l มองย้อนประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย ในเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ของประชาชนไทย 14 ตุลา 2516 ที่เป็นการลุกขึ้นสู้ของนักศึกษาประชาชนหลากหลายอาชีพแทบทุกวงการหลายแสนคน ที่ต้องการสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตยที่สูญหายไปจากสังคมไทย จากการใช้อำนาจรัฐประหารที่ทำเพื่อพวกพ้อง ไม่ใช่ประชาชน เป็นภาพประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ มิเพียงต่อสังคมไทย แต่ถูกกล่าวขวัญและนำไปอ้างทั่วโลก
กก.ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยในยุคอ.ธีรยุทธ บุญมี, อ.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ทำงานหนัก ด้วยความรับผิดชอบ ตั้งแต่การเริ่มต้น จนถึงเหตุการณ์สงบจบลงด้วยดี จากคุณูปการของคนสามฝ่ายฯ คือ ประชาชน นักศึกษาเรือนหลายแสนเป็นตัวหลัก ร่วมกับ กองทัพที่นำโดย พลเอกกฤษณ์ ศรีวรา และสถาบันฯ
l มาวันนี้ น่ามหัศจรรย์ใจนักที่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์เดินย้อนกลับมาที่เดิม (History repeats itself)
1.เมื่อมวลมหาประชาชนเรือนล้านในนาม กปปส. ที่ร่วมกันออกมาต่อสู้กับอำนาจเผด็จการทุนสามานย์ “ที่มักใหญ่ใฝ่สูงใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภา แก้ไขกฎหมายที่ขัดรัฐธรรมนูญ และใช้อำนาจรัฐฆ่าตัดตอนผู้บริสุทธิ์ การแต่งตั้งพวกพ้องและแทรกแซงข้าราชการประจำ การโกงกินอย่างมโหฬาร เพื่อเจ้าของพรรคและครอบครัว”
โดยกปปส.นำเสนอคำขวัญที่ประชาชนสนับสนุนคือ “ล้มทุนสามานย์-การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ในปี 2556-2557
2.กำนันสุเทพ แกนนำกปปส.ได้ปฏิบัติภารกิจเพื่อบ้านเมืองเสร็จสิ้น ในการยุติบทบาทของรัฐบาลนอมินี ก็มิได้ไปร่วมเป็นรัฐมนตรีหรือมีตำแหน่งอะไรในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เช่นเดียวกับคนเดือนตุลาคม 2516 เพราะเราทำงานใหญ่ออกมาขับไล่ 3 ทรราชด้วยความบริสุทธิ์ใจทำเพื่อบ้านเมือง มิใช่เพื่อตนเอง
3.กปปส.นำโดยกำนันสุเทพและคณะ ได้ออกรณรงค์ให้ประชาชนลงประชามติรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งสามารถเอาชนะฝ่ายพรรคการเมืองเก่าทั้งสองพรรค (เพื่อไทยและ ปชป.) ที่ออกมารณรงค์ไม่รับรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงและการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญ 2517
4.ในระหว่าง รัฐบาลคสช.ที่มีพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีมีการปฏิบัติภารกิจและบริหารบ้านเมือง โดยเฉพาะการร่างรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 และการลงประชามติรับรัฐธรรมนูญ 2560 รวมทั้งการดำเนินการต่อเนื่อง โดยยึดตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2560, แกนนำ กปปส. ก็ให้โอกาสรัฐบาลประยุทธ์ โดยมิได้มีการต่อต้านขัดขวาง เหมือนกับพรรคการเมืองเก่า ที่หาเรื่องใส่ร้ายโจมตีขัดขวางเป็นรายวัน ฯลฯ,
ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับ “คนเดือนตุลา” ที่ให้รัฐบาลคึกฤทธิ์-เสนีย์บริหารประเทศ ในปี 2518-2519
5.ผู้นำนักศึกษาประชาชนเดือนตุลา 2516 ได้สืบสานต่อ “ภารกิจเพื่อประชาธิปไตยที่ยังไม่บรรลุผล” ด้วยการร่วมคิดร่วมใจร่วมแรงจัดตั้ง “พรรคการเมืองเชิงอุดมการณ์” ที่เน้นเอาผลประโยชน์ประชาชนและประเทศ แล้วส่ง“ตัวแทนของประชาชนจากหลากอาชีพทั้งในเมืองและชนบท“ ลงสมัครเลือกตั้งทั่วไป ปี 2518 โดยได้รับการต้อนรับและสนับสนุนจากประชาชนทั้งประเทศ ที่คาดหวังให้มาสานต่อภารกิจเพื่อประชาชน ทำให้ได้ สส.มากถึง 37 คน (พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย 15 คน พรรคพลังใหม่ 12 คน และพรรคแนวร่วมสังคมนิยม 10 คน) ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์ โดยได้มาเป็นส่วนสัดมากกว่าพรรคการเมืองเก่าฯ
@ เช่นเดียวกัน ประชาชนที่เข้าร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์ปี 2556-2557 ต่างหวังให้แกนนำ กปปส.ได้มาสืบสานภารกิจการปฏิรูปสังคม ทั้งการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจสังคมฯในส่วนที่คงค้างอยู่จากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เช่น การปฏิรูปพรรคการเมือง การปฏิรูปตำรวจ การปฏิรูปข้าราชการ การกระจายอำนาจ ฯลฯ
ดังนั้นแกนนำกปปส.ผู้นำภาคประชาชนที่รักชาติรักประชาธิปไตยฯต้องออกมาร่วมกันทำภารกิจประวัติศาสตร์นี้ หากเพิกเฉยเห็นแก่ตัว หรือเห็นแก่พรรคการเมืองใดๆ ก็จะทำให้เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 2556-2557 ไม่บรรลุ และที่สำคัญ แกนนำกปปส.และมวลมหาประชาชนปี 2556-2557 ล้วนมีบทเรียนและประสบการณ์รักบ้านเมือง ที่ได้แสดงออกมาให้ประชาชนไทยและชาวโลก ได้ประจักษ์แล้ว จักต้องออกมาแบกรับภารกิจต่อให้สำเร็จ
@ เรามาดูกันว่า “ทำไมต้องเป็นพรรคมวลมหาประชาชนฯ” ในการมารับช่วงสานภารกิจใหญ่เพื่อชาติ
l ทำไม ประชาชนไทยที่รักบ้านเมือง ที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย จึงส่ายหน้า เมื่อมีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ในต้นปี 2562 ก็เพราะประชาชนต่างรู้เช่นเห็นชาติว่า “พรรคการเมืองเก่าที่จะกลับมาเป็นรัฐบาลต่อไป” เป็นอย่างไร
พรรคการเมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดนี้ ก็เป็นพรรคการเมืองที่ทำเพื่อเจ้าของพรรคและน้องสาวนอมินีมาก่อน และก่อวิกฤติร้ายแรงให้กับชาติและบ้านเมืองมาตลอด ไล่มาตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ-สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์ จนมาถึงปัจจุบัน พฤติกรรมนอกจากไม่มีการปฏิรูป ยังหนักข้อมากขึ้น ในทุกรูปแบบ กล่าวหาใส่ร้ายรัฐบาลด้วยข่าวเท็จ (Fake News) เป็นส่วนใหญ่ การกระทำโดยตรงและโดยอ้อม จาบจ้วงสถาบันหลักของชาติและผู้นำของเขาที่โดนคดี ศาลตัดสินว่ามีความผิด ก็หนีคดีไปเคลื่อนไหวที่ต่างประเทศ เลียนแบบพี่ชาย
ส่วนพรรคการเมืองเก่าฯ ก็ยังคงดำเนินการตามหลักการเพื่อตนเองมากกว่าบ้านเมืองแสดงออกมาให้เห็นชัด “ไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ และการประกาศร่วมกับพรรคใหญ่ในการต่อต้านพลเอกประยุทธ์”
l สิ่งที่จะทำให้ประชาชนยิ้มได้มีความหวัง “อยู่ที่” การตั้งพรรคการเมืองใหม่ มีอุดมการณ์ มีศักยภาพทำได้จริง
เรามาดูว่า ประชาชนชาวไทยต้องการพรรคการเมืองแบบใดที่หวังได้ เชื่อมั่นและเป็นจริงได้ เป็นอย่างไร
พรรคการเมืองมวลมหาประชาชนฯนี้ ต้องแตกต่างไปจากพรรคการเมืองเก่าอย่างสิ้นเชิง ในเรื่องของ “อุดมการณ์ แนวทาง นโยบาย ธรรมนูญ องค์ประกอบ ที่มา และเป้าหมาย” โดยหลักการทั่วไปของพรรคการเมืองมวลมหาประชาชนฯ มีเอกลักษณ์ของไทย คือ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ คือ “ประชาชนมาก่อน”สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสังคมไทยที่สามารถปฏิบัติได้จริงหลักประกันสำคัญที่สุดคือ เป็นพรรคของประชาชน, ประชาชนเป็นเจ้าของพรรค เป็นผู้กำหนดและตัดสินใจ มีธรรมนูญ ที่กำหนดโครงสร้าง องค์ประกอบ ที่มาและเป้าหมาย ให้พรรคและสมาชิกยึดมั่นเป็นหลักปฏิบัติ มีอุดมการณ์ แนวทาง นโยบาย ที่ถูกต้อง ชัดเจน เป็นจริง เป็นที่ยอมรับและเป็นไปเพื่อมวลมหาประชาชน
l อุดมการณ์ คือ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อันเป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทย ที่รักษาปกป้องบ้านเมืองมาได้ตลอด นับแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน โดยมีโครงสร้างระบบและกระบวนการเข้าสู่อำนาจรัฐ การใช้อำนาจและการตรวจสอบอำนาจรัฐโดยประชาชน โดยประชาชนสามารถมาร่วมเป็นเจ้าของประเทศ เพื่อกำหนดอนาคตของตนเองได้อย่างแท้จริง ซึ่งต้องเริ่มจากการมีพรรคการเมืองของประชาชน โดยประชาชนทุกสาขาอาชีพที่มีคุณภาพมีตัวแทนของตน สามารถเข้าสู่การเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายยุติธรรมและการตรวจสอบถ่วงดุล มีแนวทางนโยบายในการปฏิรูประบบโครงสร้างของสังคมให้เป็นธรรม และสร้างประชาชนที่มีคุณภาพ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี