แนวหน้าหนังสือพิมพ์คุณภาพ ทุกบรรทัดคือสาระและข้อเท็จริง...
nn สุดสัปดาห์นี้มีเรื่องร้อนๆที่เกิดขึ้นกับการเมืองแบบไทย เมื่อมีกระแสข่าวว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เตรียมจะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตีความร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่?...
nn เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาจาก “มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นห่วงเรื่องการสมัครสว.2 ประเภทว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่...
nn “คชสีห์” อธิบายง่ายๆ ดังนี้สนช.ได้ปรับแก้ให้แบ่งประเภทการสมัคร สว.ออกเป็น 2 ประเภท โดยประกอบไปด้วย 1.นิติบุคคลส่ง 2.อิสระ...
nn จากนั้นจะแบ่งเลือกสว.ออกเป็น2 กล่อง กล่องละ 100 คน จากทั้ง 2 ประเภท ซึ่งตรงนี้เองที่มีการสงสัยและตั้งคำถามว่าอาจจะขัดกับมาตรา 107 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุให้ต้องเลือกรวมกันหมดทั้ง200 คนหรือไม่...
nn ฟังเสียงของ “มีชัย” ในฐานะประธานกรธ. กันต่อ โดย “มีชัย” กล่าวว่าเมื่อสนช.ให้ความเห็นชอบแล้ว จะทำให้เกิดความชัดเจนด้วยการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะหากปล่อยไป วันหน้ามีคนยกขึ้นมา มันจะเกิดปัญหาได้ ซึ่งการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความไม่กระทบต่อโรดแมปเลือกตั้ง ยังคงอยู่ในกรอบเดือนก.พ. 2562 ที่เป็นการคำนวณแบบเต็มเหยียด...
nn แต่ถ้าจะทำความเข้าใจกันแบบละเอียด “คชสีห์” ขอให้พิจารณาเนื้อหาในหนังสือที่ “มีชัย” ทำถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เพราะไปๆ มาๆ ไม่ได้มีปัญหาแค่พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.เพียงฉบับดียว แต่ยังมีปัญหากับร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส. ด้วย...
nn “คชสีห์”นำมาให้อ่านและพิจารณากันชัดๆ “ในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. กรธ.ปรึกษาหารือกันแล้ว มีความห่วงกังวลอย่างมาก ในส่วนที่เกี่ยวกับ 1.วิธีการสมัคร ที่แบ่งออกเป็นสองวิธีคือ การสมัครด้วยตนเอง กับการสมัครด้วยการแนะนำจากองค์กร และ 2.การเลือกในระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ โดยให้ผู้สมัครแต่ละวิธีแยกกันเลือกเป็นบัญชีสองประเภท เนื้อหาดังกล่าวทำให้ผลการเลือก ไม่ใช่การเลือกกันเองระหว่างผู้สมัครทั้งหมดเพราะเป็นการแบ่งโควตาระหว่างผู้สมัครอิสระกับองค์กรแนะนำ ซึ่งการให้องค์กรเป็นผู้กลั่นกรองก่อนนั้น ทำให้ประชาชนไม่สามารถเลือกสมัครได้อย่างเสรีทุกกลุ่มจึงไม่ตรงตามเจตนารมณ์ มาตรา 107 ของรัฐธรรมนูญ ที่มุ่งให้ผู้สมัครเลือกกันอย่างเท่าเทียม ภายใต้กฎเดียวกัน และไม่ได้มุ่งหมายให้แยกประเภท ซึ่ง
กรธ.เห็นว่า ปัญหาไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมีความสำคัญ หากมีผู้ร้องเรียนภายหลังจะทำให้การเลือกสว.ต้องเสียไปทั้งหมด และจะกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่อาจดำเนินการต่อไปได้...
nn “ส่วนในร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.มีข้อห่วงกังวล 2 ประเด็น คือ 1.มาตรา 35 การตัดสิทธิเป็นข้าราชการการเมือง หากไม่ไปเลือกตั้ง เพราะการที่ผู้ใดจะเข้ารับตำแหน่งไม่ใช่สิทธิ แต่เป็นเสรีภาพ จึงกังวลว่า เป็นการเขียนเกินขอบเขตการจำกัดสิทธิตามมาตรา 95วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญ และ 2.การให้บุคคลอื่นหรือกรรมการประจำหน่วย ลงคะแนนแทนผู้พิการ และให้ถือเป็นการออกเสียงโดยตรงและลับ กรธ.กังวลว่า จะขัดต่อมาตรา 85 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ สส.มาจากการลงคะแนนโดยตรงและลับ การกำหนดแบบนี้ จึงเป็นการยอมรับว่า การลงคะแนนดังกล่าวไม่ตรงและลับ อีกทั้งเคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 9/2549 ที่ระบุ หลักการเลือกตั้งโดยลับว่า จะต้องดำเนินการเลือกตั้งโดยไม่ให้ผู้ใดทราบเลยว่า ผู้ลงคะแนนตัดสินใจเลือกใคร”...
nn อย่างไรก็ตาม มีข่าวว่า สนช.กลุ่มหนึ่งจะล่าชื่อให้ถึง 1 ใน 10 เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่จะส่งตีความเฉพาะ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.เพียงฉบับเดียวเท่านั้น...
nn “คชสีห์” เชื่อว่า ยังไงๆ การส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกิดขึ้นแน่นอน ส่วนจะส่งฉบับเดียวหรือทั้งสองฉบับก็สุดแล้วแต่ แต่ที่น่าหนักใจและน่าจะเป็นปัญหาของสนช. ก็คือ สนช.ไม่รู้ว่าจุดยืนตลอดจนบทบาทและหน้าที่ของตัวเองนั้นอยู่ตรงไหน ที่สำคัญ ยังไม่รอบคอบในการพิจารณากฎหมายที่สำคัญ เพราะไปๆ มาๆ ดันกลับมามีข้อสงสัยในการตัดสินใจรวมไปถึงการกระทำของตัวเองว่า ที่มีมติโหวตกฎหมายจนผ่านสภาไปแล้วนั้น มันมีประเด็นที่อาจจะขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่?...
nn มือกฎหมายของประชาธิปัตย์อย่าง “วิรัตน์ กัลยาศิริ” พูดตอกย้ำเสียดแทงใจกันตรงๆว่า “กรณีนี้เป็นเหตุสร้างความเคลือบแคลงสงสัยต่อประชาชนในบทบาทโดยรวมของ สนช. และยิ่งทำให้สังคมขาดความเชื่อมั่น ซึ่งไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองได้แสดงความคิดเห็นท้วงติงมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อกฎหมายผ่านแล้ว และกำลังจะนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อโปรดเกล้าฯ อาจจะเป็นสิ่งมิบังควร บริบทเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่า สนช. ไม่ได้ใส่ใจสาระแห่งรัฐธรรมนูญ จนเกิดข้อครหาว่า มีใบสั่ง หรือรับคำสั่งจากผู้มีอำนาจหรือไม่”...
nn เอาล่ะ ถ้ามีการยื่นเรื่องส่งตีความกันจริงๆ ปัญหาที่ห่วงกันก็คือ กรอบเวลาในการเลือกตั้งซึ่งเคยกำหนดเอาไว้ ไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ก็อาจจะต้องเขยิบตาม...nn ใครว่าไม่กระทบ แต่ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” กกต. ยืนยันว่ากระทบแน่นอน “ใครบอกที่ไม่กระทบโรดแมป ให้ไปเรียนบวกเลขกันใหม่ กรณีที่ไม่มีการยื่นศาล ต้องใช้เวลาเต็มที่ 330วัน หลังจากนายกฯทูลเกล้าฯ คือรอโปรดเกล้าฯ 90 วัน ชะลอการใช้ 90 วัน เวลาเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ 150 วัน (90+90+150= 330)ดังนั้นหากนายกฯ สามารถทูลเกล้าฯ ได้ในเดือนมีนาคม 2560นับไป 11 เดือน ก็คือกุมภาพันธ์ 2562 แล้ว ส่วนกรณีที่มีการยื่นศาล ต้องทดเวลาเพิ่มอีก 2 เดือน คือเผื่อการวินิจฉัยของศาลไว้ประมาณ เดือนครึ่งและการนำกลับมาแก้เล็กหลังศาลวินิจฉัยอีกครึ่งเดือน การนับเวลาใหม่จึงเป็น 60+90+90+150 = 390 วัน หรือ 13 เดือน แปลว่า วันเลือกตั้งจะเคลื่อนจากโรดแมปไปอีกสองเดือนจากกุมภาพันธ์ เป็นเมษายน 2562”...nn
คชสีห์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี