รัฐประหารครั้งล่าสุดในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีคำถามว่าหลังจากทำรัฐประหารมาจวบจนถึงวันนี้ สังคมไทยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงในด้านบวกหรือลบ เปลี่ยนแปลงแบบดีขึ้นหรือเลวลง
คำถามนี้เป็นคำถามปลายเปิด คุณผู้ตอบสามารถตอบได้ตามสะดวก
มีสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนในสังคมไทยในยุคหลังรัฐประหาร22 พฤษภาฯ คือในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ล้วนเต็มไปด้วยทหารและตำรวจ แต่ก็มิได้มีใครห่วงห้ามการแต่งตั้งทหารและตำรวจเป็นสนช. ถ้าหากทหารตำรวจที่ได้รับแต่งตั้งมีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับการทำหน้าที่ แต่ที่น่าเป็นห่วง และมีคำถามมาโดยตลอดคือ ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นสนช.มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับงานจริงหรือ
เราต้องยอมรับความจริงว่าสมาชิกสนช.ทั้งหมด จำนวนไม่เกิน 250 คน ล้วนแล้วแต่มาจากการแต่งตั้งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) คือพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งสิ้น ถึงแม้สนช.ทั้งหมดจะมิใช่ทหารตำรวจก็ตาม แต่ก็เป็นความจริงว่ามีทหารและตำรวจเป็นสนช.มากกว่าบุคคลจากแวดวงอาชีพอื่นๆ นอกจากทหารตำรวจแล้ว ยังพบว่าสนช.เป็นบุคคลที่มาจากข้าราชการพลเรือนอีกเป็นจำนวนมาก
เท่าที่ดูคร่าวๆ พบว่า ทหารตำรวจเป็นสมาชิกสนช.เกินกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนข้าราชการเป็นสนช. ประมาณ25-26 เปอร์เซ็นต์
ขอย้ำอีกทีว่า ไม่ใช่เรื่องผิดที่สนช.ในยุคของคสช.จะมีทหารตำรวจและข้าราชการพลเรือนเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งสำคัญที่กลายเป็นคำถามของสังคมคือคนกลุ่มดังกล่าวมีคุณสมบัติและมีความสามารถในการทำหน้าที่สนช.ได้อย่างสมบูรณ์หรือเปล่า
คำถามอีกข้อหนึ่งที่ตามมาคือ แล้วสนช.ในยุคคสช.ใช้งบประมาณของประเทศได้ดีงาม และขาวสะอาดกว่ายุคที่บ้านเมืองมีสส.และสว.ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง มากน้อยเพียงใด
คำถามนี้ ยังไม่มีคำตอบชัดเจนในขณะนี้ แต่รับรองว่าอีกไม่นานคำตอบนี้จะกระจ่างชัดอย่างแน่นอน เพราะหลายต่อหลายฝ่าย โดยเฉพาะนักการเมืองกำลังเฝ้าจับตามองดูการใช้เงินของสนช.กันอย่างใกล้ชิด และรับรองว่าเรื่องการใช้เงินของสนช.จะถูกเปิดโปงในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะในวันที่คสช.หมดอำนาจลง
เหตุที่ใช้คำว่าถูกเปิดโปง ก็เพราะผู้เขียนได้คุยกับนักการเมืองหลายคน ซึ่งนักการเมืองที่พูดคุยด้วยได้เปรยๆ ว่า สนช.ยุคคสช.ใช้เงินกันอย่างน่าสงสัย และดูจะเข้าข่ายสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์เสียด้วย
ผู้เขียนถามนักการเมืองที่พูดคุยด้วยว่า หากเชื่อมั่นว่ามีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า สนช.ใช้เงินไม่น่าจะถูกต้องและโปร่งใส แล้วเหตุใดไม่เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวต่อสาธารณชน จะเก็บงำไว้
เพื่อประโยชน์อะไร
นักการเมืองตอบว่า พูดไปตอนนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะสนช.มีอำนาจ โต้แย้งอะไรไปเขาก็ไม่มีวันฟัง
ผู้เขียนบอกกับนักการเมืองว่า ถ้าเช่นนั้นขอให้เปิดเผยข้อมูลที่ว่าน่าสงสัยให้กับสื่อมวลชน เพื่อสื่อฯ จะได้นำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบ เขาก็ตอบอีกว่า สื่อฯ ก็อยู่ใต้อำนาจของสนช. ซึ่งเรื่องนี้ผู้เขียนได้โต้แย้งกลับไปว่า คงไม่ใช่สื่อฯ ทั้งหมดหรอก เพราะสื่อฯ ที่กล้าตรวจสอบสนช. และคสช. ก็ยังคงมี เพียงแต่ยังหาข้อมูลที่มีหลักฐานชัดเจนที่จะใช้ตรวจสอบสนช. และคสช. ยังไม่ได้เท่านั้น หากนักการเมืองมั่นใจว่ามีหลักฐานชัดเจนที่บ่งบอกให้เห็นว่ามีการทุจริตในสนช. และคสช. ก็ขอได้ให้กับสื่อฯ เพื่อจะได้นำเสนอให้ประชาชนได้รับทราบ แล้วช่วยกันตรวจสอบต่อไป
นักการเมืองบอกว่าแค่เพียงว่า ลองไปติดตามดูสิว่า สนช.ในยุคคสช.ใช้งบเดินทางไปที่ไหนต่อไหนบ้าง แล้วไปเพื่อทำงานโดยแท้จริงหรือว่าไปเพื่อเรื่องความบันเทิงส่วนตัว
ผู้เขียนตอบไปว่า เท่าที่พอจะทราบก็เห็นว่าสนช.อ้างว่าไปทำงาน ซึ่งก็คงไม่ต่างไปจากยุคที่นักการเมืองเป็นสส.และสว. เพราะสส.และสว.ก็เดินทางกันตลอดเวลา ทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนและนักข่าวสายการเมือง โดยเฉพาะสายรัฐสภาต่างก็พยายามสืบเสาะค้นหาการใช้เงินของสนช.อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งก็พบว่ามีการเดินทางเป็นประจำ แต่ยังไม่สามารถได้หลักฐานชัดเจนว่าในการเดินทางแต่ละครั้งใช้เงินเป็นจำนวนเท่าไร แต่สิ่งหนึ่งที่พบเห็นก็คือมีการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยพอสมควร และแต่ละครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศก็มีจำนวนผู้ร่วมคณะไปมิใช่น้อย
ผู้เขียนและนักข่าวสายรัฐสภา รวมถึงสาธารณชนกำลังเฝ้าติดตามการเดินทางของสนช. และพยายามค้นหาว่าการเดินทางแต่ละครั้งใช้เงินจำนวนเท่าไร มีสมาชิกไปในคณะกี่คน และไปแล้วได้ผลประโยชน์อะไรกับประเทศชาติ
สาธารณชนรู้ดีว่าในยุคที่มีสส.และสว.ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ทั้งสส.และสว.ต่างก็เดินทางกันเป็นประจำ ทั้งเดินทางภายในประเทศและต่างประเทศ แล้วก็ได้ข่าวเป็นระยะๆ ว่าในการเดินทางไปต่างประเทศนั้น มีการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินจำนวนมิใช่น้อย และยังจับได้ว่าในหลายต่อหลายครั้งผู้ร่วมคณะไปกับสส.และสว.ก็เป็นเครือญาติและคนใกล้ชิด และยังมีหัวคะแนนทางการเมืองติดตามไปด้วย ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่า ทำไมจึงมีเครือญาติและคนใกล้ชิดของสส.และสว.ร่วมคณะไปได้ แล้วมีคำถามสำคัญคือคนเหล่านั้นใช้เงินงบประมาณแผ่นดินในการร่วมเดินทาง ใช่หรือไม่
นี่คือประเด็นปัญหาหนึ่งที่สาธารณชนตั้งคำถามกับสส.และสว. มาโดยตลอด และปัจจุบันปัญหานี้ก็กำลังถูกตั้งกับสนช.จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางไปต่างประเทศเป็นประจำ ปัญหาอยู่ตรงที่สนช.ผู้ซึ่งเดินทางไปต่างประเทศนั้นไปด้วยเหตุผลอะไร มีภารกิจสำคัญอะไรในการร่วมเดินทาง เพราะมีข้อสังเกตว่าสนช.บางรายเดินด้วยตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ แน่ใจหรือว่าไปดูงานโดยแท้จริง เพราะบางรายดูแลตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วจะไปดูงานต่างประเทศได้อย่างไรกัน
ขอย้ำว่านี่คือปัญหาประการหนึ่งที่สังคมกำลังจับตามองสนช. และมีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานปัญหาเหล่านี้จะถูกขยายความให้สาธารณชนได้รับทราบ
ส่วนปัญหาอีกข้อหนึ่งที่จะขอชวนคุณคิดในสัปดาห์นี้คือ เรื่องที่สนช.จำนวนไม่น้อยรับงานในคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ กันจนเลอะไปหมด ทั้งๆ ที่เมื่อพินิจพิจารณาแล้วก็จะพบว่าสนช.จำนวนไม่น้อยไม่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญใดๆ ในงานของคณะกรรมาธิการนั้นๆ แม้แต่น้อย เรื่องนี้ทำให้สาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการสิ้นเปลืองเงินงบประมาณแผ่นดินโดยเปล่าประโยชน์ และมีเสียงเรียกร้องขอให้สนช.ที่รู้ตัวดีว่าตนเองไม่มีประสบการณ์ และไม่มีความสามารถโดยแท้จริงกับงานของคณะกรรมาธิการชุดนั้นๆ ได้โปรดพิจารณาตัวเอง และได้โปรดอย่ารับหน้าที่ใดๆ ในคณะกรรมาธิการชุดที่ตนเองไม่มีความสามารถเลย เพราะการทำงานในสิ่งที่ตนเองไม่มีความรู้ความสามารถ และไม่มีความถนัดแล้ว ไม่มีวันสร้างสรรค์ประโยชน์แต่อย่างใดให้กับประเทศชาติได้เลยแม้แต่น้อย
เรื่องที่เขียนมาเพื่อชวนคุณคิดในสัปดาห์นี้เป็นเรื่องจริงที่สนช.จำนวนไม่น้อยต่างประจักษ์แจ้งอยู่แก่ใจตนเป็นอย่างดี แต่ที่มากกว่านั้นคือ เรื่องเหล่านี้อยู่ในสายตาของนักการเมือง และนักข่าวสายรัฐสภาตลอดเวลา หวังว่าสนช.คงจะไม่ทำตัวเหลวแหลกไม่ผิดแผกไปจากนักการเมืองที่สนช.จำนวนไม่น้อยดูถูกดูแคลนเขา เพราะเห็นว่านักการเมืองทำเรื่องเลวร้ายมาโดยตลอด ในเมื่อสนช.มองว่านักการเมืองเลวร้าย ก็จงอย่าทำตัวเลวร้ายไม่ต่างไปจากนักการเมืองเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี