หลังจากการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ 18 สถาปนาอำนาจการนำของสี จิ้น ผิง ขึ้นในแผ่นดินจีนแล้ว สี จิ้น ผิง ได้แสดงสุนทรพจน์สำคัญเตือนสมาชิกทั่วทั้งพรรคว่า ในระยะต่อไปนี้ให้สหายทุกคนระมัดระวังกระสุนน้ำตาล
คอลัมน์นี้ได้นำสุนทรพจน์ดังกล่าวมาขยายความให้ได้ทราบกันโดยทั่วไปว่า คำเตือนเรื่องกระสุนน้ำตาลนั้น ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และผู้ที่เริ่มพูดเรื่องนี้คนแรกคือประธาน เหมา เจ๋อ ตุง อดีตผู้นำของจีน
ในครั้งนั้นเมื่อกองทัพแดงได้รับชัยชนะในยุทธการเหลียวเสิ่น ยุทธการหวายไห่ และยุทธการเป่ย ผิง เทียนสิน แล้ว กองทัพแดงก็ได้เคลื่อนเข้าปักกิ่ง จากนั้นก็มีการประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน
ก่อนเคลื่อนทัพเข้าปักกิ่งได้มีการประชุมผู้นำพรรค ผู้นำกองทัพ ครั้งใหญ่ ในที่ประชุมนั้นประธาน เหมา เจ๋อตุง ได้แสดงสุนทรพจน์สำคัญเป็นเนื้อความว่า
“นับแต่บัดนี้ไป สิ่งที่พวกเรามีความชำนาญและมีประสบการณ์อย่างโชกโชน (ซึ่งหมายถึงการทำสงคราม) จะไม่ได้ใช้แล้ว แต่สิ่งที่พวกเราไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความชำนาญ (หมายถึงการบริหารประเทศ) จะเผชิญหน้าเรา สิ่งที่เผชิญหน้าเรานั้นมีอันตรายร้ายแรงไม่ต่างกับสงคราม ในสงครามที่พวกเรามีประสบการณ์ใช้กระสุนเหล็ก แต่ในสงครามครั้งใหม่จะใช้กระสุนน้ำตาล ซึ่งโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่า สหายทั้งหลายจึงต้องระมัดระวังกระสุนน้ำตาล”
หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้อำนาจรัฐก็ต้องเผชิญหน้ากับกระสุนน้ำตาลจริงๆ นั่นคือลัทธิบริโภคนิยม การเสพสุขและการคอร์รัปชั่น กระสุนน้ำตาลนี้ได้ทำลายผู้นำและสมาชิกพรรค ตลอดจนผู้ปฏิบัติงานของรัฐจำนวนมาก
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างต่อเนื่อง แม้กระนั้นก็ยังมีการคอร์รัปชั่นที่หลุดรอดสายตาไปเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนสถาปนาอำนาจการนำของ สี จิ้น ผิง ขึ้นแล้ว เรื่องสำคัญที่ สี จิ้น ผิง เร่งรีบดำเนินการคือ การคืนชีวิตใหม่ให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน นำสมาชิกพรรคเข้าสู่ความเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งภารกิจนี้สำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นศูนย์กลางการนำประเทศจีน ประชาชนจีน และกองทัพปลดแอกประชาชนจีนด้วย
คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ภายใต้การนำของสี จิ้น ผิง จึงได้ทำการปรับปรุงพรรคครั้งใหญ่ นำคนหนุ่มสาวเข้าสู่อำนาจ กำราบปราบปรามการทุจริตฉ้อฉลอย่างไม่ไว้หน้า
เป็นครั้งแรกที่มีการปราบปรามผู้บริหารระดับสูงสุด คือ กรรมการประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลาง คือ โจว หย่ง คัง ซึ่งมีอำนาจสูงและยาวนานมาก มีการยึดทรัพย์ได้กว่า 500,000 ล้านหยวน มีการปราบปรามรองประธานคณะกรรมการการทหารกลาง คือ พลเอกสู ไช่ โห้ว และมีการยึดทรัพย์กว่า 65,000 ล้านหยวน นอกจากนั้นยังมีการกำราบปราบปรามเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ทั้งของพรรคและของรัฐอีกเป็นจำนวนมาก
พร้อมๆ กันนั้นก็มีการปราบปรามผู้นำระดับสูงสุดในระดับมณฑล เมือง ตำบลและหมู่บ้าน ทั้งผู้ปฏิบัติงานของพรรค ของรัฐ และของกองทัพ นับเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านคน
มีการดำเนินการอย่างเฉียบขาดเป็นขั้นตอนคือ
ขั้นแรก ปลดออกจากตำแหน่ง ไม่เปิดโอกาสให้ใช้ตำแหน่งคุ้มครองการกระทำความผิดนั้น ในการนี้ได้มีการโยกย้ายหรือปลดผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เหลือเยื่อใยในการคุ้มครองปกป้องการทุจริต
ขั้นที่สอง ตรวจสอบทรัพย์สินและยึดทรัพย์ โดยเปิดโอกาสให้ชี้แจงภายในระยะเวลา 60 วัน ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็ตกเป็นของแผ่นดิน
ขั้นที่สาม การดำเนินคดีอาญาและลงโทษสูงสุดตามความผิดตั้งแต่โทษประหารชีวิตลงมา
ด้วยกระบวนการอย่างนี้จึงทำให้การปราบปรามการทุจริตเป็นไปอย่างได้ผล และเป็นที่ยำเกรง เพียงระยะเวลา 5 ปี พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ฟื้นคืนชีวิตใหม่ที่กระปรี้กระเปร่าและสร้างความเชื่อถือศรัทธาให้แก่ประชาชนจีนทั่วประเทศ ในขณะที่การพัฒนาประเทศและการดำเนินนโยบายต่างประเทศก็ก้าวหน้าและประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
ประชาชนจีนทั่วประเทศจึงเรียกร้องต้องการให้สร้างความมั่นคงในทางการเมืองเพิ่มขึ้น และยกเลิกข้อจำกัดในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของจีนจากสองสมัย เป็นไม่จำกัด ซึ่งเปิดโอกาสให้สมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน และสภาประชาชนแห่งชาติ รวมทั้งสภาที่ปรึกษาการเมืองมีอำนาจที่จะแต่งตั้งให้ สี จิ้น ผิง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปตามความจำเป็นของสถานการณ์
ประชาชนจีนถือว่ารัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือในการสร้างชาติ ในการพัฒนาประเทศและทำนุบำรุงประชาชน จึงต้องปรับปรุงสนับสนุนให้เครื่องมือนี้อำนวยประโยชน์สูงสุดแก่ชาติและประชาชน ไม่ติดยึดอยู่กับความไร้เดียงสาบ้าบอแบบที่เป็นอยู่ในบางประเทศ
มีผู้สื่อข่าวตะวันตกสัมภาษณ์ สี จิ้น ผิง ว่า การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นจะมีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้เดียงสามาก เพราะในประเทศของผู้สื่อข่าวนั้นไม่กล้าและไม่เคยปราบปรามการคอร์รัปชั่นเช่นที่ สี จิ้น ผิงเคยกระทำเลย ยังมีหน้าไปสัมภาษณ์ได้อย่างไร
สี จิ้น ผิง ได้แต่หัวเราะ และกล่าวสั้นๆ ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะปราบทั้งเสือและแมลงวัน
แล้วประเทศไทยของเราเมื่อพูดว่าจะปราบการคอร์รัปชั่น ก็ต้องทำให้เห็นจริงว่าปราบทั้งเสือและแมลงวัน ไม่ใช่เสือก็ไม่กล้าปราบ และแม้แมลงวันก็ปราบไม่ได้!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี