความในร่างสัญญาที่ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานอัยการสูงสุดในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ ทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย โดยผู้ที่จะรับประโยชน์ คือ บริษัท คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ จำกัด และ กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี
สัญญาโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเกิดจากการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่มีผลผูกพันกรมควบคุมมลพิษ
คำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ชี้ขาดให้ผู้คัดค้านชำระเงิน จึงมีเหตุให้เพิกถอนได้ เนื่องจากการบังคับตามคำชี้ขาดดังกล่าวเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ในที่สุด ศาลปกครองกลาง จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 50/2546 หมายเลขแดงที่ 2/2554 ลงวันที่ 12 มกราคม 2554 ที่ให้กรมควบคุมมลพิษชดใช้ค่าเสียหายโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ จำนวนกว่า 9 พันล้านบาท
3.มหากาพย์โกงคลองด่าน ทำให้เกิดความเสียหายแก่แผ่นดินไปแล้วมากกว่าสองหมื่นล้านบาท
ค่าที่ดินที่ใช้ในโครงการ 1,903 ไร่ เป็นเงิน 1,956 ล้านบาท แพงกว่าราคากลางของสำนักงานที่ดินสมุทรปราการ ณ ขณะนั้น กว่าหนึ่งพันล้านบาท แถมมีการใช้อำนาจการเมือง ออกโฉนดโดยมิชอบ ทับคลองสาธารณะ แล้วเอามาขายให้รัฐ
ค่าก่อสร้างระบบบำบัดและค่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ที่จ่ายไปแล้วเป็นเงิน 17,045 ล้านบาท และกับอีก 121 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการดำเนินการก่อสร้างโครงการเรื่อยมาเป็นงวดๆ โดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลยจากซากสิ่งก่อสร้างของโครงการ
แล้วยังต้องมาจ่ายค่าโง่อีกเกือบหมื่นล้าน โดยจ่ายไปแล้วหนึ่งงวด ก่อนที่รัฐบาล คสช. จะชะลองวดที่ 2-3 ไว้ก่อน เพราะมีการฟื้นคดีขึ้นมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของรัฐนั่นเอง
4.น่าสนใจว่า ยังมีคดีอาญาอีกหนึ่งคดี อยู่ในชั้นศาลฎีกา
กรมควบคุมมลพิษเป็นโจทก์ ฟ้องกิจการร่วมค้ากับพวกรวม 19 ราย เป็นความอาญาข้อหาฉ้อโกง ต่อศาลแขวงดุสิต ระบุพฤติการณ์มีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ กลุ่มหนึ่งเป็นผู้รวบรวมที่ดินนำมาขายให้รัฐ อีกกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ก่อสร้างโครงการ มีความสัมพันธ์กัน โดยทราบดีอยู่แล้วว่าที่ดินออกโฉนดมิชอบ แล้วนำมาขายให้กับรัฐใช้ก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน โดยไม่มีบริษัทผู้เชี่ยวชาญร่วมดำเนินการ มีเจตนาทำให้รัฐเสียหาย นำผลประโยชน์ไปแบ่งปันกัน
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2552 ศาลแขวงดุสิตอ่านคำพิพากษา ระบุว่า จำเลยบางส่วนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุก คนละ 3 ปี (จำเลยที่เป็นบุคคล) ฝ่ายจำเลยยื่นอุทธรณ์
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง ฝ่ายจำเลยไม่มีความผิด
ปัจจุบัน คดียังอยู่ในชั้นศาลฎีกา
5. ขณะนี้ ทราบว่า ปปง.ได้มีการอายัดทรัพย์สินอันเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวนหลายรายการ มูลค่าหลายพันล้านบาท
เอาไว้แล้ว
บางรายการอยู่ในชื่อของบริษัทรับเหมาใกล้ชิดนักการเมืองดัง
บางรายการอยู่ในชื่อของคนนามสกุลเดียวกับนักการเมืองดัง
ขอสนับสนุนให้ ปปง. เดินหน้าทวงคืนเงินค่าโง่ ที่รัฐจ่ายไปก่อนนี้ นำกลับคืนมาเป็นของแผ่นดินให้หมด และติดตามยึดทรัพย์ค่าเสียหายที่รัฐต้องสูญเสียไปแล้วมากกว่า 2 หมื่นล้านบาทนั้น กลับคืนมาเป็นของแผ่นดินต่อไปด้วย เพื่อคืนความเป็นธรรมแก่แผ่นดินส่วนรวม และเป็นเยี่ยงอย่างสำหรับคนโกง
เชื่อแน่ว่า การถอนพิษค่าโง่คลองด่าน บำบัดพิษจากการทุจริตของการเมืองน้ำเน่า ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาล คสช. ซึ่งจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในยุคนักเลือกตั้งผสมพันธุ์กันเป็นรัฐบาล
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี