ข้อวิตกว่าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) จะคว่ำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.และสมาชิกวุฒิสภา(สว.) จนทำให้โรดแมปการเลือกตั้งต้องไปนับหนึ่งใหม่มีอันหมดไป หลังจากที่ประชุมสนช.มีมติด้วยเสียงเอกฉันท์ผ่านร่าง พ.ร.ป.ทั้งสองฉบับทำให้นับจากนี้ไปเส้นทางสู่โรดแมปการเลือกตั้งโล่งชัดเจนโดยจะมีขึ้นไม่เกินเดือนก.พ.2562 ค่อนข้างแน่นอนแล้ว
ก่อนหน้านี้ เกิดกระแสวิตกว่า พ.ร.ป.สำคัญทั้งสองฉบับจะถูกคว่ำเพราะ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ออกมาชี้ว่าบทบัญญัติในบางประเด็นของพ.ร.ป.ทั้งสองฉบับที่คณะกรรมาธิการของสนช.แก้ไขโดยเฉพาะประเด็นเรื่องการตัดสิทธิผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งห้ามดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.กับ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสว.ที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่มาของสว.ซึ่งอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่ง นายมีชัย เสนอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ
อย่างไรก็ตามที่ประชุมก็ผ่านร่างพ.ร.ป.ทั้งสองฉบับหลังจากที่มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย คือ สนช. กรธ. และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อหาข้อสรุปที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องทำให้การผ่านร่างกฎหมายเป็นไปด้วยความราบรื่น และคาดว่าน่าจะไม่มีการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความใดๆ หากพิจารณาจากมติที่ออกมาแบบเป็นเอกฉันท์
ส่วนอนาคตหากจะมีองค์กรภาคประชาชนเข้าชื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเป็นเรื่องที่ต้องจับตากันต่อไป แต่หากองค์กรภาคประชาชนกลุ่มไหนยื่นเรื่องตีความอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมว่าพยายามขัดขวาง การเลือกตั้ง เพราะแม้แต่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร 1 ใน 5 เสือ กกต.ชุดปัจจุบันที่ก่อนหน้านี้เห็นว่าร่างทั้งสองฉบับอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและอาจต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ล่าสุด นายสมชัย กลับลำไม่ติดใจประเด็นนี้แล้ว
เมื่อสนช.ผ่านร่าง พ.ร.ป.สำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไป นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. จะต้องส่งร่างไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จากนั้นนายกฯก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ซึ่งพระมหากษัตริย์จะมีระยะเวลาที่จะทรงพิจารณาร่าง 90 วัน เมื่อทรงพิจารณาเสร็จภายในเดือนมิ.ย.นี้และทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชทานกลับลงมาก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ตามคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 กำหนดไว้ว่า ในวันที่ร่าง พ.ร.ป.ทั้งสองฉบับประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาให้คสช.เชิญหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค กกต. กรธ. มาประชุมเพื่อกำหนดโรดแมปและวันเลือกตั้งที่ชัดเจนเป็นครั้งสุดท้าย โดยยึดกรอบเวลาตามรัฐธรรมนูญคือกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งก็คือราวเดือนก.ย.ปีนี้จากนั้นเข้าไปสู่กรอบเวลาที่จะต้องมีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน ซึ่งก็ไม่เกินเดือน ก.พ.2562
เพราะฉะนั้นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้การเลือกตั้งสะดุดขณะนี้เท่าที่ดูน่าจะมีอยู่เพียง 2 ปัจจัยนั่นคือ ปัจจัยแรก ปัญหาการสรรหากกต.ชุดใหม่สะดุดไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ขณะที่ 5 เสือกกต.ชุดปัจจุบันซึ่งทำหน้าที่แทนกกต.ชุดใหม่ หากกกต.ซึ่งทำหน้าที่แทน 2 คน ขึ้นไปดันลาออกก็จะทำให้เกิดภาวะสุญญากาศเพราะเหลือกกต.แค่ไม่เกิน 3 คน ขณะที่ะองค์ประชุมของกกต.ต้องมี 4 คนขึ้นไป แต่ก็เชื่อว่าปัจจัยเสี่ยงนี้มีโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย
ส่วนอีกปัจจัยเสี่ยงหนึ่งก็คือ เกิดอุบัติเหตุความปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมืองโดยเฉพาะจากขบวนการที่ออกมาเคลื่อนไหวหวังสุมไฟให้เกิดการลุกฮือของนักศึกษาประชาชนตามแผน “14 ตุลาฯโมเดล” ซึ่งที่ผ่านมาสะท้อนผ่านกลุ่มเคลื่อนไหวหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มอยากเลือกตั้งที่อาศัยแกนนำนักศึกษาหน้าเดิมอย่าง นายรังสิมันต์ โรม หรือ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” เป็นเครื่องมือหวังสุมไฟป่วนเมือง แต่ความพยายามสุมไฟตามแผน “14 ตุลาฯโมเดล” หลายครั้งที่ผ่านมาทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดไม่ประสบความสำเร็จโดยมีประชาชนเข้าร่วมโหรงเหรงและล้วนเป็นมวลชนจัดตั้งพวกเดียวกันเองหน้าเดิมๆ
แม้สนช.จะผ่านร่างกฎหมายเลือกตั้งสส.และสว.ซึ่งทำให้เส้นทางสู่การเลือกตั้งปลอดโปร่งชัดเจน ซึ่งทำให้ขบวนการคิดป่วนเมืองหมดข้ออ้างความชอบธรรมในการเคลื่อนไหว แต่เชื่อว่าขบวนการจ้องป่วนจะไม่หยุดความพยายาม สุมไฟบ่อนทำลายอำนาจรัฐคสช.ด้วยการเปลี่ยนข้ออ้างในการเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะการนัดแสดงพลังครั้งใหญ่ในโอกาสครบรอบ 4 ปี การยึดอำนาจของคสช. ในวันที่ 22 พ.ค.นี้
การเคลื่อนไหวของขบวนการป่วนเมืองทำให้แม้แต่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบกก็เคยตั้งข้อสงสัยว่า ขบวนการพวกนี้อยากเลือกตั้งหรือมีเป้าหมาย ที่แท้จริงอะไรกันแน่
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี